รอยเตอร์/เอเอฟพี – บารัค โอบามา สร้างประวัติศาสตร์ ชนะเลือกตั้งทิ้งห่าง จอห์น แมคเคน แบบขาดลอย ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ด้วยคำมั่นสัญญานำความเปลี่ยนแปลงสู่ประเทศอภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลก ท่ามกลางปัญหาท้าทายหนักหน่วงมหาศาล ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจอันรุนแรง และสงครามที่ยังไม่ยุติใน 2 สมรภูมิ
โอบามายังนำพาพรรคเดโมแครต ขี่กระแสความไม่พอใจของผู้ออกเสียงต่อความเป็นผู้นำตลอดระยะเวลา 8 ปีของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เข้าทำการกวาดที่นั่งในรัฐสภาเพิ่ม จนได้เสียงข้างมากอย่างมั่นคงขึ้นมากในทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
หนังสือพิมพ์ฉบับสำคัญๆ ของอเมริกา พากันพาดหัวข่าวโดยมุ่งเน้นประเด็นความน่าตื่นใจยิ่งใหญ่ของผลการเลือกตั้ง นิวยอร์กไทมส์พาดหัวสั้นๆ เพียงว่า “โอบามา” (OBAMA) ขณะที่วอชิงตันโพสต์ประกาศว่า “โอบามาสร้างประวัติศาสตร์” และ ยูเอสเอทูเดย์บอกว่า “อเมริกาสร้างประวัติศาสตร์: โอบามาชนะ”
ด้วยฐานะที่เป็นบุตรของพ่อผิวดำจากประเทศเคนยา และแม่ผิวขาวจากมลรัฐแคนซัส โอบามาถือกำเนิดขึ้นดูโลกตอนที่คนอเมริกันผิวดำยังกำลังต่อสู้กับนโยบายแบ่งแยกกีดกันผิวอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ ชัยชนะอันสวยหรูของเขาที่มีเหนือ จอห์น แมคเคน คู่แข่งขันจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร(4) จึงเป็นหลักหมุดอันสำคัญยิ่งซึ่งน่าจะช่วยให้สหรัฐฯสามารถกลบฝังประวัติศาสตร์แห่งลัทธิเหยียดผิวอันยาวนานและบ่อยครั้งก็คละคลุ้งด้วยความโหดเหี้ยม
“มันช่างเป็นเวลายาวนานเหลือเกินกว่าจะมาถึง แต่คืนนี้ ก็เพราะสิ่งที่พวกเราได้ทำลงไปในวันนี้ ในชั่วขณะแห่งการตัดสินชี้ขาดนี้แหละ ความเปลี่ยนแปลงก็ได้มาถึงอเมริกาแล้ว” โอบามาซึ่งปัจจุบันอายุ 47 ปี กล่าวต่อผู้สนับสนุนมากกว่า 200,000 คน ที่ชุมนุมกันด้วยอารมณ์สุดปลื้มในคืนวันอังคาร ณ แกรนต์ พาร์ก ในเมืองชิคาโก เพื่อฉลองชัยชนะ
นอกจากที่ชิคาโก ซึ่งเป็นบ้านในปัจจุบันของโอบามาแล้ว ยังมีการเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนานเต็มที่ตามท้องถนนต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ตลอดจนกระทั่งตามบาร์ในกรุงลอนดอนและนครซิดนีย์ บรรยากาศของความยินดียังปรากฏให้เห็นในถนนของกรุงเบอร์ลินไปจนถึงกรุงฮาวานา และจากกรุงปารีสไปจนถึงเมืองโอบามะ เมืองเล็กๆ ในญี่ปุ่นที่ชื่อคล้ายๆ กับชื่อว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯผู้นี้ โดยเฉพาะที่เคนยา ประเทศบ้านเกิดของบิดาของโอบามา ประธานาธิบดีเอ็มวาอิ คิบากิ ประกาศให้วันพุธเป็นวันหยุดทั่วประเทศกันทีเดียว
ทว่าตัวโอบามาเองจะแทบไม่มีเวลาเลยที่จะชื่นชมสมใจกับชัยชนะ เป็นที่คาดหมายกันว่าเขาจะเริ่มต้นทำงานตั้งแต่วันพุธ(5) เพื่อวางแผนเตรียมการต่างๆ ไว้สำหรับการขึ้นครองตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสรรหาทีมงานที่จะเข้ารับมือจัดการกับปัญหาท้าทายอันใหญ่โตมหึมาที่ตั้งทมึนอยู่ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
