xs
xsm
sm
md
lg

TMBAMชี้ลูกค้าเชื่อมั่นจีนไม่ถอนเงินหนี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"โชติกา" ยันเเม้มูลค่าหน่วยลงทุน"ทหารไทย China Equity Index " จะรูดลงกว่า 70% เเต่นักลงทุนไม่ถอดใจ ชี้กลับเห็นเป็นโอกาสดีในการเข้ามาลงทุนช้อนซื้อของดีราคาถูก ส่งผลให้ไซด์กองทุนไม่ลดลงเมื่อเทียบกับวันที่จัดตั้งโครงการ เชื่อนักลงทุนมั่นใจจีนอนาคตไกล ด้าน"ธีรพันธุ์"มอง ถ้าเศรษฐกิจจีนดีดกลับมาเช่นเดิม นักลงทุนจะตบเท้าเข้ามาลงทุนอีกครั้งเเน่
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวถึงกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ว่า เเม้มูลค่าหน่วยลงทุนจะลดลงกว่า 70% เเต่ผู้ถือหน่วยก็ไม่ได้เทขายหน่วยลงทุน ซึ่งบางส่วนก็กลับเข้ามาช้อนซื้อในหน่วยลงทุนในเวลานี้เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้มูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ประมาณ 6-7 บาท ก็มีนักลงทุนทยอยเข้ามาซื้อ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิหรือขนาดของกองทุนไม่ได้ลดลงมากเมื่อเทียบตั้งเเต่จัดตั้งกองทุนในวันที่ 28 กันยายน 2550
ทั้งนี้ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย ให้มุมถึงเศรษฐกิจของจีนว่า การเติบโตของประเทศจีนยังไปได้อีกไกล เนื่องจากรัฐบาลมีการจัดกาารวางระบบสาธารณูปโภคเช่นการตัดถนนเข้าไปยังเมืองต่างๆ เรียกได้ว่าพัฒนาระบบพื้นฐานของประเทศ ไว้มาก อีกทั้งจีนเองก็พึงพาการส่งออกไม่มากเเละหันกลับมาพึงพาการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ประเทศจีนได้รับผลกระทบด้านข่าวสารมากกว่า เช่น ข่าวนมที่เปื้อนสารเมลามีน เป็นต้น เเต่เชื่อว่าในระยะยาวจีนจะเป็นประเทศที่น่าจับตามองมากที่สุด
ส่วนสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีแรกส่วนใหญ่ภาวะการลงทุนจะอยู่ในระดับที่ชะลอตัว โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศหรือ เอฟไอเอฟ แต่อย่างไรก็ตามยังจะต้องจับตาดูสถานการณ์ในช่วงครึ่งหลังอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากวิกฤิตของสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศหรัฐอเมริกา และส่งผลกระทบไปทั่วโลกจนทำให้บรรดาประเทศในยุโรปได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศในยุโรปตะวันออก อย่าง ยูเครนและฮังการี ที่ได้รับความเสียอย่างรุนแรงจนต้องขอเงินกู้จาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศ
แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของทั้ง 2ประเทศดังกล่าวนี้ยังถือว่า ไม่ใหญ่โตมากนัก โดยขณะนี้ประเทศที่กำลังจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงคือประเทศ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งเกาหลีใต้นั้น เป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนที่มาก ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาในเรื่องของสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นมาจากการปล่อยกู้ รวมถึงรัฐบาลไปกู้เงินมาจากต่างประเทศและมาปล่อยกู้ภายในประเทศอีกต่อหนึ่ง ซึ่งเมื่อเกิดภาวะสินเชื่อตึงตัว จึงได้รับความเสียหายอย่างมากจนทำให้ค่าเงิน วอน อ่อนค่าลงอย่างมาก ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน จนรัฐบาลต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ระบบ
นางโชติกา กล่าวอีกว่า ในอนาคตบลจ.ทหารไทย อยากมีกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท เช่น กองทุนที่ลงทุนน้ำมัน กองทุน soft Commodity เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนให้กับลูกค้ามากขึ้น Ffpให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ในผลตอบเเทนที่พึงพอใจ
ทางด้านนายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บลจ. นครหลวงไทย จำกัด กล่าวให้ความเห็นถึงภาวะตลาดหุ้นจีนในช่วงนี้ว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงกว่าประเทศอื่น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะนำเงินมาลงทุนในจีน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจดีที่สุดในโลก ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ จึงทำให้นักลงุทนต้องขายสินทรัพย์และถอนเงินลงทุนออกไป โดยส่งผลให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลงไปด้วย
อย่างไรก็ตาม มองว่าหากภาวะเศรษฐกิจจีนกลับมาดีดังเดิมได้ นักลงุทนก็จะหันมาลงทุนในตลาดหุ้นจีนอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นไปด้วยเช่นกัน ขณะที่ประเทศไทยหากมีการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ส่วนตลาดหุ้นหากยังปรับตัวลดลง 5% ถือว่าก็ยังน่าซื้อ แต่หากปรับตัวลดลงไปประมาณ 30% เรื่องนี้ก็ลำบาก
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุน เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี FTSE/Xinhua China A50 ให้มากที่สุด
รายงานสภาวะตลาดเงินเเละตลาดทุนประจำสัปดาห์ ของบลจ.ทหารไทยระบุว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสหรัฐประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.5% เหลือ 1.0% ญี่ปุ่นลดดอกเบี้ยลง 0.2% เหลือ 0.3% ในขณะที่จีนลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 3.0% นอกจากนี้ประธานธนาคารกลางของประเทศในกลุ่มยูโร กล่าวว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุม การลดดอกเบี้ยลงของธนาคารกลางประเทศต่างๆได้เเสดงให้เห็นถึงความกังวัลของธนาคารกลางถึงสภาวะเศรษฐกิจที่จะปรับตัวลดลงจากวิฤกติในภาคสถาบันการเงิน ในขณะที่ปัญหาการขาดสภาพคล่องในสกุลเงิน USD เริ่มคลี่คลาย จากการที่อัตราดอกเบี้ย LIBOR ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.0%
โดยการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศเเละเเนวโน้มที่ประเทศต่างๆที่ยังไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยลงเช่น อังกฤษเเละประเทศในกลุ่มยูโร จะมีการปรับลดดอกเบี้ยตามลงมา ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปเเละเงินเฟ้อพื้นฐานของประเทศไทยในเดือนตุลาคมที่ลดลงเหลือ 4.9% เเละ 2.3% ตามลำดับ ทำให้ความกังวลด้านเงินเฟ้อลดลง ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ ธนาคารเเห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลงในการประชุมวันที่ 3 ธันวาคม 2551 นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น