xs
xsm
sm
md
lg

‘สนธิ’ เปิดโปงขบวนการ ‘ปิศาจทักษิณ’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- เปิดโปงขบวนการ “ปีศาจทักษิณ” จงใจหลอกหลอน สร้างภาพให้คนหวาดกลัว มีวาระซ่อนเร้นเอาไว้ไม่เสื่อมคลายทั้งจ้องทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ยึดอำนาจบริหารเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนของตนเองและพวกพ้องตลอดเวลา

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ปราศรัยที่ทำเนียบรัฐมนตรี หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โทรศัพท์มาให้สัมภาษณ์รายการความจริงวันนี้สัญจรต่อหน้าม็อบคนใส่เสื้อแดงที่สนามราชมังคลาฯโดยอธิบายให้เห็นถึงปรากฏการณ์การดิ้นรนของระบอบทักษิณที่เกิดขึ้น และ การยืนหยัดต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อไปนี้คือ คำปราศรัยคำต่อคำของนายสนธิ

พี่น้องครับ วันนี้เป็นวันที่สำคัญมาก เพราะเป็นวันที่เห็นข้างชัดเจน เป็นวันที่ผมสามารถจะอธิบายความให้พ่อแม่พี่น้องตั้งแต่ต้นจนจบได้เลย       

ก่อนที่ผมจะพูดถึงภาพรวม ผมจะเอาตัวอย่างๆหนึ่งให้พี่น้องดูซึ่งจะโยงกลับมาหาสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และสิ่งซึ่งเป็นเรื่องราวต่างๆ ที่เราต่อสู้มา และสิ่งซึ่งทำไมถึงมีม็อบเสื้อแดงอยู่ที่สนามกีฬาราชมังคลาภิเษก ทำไมม็อบของเขาต้องมา มาเพื่ออะไร และทำไมประชาชนของเราต้องมา และมาเพื่ออะไร

ผมอยากให้ดูหนังสือที่ชื่อว่า "ปีศาจ" เขียนโดยคุณเสนีย์ เสาวพงษ์ ที่เขียนมานานแล้วพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เกวียนทอง

 คุณเสนีย์ เสาวพงษ์ เป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นคนที่รักความเป็นธรรม คุณเสนีย์ เสาวพงษ์ เขียนหนังสือเรื่อง "ปีศาจ" นั้น มีตัวละครอยู่ 2 ตัว พระเอกชื่อ สาย นามสกุล ศรีมา นางเอกชื่อ รัชนี

สาย ศรีมา ตามเนื้อเรื่องนั้นเป็นคนจนคนนึงที่ได้โอกาสเรียนหนังสือแล้วได้เข้ามาทำงานในสำนักงานทนายความ ต่อมาเจ้าของสำนักงานทนายความให้ สาย ศรีมา ไปดำเนินคดีกับคนจนที่บ้านที่เขาเกิด ในหลายๆ กรณี เขาไปดูแล้วเขามีความสงสาร เขาไม่ทำเขาเลยไม่ฟ้องร้อง นี่คือจิตใจที่รักความเป็นธรรมของ สาย ศรีมา

ในขณะเดียวกัน สาย ศีรมา มีแฟนชื่อ รัชนี รัชนีคือลูกเจ้าขุนมูลนาย ผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ แต่ว่าเป็นคนซึ่งไม่ใส่ใจกับสถานภาพ หรือฐานะของ สาย ศรีมา ก็หลงรัก สาย ศรีมา โดยไม่สนใจว่า สาย ศรีมา เป็นคนมาจากไหน

วันหนึ่งสาย ศรีมา ถูกรัชนีเชิญไปทานข้าวที่บ้าน พอไปทานข้าวที่บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วก็โดนพวกพ่อ แม่ พี่น้องของรัชนี ซึ่งเป็นคนในระดับชั้นสูง กล่าววาจากระแนะกระแหน ดูหมิ่นเหยียดหยาม สาย ศรีมา เลยพูดออกมา

เขาบอกว่า “ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอ หวาดกลัว และไม่มีอะไรจะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความก้าวหน้าของกาลเวลาที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป โลกของเราเป็นคนละโลก โลกของผมเป็นสามัญชน”

เพราะฉะนั้นแล้วคำว่า ปีศาจ ที่ใช้ในนิยายเล่มนี้ส่วนหนึ่งน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากแถลงการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ของคาร์ลมาร์ก และเฟรสเดอริก เองเกอร์ ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาคำพูดของ สาย ในงานเลี้ยงบ้านรัชนี นางเอกของเรื่องมาเทียบกับอารัมภบทของแถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์

        หมายความว่า นายสาย ศรีมา เขากำลังจะบอกพวกศักดินาว่า ผมนี่คือปีศาจของพวกคุณ ปีศาจที่มาหลอกหลอนความคิดเก่าๆ ความคิดเก่าๆ ที่คุณอยากจะเก็บของเก่าๆ เอาไว้ ระเบียบประเพณีของเก่าๆ ความเป็นศักดินาของคุณ คุณเก็บได้ไม่นานหรอก เพราะสักวันหนึ่งโลกมันเปลี่ยนไป และผมอยู่กับกาลเวลา ผมจะมาเป็นปีศาจหลอกหลอนพวกคุณ
      