สำหรับปฏิกิริยาของตลาดการเงิน แม้ในแถบเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่จะดีดขึ้นสู่แดนบวก โดยที่โตเกียวทะยานขึ้น 4.46% และฮ่องกงบวก 3.2% ทว่าพอถึงแถบยุโรปก็กลับพากันติดลบ รวมทั้งตราสารอนุพันธ์ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นวอลล์สตรีทก็บ่งชี้ว่า จะอยู่ในแดนลบเหมือนกัน ทั้งนี้เนื่องจากนักลงทุนถือว่ารับรู้ข่าวที่ถือเป็นข่าวดีนี้ไปแล้วตั้งแต่วันอังคาร และตอนนี้ต่างหันมากังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกกันต่อ
โอบามาชนะได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งอย่างน้อยที่สุด 349 เสียง ทิ้งห่างแมคเคนที่ได้ 162 เสียง โดยที่ยังมีอีก 2 มลรัฐซึ่งคะแนนคู่คี่กันมาก จนยังไม่มีการประกาศว่าระหว่างโอบามากับแมคเคน ใครคือผู้มีชัยและคว้าเสียงคณะผู้เลือกตั้งในมลรัฐนั้นๆ ไป
ทว่าตั้งแต่ก่อนหน่วยเลือกตั้งในบางมลรัฐท้ายๆ จะปิดหีบด้วยซ้ำ คะแนนของโอบามาก็ทะยานเกิน 270 เสียง ซึ่งเป็นระดับคะแนนที่จะถือว่าได้รับชัยชนะแล้ว สำหรับคะแนนของประชาชนผู้เลือกตั้งนั้น หลังจากทราบผลในเขตเลือกตั้งต่างๆ มากกว่า 3 ใน 4 ของทั่วประเทศแล้ว ปรากฏว่าโอบามาได้ 52% ส่วนแมคเคนได้ 47%
ความหวังของแมคเคนที่จะสร้างเซอร์ไพรซ์และพลิกล็อกหักปากกาสำนักโพลทุกสำนัก ต้องมีอันเหือดแห้งไปเมื่อปรากฏว่า มลรัฐที่ถือเป็นสมรภูมิช่วงชิงสำคัญต่างหลุดลอยไปจากมือเขาเป็นแถวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมลรัฐที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งตั้งแต่ 20 เสียงขึ้นไปอย่าง โอไอโอ และ ฟลอริดา ซึ่งเคยเป็นมลรัฐที่ผู้สมัครพรรคเดโมแครตแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2 ครั้งก่อน และลงท้ายทำให้ปราชัยต่อ จอร์จ ดับเบิลยู บุช
นอกจากโอบามาจะชนะที่โอไฮโอ กับ ฟลอริดา แล้ว เขายังคว้าชัยที่เวอร์จิเนีย, ไอโอวา, นิวเม็กซิโก, เนวาดา, โคโลราโด, และอินดีแอนา ซึ่งต่างเป็นมลรัฐที่บุชเคยชนะในปี 2004 มิหนำซ้ำแมคเคนยังพ่ายแพ้อีกในเพนซิลเวเนีย เป็นการดับโอกาสที่ดีที่สุดของเขาที่จะคว้าเอามลรัฐที่มีแนวโน้มเลือกเดโมแครตมาไว้ในกำมือบ้าง
ไม่นานหลังจากบรรดาเครือข่ายโทรทัศน์ของสหรัฐฯ ประกาศว่าโอบามาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว แมคเคนซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 72 ปีและเป็นวุฒิสมาชิกจากมลรัฐแอริโซนา ก็โทรศัพท์แสดงความยินดีกับโอบามา และออกมากล่าวปราศรัยยอมรับความพ่ายแพ้กับกลุ่มผู้สนับสนุนตัวเขา
“ผมขอเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนที่สนับสนุนผม เข้ามาร่วมกับผมไม่เพียงเฉพาะในการแสดงความยินดีกับเขา(โอบามา)เท่านั้น แต่ยังจะขอมอบความปรารถนาดีแก่ท่านประธานาธิบดีคนต่อไปของเราอีกด้วย” แมคเคนบอก
สำหรับการเลือกตั้งรัฐสภา ซึ่งมีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา และวุฒิสมาชิกราวหนึ่งในสาม พร้อมกันไปด้วยในวันอังคารนั้น จากการนับคะแนนที่ยังไม่ครบถ้วน ในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งในชุดที่ผ่านมาเดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ 235 ต่อ 199 เสียงและว่างอยู่ 1 เสียงนั้น ปรากฏว่าคราวนี้ เดโมแครตชนะเพิ่มมากขึ้นราว 25 เสียง ขณะที่ในวุฒิสภา เดโมแครตก็ได้มาอีกในคราวนี้อย่างน้อย 5 เสียงทำให้เพิ่มเป็น 56 จากจำนวนวุฒิสมาชิกทั้งสภา 100 เสียง
