วีระศักดิ์ ใช้วิกฤตเป็นโอกาส สบช่องวิกฤตซับไพร์มสหรัฐ เร่งโชว์ศักยภายประเทศไทยในการลงทุนด้านการท่องเที่ยว ดันอีลิทการ์ด ผุดอีลิทคลับ พร้อมร่วมกับ ตลท. จัดโครงการอีลิทเซท เปิดประตูบ้านรับนักลงทุนต่างชาติ ชูแผนงานถ้าได้เป็น รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯสมัยที่ 2 เดินหน้าปั้นแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน เผยนโยบายจับตลาดนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ มาถูกทางแล้ว
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เป็นโอกาสดี ที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และ ลงทุน จะได้ประโยชน์จาก ซับไพร์ม หรือ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาขณะนี้ เพราะ นักลงทุนที่ปกติจะลงทุนอยู่ในตลาดหุ้น หรือ กิจการอื่นๆ ในสหรัฐฯ ก็จะมองหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีความมั่นคงทางการเงิน และ เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการขยายตัว
***จัดอีลิทเซทดึงนักลงทุน***
ดังนั้นในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงได้จัดโครงการ อีลิทเซท โดย ให้บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ได้ชี้แจงข้อมูลการลงทุนในประเทศไทย ให้แก่สมาชิกอีลิทการ์ดได้รับฟัง ส่วน ทีพีซี ก็จะได้ผู้สนใจเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังเร่งให้ ทีพีซี เปิด อีลิท คลับ โดยเร็ว เพื่อ เป็นช่องทางให้สมาชิกของอีลิทการ์ด ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่พบปะและพูดคุยกับนักลงทุน นักธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย เพื่อก่อให้เกิดการร่วมทุนกันทางธุรกิจในประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ สมาชิกกว่า 20% ของอีลิทการ์ด เป็นนักลงทุน ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้น ในวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ที่อาจจะลุกลามไปถึงภูมิภาคยุโรป ก็จะเป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้เปิดรับนักลงทุนหน้าใหม่ ด้วยการเชิญชวนของ ตลท. และอีลิทการ์ด และในฐานะของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ยังได้ ชูโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์ เสนอแก่นักลงทุนในงานไทยแลนด์โฟกัส ที่ผ่านมาด้วย เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติ ได้เห็นภาพโอกาสการลงทุนของประเทศไทยที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเชื่อว่าข้อมูลทั้งหมด ที่ได้กล่าวแก่นักลงทุน จะถูกหยิบยกไปเป็นข้อมูลในการหารือในเวทีการประชุมนักลงทุนที่ประเทศฮ่องกงในเดือนหน้านี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ขณะนี้ มี 2 ปัจจัยที่อาจเข้ามากระทบกับภาคการท่องเที่ยวของไทย คือ 1.ราคาน้ำมันแพง แม้ขณะนี้ราคาตลาดโลกจะปรับลดลง แต่ในภาคขนส่งยังไม่ส่งสัญญาณ ที่จะปรับลดค่าบริการ ซึ่งตรงนี้จะกระทบกับ นักท่องเที่ยวระยะไกล คือตลาด สหรัฐฯและยุโรปก็เป็นได้ และ 2. คือ วิกฤตสหรัฐฯที่เกิดขึ้นนี้ อาจกระทบลามถึงประเทศผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯได้ เพราะกำลังซื้อในสหรัฐลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจ ได้แก่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น และทั้งสองตลาดดังกล่าวก็เป็นนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย จึงได้สั่งการให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) คอยเฝ้าระวัง และ ปรับแผนการตลาดประจำปีงบประมาณ 2552 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มั่นใจว่านโยบายเจาะนักท่องเที่ยวคุณภาพ ระดับไฮเอนด์ ได้เดินทางถูกทาง เพราะกลุ่มนี้ จะไม่ถูกกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