**มติชนยกหางทักษิณเปรียบเป็นปิศาจ

  ต่อมา หนังสือมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ 31 ตุลาคม คือฉบับนี้ที่วางตลาดอยู่นี้ เป็นรูปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วก็เขียนว่า ปีศาจ แล้วตั้งเครื่องหมายคำถาม เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังพี่น้อง แปลว่าอะไร

คนที่ทำหนังสือเล่มนี้ชื่อ เสถียร จันทิมาธร เป็นญาติผู้พี่ของ น้าหงา สุรชัย จันทิมาธร แต่ว่าอยู่กันคนละขั้วโลก บรรทัดแรกของบทความเรื่อง ปีศาจ เป็นคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร กับเพื่อนนายทหารก่อนออกเดินทางจากประเทศไทย "กูไม่ยอมเป็นอย่างปรีดี" หมายความว่า จะไม่มีวันลี้ภัยไปแล้วตายในต่างประเทศ

บทความฉบับนี้ เขาพูดว่า ทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่มากบารมีที่สุดคนหนึ่งของไทย ในยุคหลัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะผลงานของรัฐบาลทักษิณมีอยู่มากมาย อยู่ในใจคนจำนวนมากไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนระดับรากหญ้า บทความชิ้นนี้ยังอ้างด้วยว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, ปราบปรามยาเสพติด ยังเป็นที่กล่าวขวัญถึง เพราะได้เปลี่ยนชีวิตคนระดับรากหญ้ามากมาย แม้ว่าจะมีข้อกล่าวหาทุจริตมากมายในสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถทำลายความนิยมในตัวเขาลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน

บทความในหนังสือเล่มนี้ โดยนายเสถียร จันทิมาธร ก็พูดต่อ การขับไล่ทักษิณออกนอกประเทศได้สำเร็จเพียงแค่ตัวคน แต่ความคิดและนโยบายของเขายังดำรงอยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้ทักษิณจึงเปรียบเหมือนปีศาจในสายตาของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จับต้องไม่ได้แต่หลอกหลอนเราได้

        พี่น้องเข้าใจหรือยังว่า ทำไมเราถึงบอกว่า อย่าไปซื้อหนังสือพิมพ์ข่าวสด มติชน มติชนสุดสัปดาห์ และประชาชาติธุรกิจ

คุณเสถียร จันทิมาธร คือใคร คือหนึ่งในกระบวนการฝ่ายซ้ายเดิมทีที่อยู่ในป่า ออกมาแล้วยังไม่ยอมหยุดยั้งกระบวนการที่ต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ และมาใช้ทักษิณ ชินวัตร เพื่อเป็นเครื่องมือในการล้มล้าง

**แฉกระบวนการหมิ่นสถาบัน

ตั้งแต่ปี 2544 กระบวนการทางการเมืองของทักษิณ ชินวัตรนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยความหลงเชื่อของประชาชนทั่วประเทศ ว่าเขาเป็นคนเก่ง คนดี และจะบริหารชาติบ้านเมืองได้เหมือนกับที่เขาบริหารกิจการของเขาได้ ด้วยเหตุนี้ประชาชนส่วนใหญ่จึงเข้าไปสนับสนุนทักษิณ ชินวัตร

หลังจากที่เขาพ้นคดีซุกหุ้นไปแล้ว อำนาจเขาก็เพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอดเวลา เพิ่มขึ้นมาจนกระทั่ง เขาถึงจุดที่เขาคิดว่า ทำอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย เขาลุแก่อำนาจถึงจุดที่ว่า ถ้ากฎหมายอะไรไปขัดขวางการสร้างความร่ำรวยให้เขา เขาก็แก้กฎหมายนั้น นั่นคือที่มาของกระบวนการที่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน แม้กระทั่งการซื้อที่ดินที่รัชดา ทั้งๆ ที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 เขาไม่สนใจ เมื่อศาลพิพากษาแล้วเขาก็บอกว่า เขาต้องรับกรรมในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ เขาแก้ตัวไปแบบนี้

        พี่น้องจำได้ไหมผมเคยพูด บอก ทักษิณมีคนซึ่งวางแผนและทำงานให้เขาอยู่ 2 ฝ่าย ฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ฝ่ายขวาของเขาก็คือ นักการเมืองรุ่นเก่าๆ หรือคนที่ใส่ใจเฉพาะการเมืองแบบเก่า ไม่ว่าจะเป็นนายเนวิน ชิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นนายยงยุทธ ติยะไพรัช หรือไม่ว่าจะเป็นในอดีตหลายๆ คนที่มีข่าวมีคราวขึ้นมาที่สนับสนุน ทักษิณ ชินวัตร ด้วยวิธีการเมืองแบบเก่าๆ รวมไปถึงนายเสนาะ เทียนทอง หรือนายบรรหาร ศิลปอาชา คนพวกนี้คือฝ่ายนักการเมืองฝ่ายขวา