แม้มีฐานเสียงของเดโมแครตที่มั่นคงมากขึ้นในรัฐสภาเช่นนี้ แต่โอบามาก็ยังจะต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนักหน่วง ในการทำให้ได้ตามสัญญาระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทั้งนี้เขาประกาศให้คำมั่นที่จะฟื้นฟูฐานะความเป็นผู้นำของสหรัฐฯบนเวทีโลก ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรต่างประเทศ, จะถอนทหารออกจากอิรักภายใน 16 เดือนแรกแห่งการดำรงตำแหน่งของเขา, และจะเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน
ทว่าภารกิจเฉพาะหน้าของเขาเลย จะเป็นเรื่องการแก้ไขวิกฤตทางการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจถดถอย จนเกรงกันว่าจะอยู่ในอาการหนักที่สุดนับตั้งแต่ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งมโหฬาร (เดอะ เกรท ดีเพรสชั่น) ในทศวรรษ 1930 เป็นต้นมา โดยที่โอบามาเสนอให้ออกแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกฉบับหนึ่งที่อาจมีมูลค่าราว 175,000 ล้านดอลลาร์ และประกอบด้วยมาตรการอย่างเช่น การให้เงินสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการคืนภาษีให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษี อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าสหรัฐฯกำลังประสบภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างสาหัสอยู่แล้ว จึงต้องแก้ปัญหาเรื่องการหาเงินมาใช้ให้ตกเสียก่อน
ปัจจัยสำคัญมากประการหนึ่งที่โอบามาอาจจะพึ่งพาอาศัยได้ ในการฟันฝ่าปัญหาหนักที่รุมเร้าเช่นนี้ ก็คือ ภาพลักษณ์ที่สามารถเรียกระดมความศรัทธาและความสามัคคี โอบามาซึ่งเพิ่งดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกมลรัฐอิลลินอยส์สมัยแรกได้เพียง 2 ปี แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะทำงานเพื่อลดการแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรงของประเทศ อีกทั้งจะรับฟังผู้คนที่ออกเสียงคัดค้านเขาด้วย
“แม้กระทั่งขณะที่เราเฉลิมฉลองกันอยู่ในคืนนี้ เราก็ทราบดีว่าปัญหาท้าทายที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้นั้นมีความใหญ่โตอย่างที่สุดในชั่วชีวิตของเรา สงครามใน 2 สมรภูมิ, โลกที่เต็มไปด้วยภยันตราย, วิกฤตทางการเงินครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบร้อยปี” โอบามากล่าวในตอนหนึ่งของคำปราศรัยเมื่อคืนวันอังคารที่เมืองชิคาโก
“ถนนที่ทอดอยู่ข้างหน้าจะเป็นถนนสายยาวเหยียด สิ่งที่เราต้องปีนป่ายก็จะสูงชันยิ่ง เราอาจจะไปไม่ถึงที่นั่นในหนึ่งปีหรือกระทั่งในหนึ่งสมัย(ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี) แต่อเมริกา –ผมไม่เคยมีความหวังมากเหมือนกับที่ผมมีในคืนนี้เลย ว่าเราจะไปจนถึงที่นั่นได้” เขาบอกและกล่าวต่อไปว่า “ผมขอสัญญากับพวกท่าน เราในฐานะที่เป็นประชาชนหนึ่งเดียว จะไปให้ถึงที่นั่น”
ทางด้านปฏิกิริยาจากบรรดาผู้นำของโลก ส่วนใหญ่ต่างแสดงการยกย่องชมเชยและยินดีต่อชัยชนะของโอบามา