***ดันแผน14คลัสเตอร์เป็นรูปธรรม***
นายวีระศักดิ์ กล่าวถึง กล่าวทำงานในขณะนี้ว่า ล่าสุด ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับแรก หรือสเตรทเม้นท์ ชี้แจงสถานการณ์ของประเทศไทย เป็นข้อมูลอัพเดทล่าสุด ส่งไปยัง นานาประเทศ ให้ได้รับรู้ โดยเฉพาะประเทศที่ออกหนังสือเตือนประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย มั่นใจว่า จะได้ผลตอบรับที่ดีกลับมา โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่น ทำให้นักท่องเที่ยวที่กำลังตัดสินใจ หันกลับเข้ามาประเทศไทยเป็นปกติ
ส่วนนโยบายด้านการท่องเที่ยวเร่งด่วน หาก ได้รับแต่งตั้ง เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในสมัยรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย คือ เร่งเดินหน้าแผนงานของ ททท. โดยใช้เวทีโรดโชว์ และ เทรดโชว์ในต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่น และ นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเข้ามาประเทศไทยให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเวทีงาน เวิล์ด ทราเวล มาร์ท หรือ WTM เดือน พ.ย. นี้ ที่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ นอกจากนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวในกลุ่ม เซเว่นวันเดอร์แล้ว ยังต้องใช้เวทีนี้ ฟื้นความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้กลับคืนมา โดยบอก ททท.และภาคเอกชน ร่วมเดินทาง ได้จัดแพกเกจทัวร์ รูปแบบใหม่ๆ ไปเสนอขายด้วย และในวันที่ 22 ก.ย. นี้จะออกหนังสือเชิญทูต ใน 24 ประเทศ ที่ออกหนังสือเตือนนักท่องเที่ยว ร่วมเดินทางไปยังภาคใต้ ภูเก็ต และ กระบี่ เพื่อดูแหล่งท่องเที่ยว และ บรรยากาศอื่นๆ ให้ได้เห็นว่าประเทศไทย มีความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติ และ นักท่องเที่ยว คือการผลักดันให้ทุกโครงการ เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์ ที่จะเป็นหนึ่งในโครงการที่บรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดังนั้นแม้รัฐบาลเปลี่ยน แต่แผนการทำงานจะไม่เปลี่ยน ประกอบกับ การให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท. จัดทำแผนงานในปีงบประมาณ 2553 ให้เป็นงบพัฒนาแบบคลัสเตอร์ และ นำโปรเจคนี้เข้าหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพื่อ ให้นักลงทุนได้แน่ใจว่า การลงทุนที่ จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาล ส่วนการจัดทำงบประมาณ 2553 ก็จะนำแนวคิดการขอจัดสรรงบประมาณของ ททท. เป็น 1% ของ รายได้ท่องเที่ยวยื่นเสนอขอต่อสำนักงบประมาณอีกครั้ง
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เป็นโอกาสดี ที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และ ลงทุน จะได้ประโยชน์จาก ซับไพร์ม หรือ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาขณะนี้ เพราะ นักลงทุนที่ปกติจะลงทุนอยู่ในตลาดหุ้น หรือ กิจการอื่นๆ ในสหรัฐฯ ก็จะมองหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะประเทศที่มีความมั่นคงทางการเงิน และ เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการขยายตัว
***จัดอีลิทเซทดึงนักลงทุน***
ดังนั้นในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงได้จัดโครงการ อีลิทเซท โดย ให้บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ได้ชี้แจงข้อมูลการลงทุนในประเทศไทย ให้แก่สมาชิกอีลิทการ์ดได้รับฟัง ส่วน ทีพีซี ก็จะได้ผู้สนใจเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังเร่งให้ ทีพีซี เปิด อีลิท คลับ โดยเร็ว เพื่อ เป็นช่องทางให้สมาชิกของอีลิทการ์ด ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่พบปะและพูดคุยกับนักลงทุน นักธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย เพื่อก่อให้เกิดการร่วมทุนกันทางธุรกิจในประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ สมาชิกกว่า 20% ของอีลิทการ์ด เป็นนักลงทุน ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้น ในวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ที่อาจจะลุกลามไปถึงภูมิภาคยุโรป ก็จะเป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้เปิดรับนักลงทุนหน้าใหม่ ด้วยการเชิญชวนของ ตลท. และอีลิทการ์ด และในฐานะของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ยังได้ ชูโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์ เสนอแก่นักลงทุนในงานไทยแลนด์โฟกัส ที่ผ่านมาด้วย เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติ ได้เห็นภาพโอกาสการลงทุนของประเทศไทยที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเชื่อว่าข้อมูลทั้งหมด ที่ได้กล่าวแก่นักลงทุน จะถูกหยิบยกไปเป็นข้อมูลในการหารือในเวทีการประชุมนักลงทุนที่ประเทศฮ่องกงในเดือนหน้านี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ขณะนี้ มี 2 ปัจจัยที่อาจเข้ามากระทบกับภาคการท่องเที่ยวของไทย คือ 1.