xs
xsm
sm
md
lg

"แมนูไลฟ์"ชี้ศก.จีนโตต่อเนื่อง เตือนลงสั้นระวังตลาดผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. แมนูไลฟ์ มองหุ้นจีนพุ่ง ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-การลงทุนในประเทศ แทนพึ่งพาการส่งออก ออกโรงเตือน ลงทุนระยะสั้น ยังต้องระวัง เหตุตลาดมีความผันผวนสูง จากการขายทำกำไร แต่ระยะยาว ยังโตต่อเนื่อง
นายพนุกร จันทรประภาพ
นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจจีนว่า ขณะนี้ผลการดำเนินของตลาดจีนเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้นมา โดยเฉพาะตลาด AShares และตลาดเซี้ยงไฮ้ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 68%จากต้นปี ซึ่งเป็นการปรับขึ้นที่ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ ถึงแม้จีนจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จากการที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่จีนยังถือว่าโชคดีเพราะมีเงินสำรองในประเทศเยอะ อีกทั้ง รัฐบาลได้มีการออกมาตรการต่างๆเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ทำให้จีดีพีของประเทศติดลบเหมือนหลายๆประเทศในภูมิภาคเดียวกัน

ทั้งนี้ เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลกไม่ดี จีนจึงเน้นให้นักลงทุนมีการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น แทนการนำเม็ดเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ ขณะเดียวกัน การที่จีนเป็นประเทศที่ใหญ่มีประชากรเป็นจำนวนมาก การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น จึงทำให้จีนไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเศรษฐกิจโลกมากนัก เหมือนกับประเทศอื่นที่จำเป็นจะต้องอาศัยเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก และในระยะยาวจีนยังสามารถเติบโตได้ดีด้วย

"นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนระยะสั้นให้มาก เนื่องจากตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาสูงมาก จากการที่นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ มีการเทขายหุ้นเพื่อทำกำไร จึงทำให้ตลาดหุ้นจีนยังคงมีความผันผวนอยู่มาก อย่างไรก็ตาม การลงทุนในในระยะยาวยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนได้ ซึ่งนักลงทุนควรมองถึงแนวโน้มในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าแทน" นายพนุกร กล่าว

ทั้งนี้ จากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา จึงทำให้จีนเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นและจีดีพีไม่ติบลบ โดยคาดว่าจะโตถึง 6-7% ซึ่งจากการคาดการณ์ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจถึงการฟื้นตัว และเริ่มที่จะเข้ามาลงทุนในจีนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยต่างๆ ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนบางกลุ่มยังคงรอดูความแน่ชัดทางเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้งหนึ่ง

ในส่วนของผลการดำเนินงานของกองทุนที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการที่ราคาหุ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมไปถึงกองทุนหลักที่เข้าไปลงทุนมีการบริหารจัดการกองทุนโดยผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้ และเชียวชาญเกี่ยวกับการลงทุนในจีน จึงทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.83%

สำหรับกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ ณ วัน 30 มิถุนายน 2552 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 945,718,267.48 บาท โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ กองทุน Manulife GlobalFund-China Value Fund (Class A) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ส่วนที่เหลืออาจจะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ หรือเงินฝากสถาบันการเงินที่มีอายุตราสารหรือระยะเวลาฝากเงินไม่เกิน 1 ปี

โดย ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2552 กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ ไชน่า แวลู เอฟไอเอฟ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 24.83% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 23.22% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 31.40% ส่วนเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 39.49% ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือน-8.20% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่-17.98% ส่วนผลการดำเนินงานนับตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 30.88% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 38.62% ทั้งนี้เกณฑ์มาตรฐานของกองทุนเปรียบเทียบ FTSE All-Wld Greater China Index.

ด้านข้อมูลของกองทุนหลัก Manulife Global Fund-China Value Fund มีวัถุประสงค์และนโยบายการลงทุนเพื่อบรรลุผลตอบแทนในระยะยาว กองทุนจะมีการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและผลประกอบการดีของประเทศจีน (รวมถึงฮ่องกง และไต้หวัน) ซึ่งจดทะเบียนและหรือมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของเซี่ยงไฮ้,เสิ่นเจิ้น, ฮ่องกง, ไทเป หรืออื่น ๆ และซึ่งปัจจุบันมูลค่าตลาดต่ำ แต่มีโอกาสทำกำไรในระยะยาว นอกจากนี้กองทุนอาจจะมีการลงทุนในตราสารหนี้ และถือเงินสดตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้โดยผู้จัดการกองทุน

ด้านรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 พบว่ากองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 25.23% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน ดัชนี FTSE/Xinhua China A50 (สกุลเงินดอลล่าร์ฮ่องกง) อยู่ที่ 30.07% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 60.14% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 69.78% ย้อนหลัง 1ปีอยู่ที่ -0.62% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 7.62% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -44.75% เทียบกับเกณฑ์อยู่ที่ -42.68% ทั้งนี้ เมื่อเทียบ ดัชนี FTSE/Xinhua China A50 (สกุลเงินบาท) อยู่ที่ 24.89%, 65.88%,7.62% และ -42.68% ตามลำดับ

นายพิพัฒน์ พิศณุวงรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า จากต้นปีที่ผ่านมากองทุนที่ลงทุนในประเทศจีนนั้นโตขึ้นกว่า 40% ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดีพร้อมๆกับตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ ขณะที่กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่นั้นก้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่โตน้อยกว่าตลาดหุ้นของจีน

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของจีนนั้น ยังมีความน่าสนใจและมีแนวโน้มของการเติบโตที่ดีเนื่องจากมีเงินทุนสำรองในประเทศจำนวนมาก และนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานของคนในประเทศได้

ทั้งนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่นั้น มีการปรับฐานลงมาหลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นไปมาก และส่งผลถึงผลการดำเนินงานของกองทุนด้วยเช่นกัน

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดทหารไทย Emerging Markets Equity Index ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 28.81% สูงกว่าดัชนีมาตรฐาน MSCI Emerging Markets (สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ) อยู่ที่ 36.20% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 31.63% เทียบกับดัชนีมาตรฐานอยู่ที่ 37.17% ส่วนผลดำเนินงานย้อนหลัง 1ปีอยู่ที่ -25.34%เทียบกับดัชนีมาตรฐานซึ่งอยู่ที่ -29.51% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ -22.60% เมื่อเทียบเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ -30.07% ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน MSCI Emerging Markets (สกุลเงินบาท) กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลังอยู่ที่ 30.45% -33.20% -28.48% -29.91% ตามลำดับ

โดยกองทุนเปิดทหารไทย Emerging Markets Equity Index (TMBEMEQ) มีนโยบายการลงทุน ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุน เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี MSCI Emerging Markets ให้มากที่สุด ซึ่งลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ทั่วโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น