เนลสัน แมนเดลา ผู้นำผิวดำวัยชราของแอฟริกาใต้ที่ได้รับความเคารพนับถือจากทั่วโลก กล่าวในหนังสือที่ส่งถึงโอบามาว่า ชัยชนะของโอบามาเป็นสิ่งสาธิตให้เห็นว่า ไม่ว่าใครก็ตามและอยู่ในส่วนไหนของโลกก็ตามที ก็ไม่ควรหยุดความกล้าที่จะฝันถึงการเปลี่ยนโลกนี้ ให้เป็นสถานที่ดีขึ้นกว่านี้
ขณะที่ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส บอกว่า “ชัยชนะอันสวยงามแพรวพราย” ของโอบามาเป็นรางวัลสำหรับความมุ่งมั่นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะรับใช้ประชาชนอเมริกัน และเป็นมงกุฎสำหรับการรณรงค์อย่างพิเศษสุดซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจและความปลื้นปีติ ที่พิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน
ทางด้านผู้นำในเอเชีย อาทิ ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา ของจีน, นายกรัฐมนตรี ทาโร อาโซะ แห่งญี่ปุ่น, และนายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ ของอินเดีย ต่างก็ส่งสารแสดงความยินดี และหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันจะแข็งแกร่งขึ้นอีก
ประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ก็ส่งสารแสดงความยินดีต่อโอบามาเช่นกัน แต่ในการกล่าวแถลงนโยบายประจำปีครั้งแรกของเขาเมื่อวานนี้ เมดเวเดฟก็ประกาศว่า รัสเซียจะติดตั้งระบบขีปนาวุธ ที่เล็งเป้าหมายไปยังระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯที่จะติดตั้งอยู่ในยุโรป ทั้งนี้ระบบป้องกันขีปนาวุธดังกล่าวนี้เริ่มดำเนินการในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช โดยที่มีแผนการก่อสร้างฐานเรดาร์และติดตั้งจรวดทำลายขีปนาวุธในสาธารณรัฐเช็กและโปแลนด์ ซึ่งประชิดติดแดนรัสเซีย
โอบามายังนำพาพรรคเดโมแครต ขี่กระแสความไม่พอใจของผู้ออกเสียงต่อความเป็นผู้นำตลอดระยะเวลา 8 ปีของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เข้าทำการกวาดที่นั่งในรัฐสภาเพิ่ม จนได้เสียงข้างมากอย่างมั่นคงขึ้นมากในทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
หนังสือพิมพ์ฉบับสำคัญๆ ของอเมริกา พากันพาดหัวข่าวโดยมุ่งเน้นประเด็นความน่าตื่นใจยิ่งใหญ่ของผลการเลือกตั้ง นิวยอร์กไทมส์พาดหัวสั้นๆ เพียงว่า “โอบามา” (OBAMA) ขณะที่วอชิงตันโพสต์ประกาศว่า “โอบามาสร้างประวัติศาสตร์” และ ยูเอสเอทูเดย์บอกว่า “อเมริกาสร้างประวัติศาสตร์: โอบามาชนะ”
ด้วยฐานะที่เป็นบุตรของพ่อผิวดำจากประเทศเคนยา และแม่ผิวขาวจากมลรัฐแคนซัส โอบามาถือกำเนิดขึ้นดูโลกตอนที่คนอเมริกันผิวดำยังกำลังต่อสู้กับนโยบายแบ่งแยกกีดกันผิวอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ ชัยชนะอันสวยหรูของเขาที่มีเหนือ จอห์น แมคเคน คู่แข่งขันจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งเมื่อวันอังคาร(4) จึงเป็นหลักหมุดอันสำคัญยิ่งซึ่งน่าจะช่วยให้สหรัฐฯสามารถกลบฝังประวัติศาสตร์แห่งลัทธิเหยียดผิวอันยาวนานและบ่อยครั้งก็คละคลุ้งด้วยความโหดเหี้ยม
