ผู้จัดการรายวัน – วีระศักดิ์ เล็งใช้เวที WTM เปิดตัว แบรนด์ อินเวสเมนท์ โชว์ ศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์น่าลงทุน หวังดึงเงินทุนข้ามชาติที่ถอนตัวจากอเมริกา เข้ามาไทย เผยวันนี้(4พ.ย.) จูงมือเอกชน นัดถกบีโอไอ ขอความชัดเจนด้านการส่งเสริมลงทุน ก่อน ผนึก ททท. และ ทีมไทยแลนด์ บุกโรดโชว์ต่างประเทศ ประกาศ แผนปีส่งเสริมการลงทุนไทย หวั่นการเมืองทำนักลงทุนหนี เหตุไม่มั่นใจ
วานนี้ (3 พ.ย.51) ในการประชุมสัมมนาเรื่อง “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” โดย คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยและการลงทุน กระทรวงฯได้จัดทำเขตส่งเสริมการท่องเที่ยว รวม 14 คลัสเตอร์ ในรูปแบบ “แบรนด์ อินเวสเมนท์” พร้อมตราสัญลักษณ์(โลโก้) ของ แต่ละเขตพื้นที่ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดไปนำเสนอให้แก่เซลเลอร์และนักลงทุน เป็นครั้งแรกในเวทีงาน เวิลด์ ทราเวล มาร์ท หรือ WTM ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ใน 14 คลัสเตอร์ จะ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย เช่น 1.ภาคเหนือ มี 2 คลัสเตอร์ใหญ่ ได้แก่ เหนือตอนบน ใช้ชื่อ “ถิ่นฟ้า ล้านนาเมืองเหนือ” (Serein Lanna) , เหนือตอนล่าง “รุ่งเรืองเมืองมรดก” (Splendid) 2. ภาคกลาง “อารยธรรมลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา”( Glorios Cho paiya) 3. ภาคอีสาน มี 2 คลัสเตอร์ เช่น “แดนตำนานอีสานใต้ (Mythic i-san) และ “แดนอัศจรรย์ อีสานเหนือ” (Spicy i-san) 4.ภาคตะวันออก “สีสันตะวันออก(Danzing Coast) 5.ภาคตะวันตก “แดนฝัน ทะเลวัง” (Royal paradise) และ 6.ภาคใต้ เช่น “มนต์ใต้ เสน่ห์เมือง”(Zest of the South) และ มรกต อันดามัน (Andaman)
**ถกบีโอไอทำแผนกระตุ้นลงทุน***
โดยวันที่ 4 พ.ย.นี้ จะนำคณะเอกชน ประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมเรือไทย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมสวนสนุก และ ผู้บริหารจัดการศูนย์ประชุมนานาชาติ ไปพบปะเพื่อหารือกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพื่อหารือถึงแนวทางที่บีโอไอจะให้การสนับสนุนแก่ภาคเอกชนด้านการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยว ขณะที่กระทรวงฯ ก็จะนำแนวทางการลงทุนใน 14 คลัสเตอร์ ที่ทำไว้ ไปนำเสนอ ด้วย
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า หากทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เป็นนโยบายที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในรูปแบบคล้ายโครงการอีสเทิร์น ซีบอร์ด ที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่รัฐบาลแต่นโยบายจะไม่เปลี่ยน
แต่สิ่งที่วิตกกังวลมากที่สุดขณะนี้ คือเรื่องที่บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองในฮ่องกง ได้จัดอันดับประเทศไทยมีความเสี่ยงทางการเมืองสูงเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศอินเดีย ข้อมูลนี้จะทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น
“มี 3 ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกับการลงทุน คือ ภัยจากการเมือง ภัยธรรมชาติ และ ความไม่ไว้วางใจของคนไทยในพื้นที่ ซึ่ง 2 ประเด็นหลัง ยังไม่หนักเท่าภัยจากการเมือง โดยปัญหาไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย เพราะประเทศญี่ปุ่นก็เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย แต่นโยบายเขาคงที่ ซึ่ง ผมกำลังทำให้นโยบายในเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นเช่นนั้น คือมีความคงที่”
***ภาพรวม3ไตรมาสโตต่ำกว่าเป้า***
อย่างไรก็ตาม ททท.ยังยืนยันเป้าหมายเดิมที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15.48 ล้านคน รายได้ 6 แสนล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเทียบกับปีก่อน พบว่า ไตรมาสแรกโต 18% ไตรมาส 2 โต 18% แต่ไตรมาส 3 ลดจากปีก่อน 16% สถานการณ์การเมืองในประเทศตึงเครียด มีการปิดสนามบิน และ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้ เมื่อรวมตัวเลข 10 เดือนแรกปีนี้ ยังเติบโตอยู่ที่ 3.49% จากเป้าหมายทั้งปีตั้งไว้ว่าจะกระตุ้นให้เติบโต 5% เป็นอย่างน้อย