ราคาน้ำมันแพง แม้ขณะนี้ราคาตลาดโลกจะปรับลดลง แต่ในภาคขนส่งยังไม่ส่งสัญญาณ ที่จะปรับลดค่าบริการ ซึ่งตรงนี้จะกระทบกับ นักท่องเที่ยวระยะไกล คือตลาด สหรัฐฯและยุโรปก็เป็นได้ และ 2. คือ วิกฤตสหรัฐฯที่เกิดขึ้นนี้ อาจกระทบลามถึงประเทศผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯได้ เพราะกำลังซื้อในสหรัฐลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจ ได้แก่ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น และทั้งสองตลาดดังกล่าวก็เป็นนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย จึงได้สั่งการให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) คอยเฝ้าระวัง และ ปรับแผนการตลาดประจำปีงบประมาณ 2552 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มั่นใจว่านโยบายเจาะนักท่องเที่ยวคุณภาพ ระดับไฮเอนด์ ได้เดินทางถูกทาง เพราะกลุ่มนี้ จะไม่ถูกกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ
***ดันแผน14คลัสเตอร์เป็นรูปธรรม***
นายวีระศักดิ์ กล่าวถึง กล่าวทำงานในขณะนี้ว่า ล่าสุด ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับแรก หรือสเตรทเม้นท์ ชี้แจงสถานการณ์ของประเทศไทย เป็นข้อมูลอัพเดทล่าสุด ส่งไปยัง นานาประเทศ ให้ได้รับรู้ โดยเฉพาะประเทศที่ออกหนังสือเตือนประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย มั่นใจว่า จะได้ผลตอบรับที่ดีกลับมา โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่น ทำให้นักท่องเที่ยวที่กำลังตัดสินใจ หันกลับเข้ามาประเทศไทยเป็นปกติ
ส่วนนโยบายด้านการท่องเที่ยวเร่งด่วน หาก ได้รับแต่งตั้ง เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในสมัยรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศไทย คือ เร่งเดินหน้าแผนงานของ ททท. โดยใช้เวทีโรดโชว์ และ เทรดโชว์ในต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่น และ นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเข้ามาประเทศไทยให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเวทีงาน เวิล์ด ทราเวล มาร์ท หรือ WTM เดือน พ.ย. นี้ ที่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ นอกจากนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวในกลุ่ม เซเว่นวันเดอร์แล้ว ยังต้องใช้เวทีนี้ ฟื้นความเชื่อมั่นของประเทศไทยให้กลับคืนมา โดยบอก ททท.และภาคเอกชน ร่วมเดินทาง ได้จัดแพกเกจทัวร์ รูปแบบใหม่ๆ ไปเสนอขายด้วย และในวันที่ 22 ก.ย. นี้จะออกหนังสือเชิญทูต ใน 24 ประเทศ ที่ออกหนังสือเตือนนักท่องเที่ยว ร่วมเดินทางไปยังภาคใต้ ภูเก็ต และ กระบี่ เพื่อดูแหล่งท่องเที่ยว และ บรรยากาศอื่นๆ ให้ได้เห็นว่าประเทศไทย มีความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติ และ นักท่องเที่ยว คือการผลักดันให้ทุกโครงการ เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์ ที่จะเป็นหนึ่งในโครงการที่บรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดังนั้นแม้รัฐบาลเปลี่ยน แต่แผนการทำงานจะไม่เปลี่ยน ประกอบกับ การให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯและ ททท. จัดทำแผนงานในปีงบประมาณ 2553 ให้เป็นงบพัฒนาแบบคลัสเตอร์ และ นำโปรเจคนี้เข้าหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เพื่อ ให้นักลงทุนได้แน่ใจว่า การลงทุนที่ จะมีการสนับสนุนจากรัฐบาล ส่วนการจัดทำงบประมาณ 2553 ก็จะนำแนวคิดการขอจัดสรรงบประมาณของ ททท. เป็น 1% ของ รายได้ท่องเที่ยวยื่นเสนอขอต่อสำนักงบประมาณอีกครั้ง