“มันช่างเป็นเวลายาวนานเหลือเกินกว่าจะมาถึง แต่คืนนี้ ก็เพราะสิ่งที่พวกเราได้ทำลงไปในวันนี้ ในชั่วขณะแห่งการตัดสินชี้ขาดนี้แหละ ความเปลี่ยนแปลงก็ได้มาถึงอเมริกาแล้ว” โอบามาซึ่งปัจจุบันอายุ 47 ปี กล่าวต่อผู้สนับสนุนมากกว่า 200,000 คน ที่ชุมนุมกันด้วยอารมณ์สุดปลื้มในคืนวันอังคาร ณ แกรนต์ พาร์ก ในเมืองชิคาโก เพื่อฉลองชัยชนะ
นอกจากที่ชิคาโก ซึ่งเป็นบ้านในปัจจุบันของโอบามาแล้ว ยังมีการเฉลิมฉลองอย่างสนุกสนานเต็มที่ตามท้องถนนต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ตลอดจนกระทั่งตามบาร์ในกรุงลอนดอนและนครซิดนีย์ บรรยากาศของความยินดียังปรากฏให้เห็นในถนนของกรุงเบอร์ลินไปจนถึงกรุงฮาวานา และจากกรุงปารีสไปจนถึงเมืองโอบามะ เมืองเล็กๆ ในญี่ปุ่นที่ชื่อคล้ายๆ กับชื่อว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯผู้นี้ โดยเฉพาะที่เคนยา ประเทศบ้านเกิดของบิดาของโอบามา ประธานาธิบดีเอ็มวาอิ คิบากิ ประกาศให้วันพุธเป็นวันหยุดทั่วประเทศกันทีเดียว
ทว่าตัวโอบามาเองจะแทบไม่มีเวลาเลยที่จะชื่นชมสมใจกับชัยชนะ เป็นที่คาดหมายกันว่าเขาจะเริ่มต้นทำงานตั้งแต่วันพุธ(5) เพื่อวางแผนเตรียมการต่างๆ ไว้สำหรับการขึ้นครองตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสรรหาทีมงานที่จะเข้ารับมือจัดการกับปัญหาท้าทายอันใหญ่โตมหึมาที่ตั้งทมึนอยู่ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
สำหรับปฏิกิริยาของตลาดการเงิน แม้ในแถบเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่จะดีดขึ้นสู่แดนบวก โดยที่โตเกียวทะยานขึ้น 4.46% และฮ่องกงบวก 3.2% ทว่าพอถึงแถบยุโรปก็กลับพากันติดลบ รวมทั้งตราสารอนุพันธ์ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นวอลล์สตรีทก็บ่งชี้ว่า จะอยู่ในแดนลบเหมือนกัน ทั้งนี้เนื่องจากนักลงทุนถือว่ารับรู้ข่าวที่ถือเป็นข่าวดีนี้ไปแล้วตั้งแต่วันอังคาร และตอนนี้ต่างหันมากังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกกันต่อ
โอบามาชนะได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งอย่างน้อยที่สุด 349 เสียง ทิ้งห่างแมคเคนที่ได้ 162 เสียง โดยที่ยังมีอีก 2 มลรัฐซึ่งคะแนนคู่คี่กันมาก จนยังไม่มีการประกาศว่าระหว่างโอบามากับแมคเคน ใครคือผู้มีชัยและคว้าเสียงคณะผู้เลือกตั้งในมลรัฐนั้นๆ ไป
ทว่าตั้งแต่ก่อนหน่วยเลือกตั้งในบางมลรัฐท้ายๆ จะปิดหีบด้วยซ้ำ คะแนนของโอบามาก็ทะยานเกิน 270 เสียง ซึ่งเป็นระดับคะแนนที่จะถือว่าได้รับชัยชนะแล้ว สำหรับคะแนนของประชาชนผู้เลือกตั้งนั้น หลังจากทราบผลในเขตเลือกตั้งต่างๆ มากกว่า 3 ใน 4 ของทั่วประเทศแล้ว ปรากฏว่าโอบามาได้ 52% ส่วนแมคเคนได้ 47%
ความหวังของแมคเคนที่จะสร้างเซอร์ไพรซ์และพลิกล็อกหักปากกาสำนักโพลทุกสำนัก ต้องมีอันเหือดแห้งไปเมื่อปรากฏว่า มลรัฐที่ถือเป็นสมรภูมิช่วงชิงสำคัญต่างหลุดลอยไปจากมือเขาเป็นแถวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมลรัฐที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งตั้งแต่ 20 เสียงขึ้นไปอย่าง โอไอโอ และ ฟลอริดา ซึ่งเคยเป็นมลรัฐที่ผู้สมัครพรรคเดโมแครตแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2 ครั้งก่อน และลงท้ายทำให้ปราชัยต่อ จอร์จ ดับเบิลยู บุช