ส่วนตลาดในประเทศ ซึ่งขณะนี้มีความสำคัญมากขึ้น ททท.ได้เปิดแคมเปญ เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก ซึ่งกิจกรรมที่ ททท.จัดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศตลอดทั้งปีจะอยู่ประมาณ 2,200 งาน
วานนี้ (3 พ.ย.51) ในการประชุมสัมมนาเรื่อง “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก” โดย คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยและการลงทุน กระทรวงฯได้จัดทำเขตส่งเสริมการท่องเที่ยว รวม 14 คลัสเตอร์ ในรูปแบบ “แบรนด์ อินเวสเมนท์” พร้อมตราสัญลักษณ์(โลโก้) ของ แต่ละเขตพื้นที่ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดไปนำเสนอให้แก่เซลเลอร์และนักลงทุน เป็นครั้งแรกในเวทีงาน เวิลด์ ทราเวล มาร์ท หรือ WTM ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ใน 14 คลัสเตอร์ จะ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย เช่น 1.ภาคเหนือ มี 2 คลัสเตอร์ใหญ่ ได้แก่ เหนือตอนบน ใช้ชื่อ “ถิ่นฟ้า ล้านนาเมืองเหนือ” (Serein Lanna) , เหนือตอนล่าง “รุ่งเรืองเมืองมรดก” (Splendid) 2. ภาคกลาง “อารยธรรมลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา”( Glorios Cho paiya) 3. ภาคอีสาน มี 2 คลัสเตอร์ เช่น “แดนตำนานอีสานใต้ (Mythic i-san) และ “แดนอัศจรรย์ อีสานเหนือ” (Spicy i-san) 4.ภาคตะวันออก “สีสันตะวันออก(Danzing Coast) 5.ภาคตะวันตก “แดนฝัน ทะเลวัง” (Royal paradise) และ 6.ภาคใต้ เช่น “มนต์ใต้ เสน่ห์เมือง”(Zest of the South) และ มรกต อันดามัน (Andaman)
**ถกบีโอไอทำแผนกระตุ้นลงทุน***
โดยวันที่ 4 พ.ย.นี้ จะนำคณะเอกชน ประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมเรือไทย สมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมสวนสนุก และ ผู้บริหารจัดการศูนย์ประชุมนานาชาติ ไปพบปะเพื่อหารือกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพื่อหารือถึงแนวทางที่บีโอไอจะให้การสนับสนุนแก่ภาคเอกชนด้านการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยว ขณะที่กระทรวงฯ ก็จะนำแนวทางการลงทุนใน 14 คลัสเตอร์ ที่ทำไว้ ไปนำเสนอ ด้วย
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า หากทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เป็นนโยบายที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในรูปแบบคล้ายโครงการอีสเทิร์น ซีบอร์ด ที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนกี่รัฐบาลแต่นโยบายจะไม่เปลี่ยน
แต่สิ่งที่วิตกกังวลมากที่สุดขณะนี้ คือเรื่องที่บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองในฮ่องกง ได้จัดอันดับประเทศไทยมีความเสี่ยงทางการเมืองสูงเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศอินเดีย ข้อมูลนี้จะทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น
“มี 3 ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกับการลงทุน คือ ภัยจากการเมือง ภัยธรรมชาติ และ ความไม่ไว้วางใจของคนไทยในพื้นที่ ซึ่ง 2 ประเด็นหลัง ยังไม่หนักเท่าภัยจากการเมือง โดยปัญหาไม่ใช่เรื่องของการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย เพราะประเทศญี่ปุ่นก็เปลี่ยนรัฐบาลบ่อย แต่นโยบายเขาคงที่ ซึ่ง ผมกำลังทำให้นโยบายในเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นเช่นนั้น คือมีความคงที่”
***ภาพรวม3ไตรมาสโตต่ำกว่าเป้า***
อย่างไรก็ตาม ททท.ยังยืนยันเป้าหมายเดิมที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15.48 ล้านคน รายได้ 6 แสนล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเทียบกับปีก่อน พบว่า ไตรมาสแรกโต 18% ไตรมาส 2 โต 18% แต่ไตรมาส 3 ลดจากปีก่อน 16% สถานการณ์การเมืองในประเทศตึงเครียด มีการปิดสนามบิน และ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทั้งนี้ เมื่อรวมตัวเลข 10 เดือนแรกปีนี้ ยังเติบโตอยู่ที่ 3.49% จากเป้าหมายทั้งปีตั้งไว้ว่าจะกระตุ้นให้เติบโต 5% เป็นอย่างน้อย
ส่วนตลาดในประเทศ ซึ่งขณะนี้มีความสำคัญมากขึ้น ททท.ได้เปิดแคมเปญ เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก ซึ่งกิจกรรมที่ ททท.จัดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศตลอดทั้งปีจะอยู่ประมาณ 2,200 งาน