นอกจากโอบามาจะชนะที่โอไฮโอ กับ ฟลอริดา แล้ว เขายังคว้าชัยที่เวอร์จิเนีย, ไอโอวา, นิวเม็กซิโก, เนวาดา, โคโลราโด, และอินดีแอนา ซึ่งต่างเป็นมลรัฐที่บุชเคยชนะในปี 2004 มิหนำซ้ำแมคเคนยังพ่ายแพ้อีกในเพนซิลเวเนีย เป็นการดับโอกาสที่ดีที่สุดของเขาที่จะคว้าเอามลรัฐที่มีแนวโน้มเลือกเดโมแครตมาไว้ในกำมือบ้าง
ไม่นานหลังจากบรรดาเครือข่ายโทรทัศน์ของสหรัฐฯ ประกาศว่าโอบามาได้เสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 เสียงและชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว แมคเคนซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 72 ปีและเป็นวุฒิสมาชิกจากมลรัฐแอริโซนา ก็โทรศัพท์แสดงความยินดีกับโอบามา และออกมากล่าวปราศรัยยอมรับความพ่ายแพ้กับกลุ่มผู้สนับสนุนตัวเขา
“ผมขอเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนที่สนับสนุนผม เข้ามาร่วมกับผมไม่เพียงเฉพาะในการแสดงความยินดีกับเขา(โอบามา)เท่านั้น แต่ยังจะขอมอบความปรารถนาดีแก่ท่านประธานาธิบดีคนต่อไปของเราอีกด้วย” แมคเคนบอก
สำหรับการเลือกตั้งรัฐสภา ซึ่งมีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา และวุฒิสมาชิกราวหนึ่งในสาม พร้อมกันไปด้วยในวันอังคารนั้น จากการนับคะแนนที่ยังไม่ครบถ้วน ในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งในชุดที่ผ่านมาเดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ 235 ต่อ 199 เสียงและว่างอยู่ 1 เสียงนั้น ปรากฏว่าคราวนี้ เดโมแครตชนะเพิ่มมากขึ้นราว 25 เสียง ขณะที่ในวุฒิสภา เดโมแครตก็ได้มาอีกในคราวนี้อย่างน้อย 5 เสียงทำให้เพิ่มเป็น 56 จากจำนวนวุฒิสมาชิกทั้งสภา 100 เสียง
แม้มีฐานเสียงของเดโมแครตที่มั่นคงมากขึ้นในรัฐสภาเช่นนี้ แต่โอบามาก็ยังจะต้องเผชิญแรงกดดันอย่างหนักหน่วง ในการทำให้ได้ตามสัญญาระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทั้งนี้เขาประกาศให้คำมั่นที่จะฟื้นฟูฐานะความเป็นผู้นำของสหรัฐฯบนเวทีโลก ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรต่างประเทศ, จะถอนทหารออกจากอิรักภายใน 16 เดือนแรกแห่งการดำรงตำแหน่งของเขา, และจะเพิ่มกำลังทหารสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน
ทว่าภารกิจเฉพาะหน้าของเขาเลย จะเป็นเรื่องการแก้ไขวิกฤตทางการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจถดถอย จนเกรงกันว่าจะอยู่ในอาการหนักที่สุดนับตั้งแต่ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งมโหฬาร (เดอะ เกรท ดีเพรสชั่น) ในทศวรรษ 1930 เป็นต้นมา โดยที่โอบามาเสนอให้ออกแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกฉบับหนึ่งที่อาจมีมูลค่าราว 175,000 ล้านดอลลาร์ และประกอบด้วยมาตรการอย่างเช่น การให้เงินสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการคืนภาษีให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษี อย่างไรก็ดี ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าสหรัฐฯกำลังประสบภาวะขาดดุลงบประมาณอย่างสาหัสอยู่แล้ว จึงต้องแก้ปัญหาเรื่องการหาเงินมาใช้ให้ตกเสียก่อน
ปัจจัยสำคัญมากประการหนึ่งที่โอบามาอาจจะพึ่งพาอาศัยได้ ในการฟันฝ่าปัญหาหนักที่รุมเร้าเช่นนี้ ก็คือ ภาพลักษณ์ที่สามารถเรียกระดมความศรัทธาและความสามัคคี โอบามาซึ่งเพิ่งดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกมลรัฐอิลลินอยส์สมัยแรกได้เพียง 2 ปี แต่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะทำงานเพื่อลดการแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรงของประเทศ อีกทั้งจะรับฟังผู้คนที่ออกเสียงคัดค้านเขาด้วย
“แม้กระทั่งขณะที่เราเฉลิมฉลองกันอยู่ในคืนนี้ เราก็ทราบดีว่าปัญหาท้าทายที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้นั้นมีความใหญ่โตอย่างที่สุดในชั่วชีวิตของเรา สงครามใน 2 สมรภูมิ, โลกที่เต็มไปด้วยภยันตราย, วิกฤตทางการเงินครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบร้อยปี” โอบามากล่าวในตอนหนึ่งของคำปราศรัยเมื่อคืนวันอังคารที่เมืองชิคาโก
“ถนนที่ทอดอยู่ข้างหน้าจะเป็นถนนสายยาวเหยียด สิ่งที่เราต้องปีนป่ายก็จะสูงชันยิ่ง เราอาจจะไปไม่ถึงที่นั่นในหนึ่งปีหรือกระทั่งในหนึ่งสมัย(ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี) แต่อเมริกา –ผมไม่เคยมีความหวังมากเหมือนกับที่ผมมีในคืนนี้เลย ว่าเราจะไปจนถึงที่นั่นได้” เขาบอกและกล่าวต่อไปว่า “ผมขอสัญญากับพวกท่าน เราในฐานะที่เป็นประชาชนหนึ่งเดียว จะไปให้ถึงที่นั่น”
ทางด้านปฏิกิริยาจากบรรดาผู้นำของโลก ส่วนใหญ่ต่างแสดงการยกย่องชมเชยและยินดีต่อชัยชนะของโอบามา
เนลสัน แมนเดลา ผู้นำผิวดำวัยชราของแอฟริกาใต้ที่ได้รับความเคารพนับถือจากทั่วโลก กล่าวในหนังสือที่ส่งถึงโอบามาว่า ชัยชนะของโอบามาเป็นสิ่งสาธิตให้เห็นว่า ไม่ว่าใครก็ตามและอยู่ในส่วนไหนของโลกก็ตามที ก็ไม่ควรหยุดความกล้าที่จะฝันถึงการเปลี่ยนโลกนี้ ให้เป็นสถานที่ดีขึ้นกว่านี้
ขณะที่ประธานาธิบดี นิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส บอกว่า “ชัยชนะอันสวยงามแพรวพราย” ของโอบามาเป็นรางวัลสำหรับความมุ่งมั่นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยที่จะรับใช้ประชาชนอเมริกัน และเป็นมงกุฎสำหรับการรณรงค์อย่างพิเศษสุดซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจและความปลื้นปีติ ที่พิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญอย่างยิ่งของประชาธิปไตยแบบอเมริกัน
ทางด้านผู้นำในเอเชีย อาทิ ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา ของจีน, นายกรัฐมนตรี ทาโร อาโซะ แห่งญี่ปุ่น, และนายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ ของอินเดีย ต่างก็ส่งสารแสดงความยินดี และหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันจะแข็งแกร่งขึ้นอีก
ประธานาธิบดี ดมิตรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ก็ส่งสารแสดงความยินดีต่อโอบามาเช่นกัน แต่ในการกล่าวแถลงนโยบายประจำปีครั้งแรกของเขาเมื่อวานนี้ เมดเวเดฟก็ประกาศว่า รัสเซียจะติดตั้งระบบขีปนาวุธ ที่เล็งเป้าหมายไปยังระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯที่จะติดตั้งอยู่ในยุโรป ทั้งนี้ระบบป้องกันขีปนาวุธดังกล่าวนี้เริ่มดำเนินการในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช โดยที่มีแผนการก่อสร้างฐานเรดาร์และติดตั้งจรวดทำลายขีปนาวุธในสาธารณรัฐเช็กและโปแลนด์ ซึ่งประชิดติดแดนรัสเซีย