ในด้านอีกหนึ่งทักษิณ ชินวัตร ก็มีที่ปรึกษา คือนักการเมืองฝ่ายซ้ายที่เข้าไปอยู่ในป่า หมอมิ้งค์ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริยเดช อยู่ในป่าอีสานใต้ ใช้ชื่อว่า สหายจรัส นายจาตุรนต์ ฉายแสง อยู่ในป่า ใช้ชื่อว่า สหายสมชาย คนพวกนี้ก็มีลูกน้องหลายๆ คน มีเครือข่ายของเขา ไม่ว่าจะเป็น จรัล ดิษฐาอภิชัย หมอเหวง โตจิราการ หรือแม้กระทั่ง ชูชีพ ชีวสุทธิ์ ซึ่งหนีหมายจับกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปอยู่เมืองจีน โดยมีนายเหยียน ปิง เป็นผู้ดูแล หรือล่าสุด นายสุชาติ นาคบางไทร ที่ถูกหมายจับตำรวจข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หนีไปอยู่ทางฝั่งลาว รวมไปจนถึง นายจักรภพ เพ็ญแข ที่โดนหมายจับเช่นกัน คนพวกนี้คือพวกฝ่ายซ้าย

พวกนี้คือซ้ายที่อยู่ในป่า เคยมีความเชื่อมั่นว่า สังคมไทยถ้าจะเจริญต่อไปได้ต้องขจัดพวกศักดินา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันกษัตริย์ จะต้องเอาให้ล้มลงไป หรือไม่ก็ทำให้เป็นเพียงแค่ตรายาง นี่คือความเชื่อของคนฝ่ายนี้

ทักษิณเลยโดนคนทั้ง 2 ฝ่ายเอามาใช้ ฝ่ายขวาก็ต้องพึ่งพาความนิยมชมชอบของทักษิณ “อัศวินควายดำ” ตามที่หมอเสม พริ้งพวงแก้ว หรือว่า “ตาดูดาวเท้าติดดิน” หนังสือที่เขาเขียน ด้วยเหตุนี้พี่น้อง ทั้งฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาก็มองเห็นว่า ทักษิณนั้นจะเป็นตัวการที่พาให้ทั้ง 2 ฝ่ายเดินเข้าไปสู่เป้าหมายทางการเมืองที่ตัวเองต้องการ

ฝ่ายขวาฝ่ายนายเนวินไม่ได้คิดอะไรนอกจากเดินเข้าไปสู่การเมืองที่ตัวเองมีอำนาจ ตัวเองสามารถยึดครองบุรีรัมย์ต่อไปได้ ในขณะเดียวกัน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ก็มองว่า ตัวเองสามารถยึดครองเชียงราย เป็นจังหวัดๆ ไป ส่วนฝ่ายซ้ายมองว่า ถ้าทักษิณยังมีความยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมชมชอบ ความฝันของการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ หรือทำให้ราชบัลลังก์กลายเป็นเพียงแค่ตรายาง ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้

เพราะฉะนั้นจะสังเกตว่า กระบวนการจาบจ้วงและทำลายล้างราชบัลลังก์นั้น ได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ตั้งแต่วันแรกที่ทักษิณได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี คนซึ่งวางแผนอยู่คือ นายพรหมินทร์ เลิศสุริยเดช ซึ่งนายพรหมินทร์นั้นเป็นผู้วางแผนให้กับนักการเมืองฝ่ายซ้าย ส่วนจะวางแผนอย่างไรนั้นไม่ทราบ ทราบเพียงว่า นายแพทย์พรหมินทร์นั้นได้ฝังตัวอยู่กับทักษิณมานานแล้ว ในฐานะเป็นคนซึ่งทำงานอยู่ในบริษัท เอไอเอส และชินคอร์ปอเรชั่น กลายเป็นคนสนิทของคุณหญิงอ้อ พจมาน ชินวัตร กลายเป็นคนซึ่งในที่สุดมาเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และก็ต่อมาเรื่อยๆ

ปัจจุบันนี้ พรหมินทร์ เลิศสุริยเดช คือกุนซือที่คิดในการวางแผนพรรคเพื่อไทย ซึ่งกำลังจะรวมพรรคการเมืองกระเฬวรากทุกฝ่ายที่เคยเป็นอดีตไทยรักไทยเข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทย เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งในระบบและในแบบการเมืองเก่า ให้กลายเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว และแน่นอนที่สุด หนึ่งในวาระนั้นคือการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับทักษิณ ชินวัตร ด้วย

        ขบวนการนี้มีแนวความคิดริเริ่ม เริ่มต้นมาตั้งแต่ในยุคที่เริ่มพรรคไทยรักไทย ด้วยการไปท่องเรือสำราญที่ประเทศฟินแลนด์ และนั่นคือที่มาของการกล่าวหาถึงปฏิญญาฟินแลนด์ กระบวนการนี้กำลังดำเนินการไปได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการทำพิธีที่อุโบสถวัดพระแก้ว เผอิญกระบวนการฝ่ายขวางกับฝ่ายซ้ายมีเป้าอันเดียวกัน คือ ส่งเสริมให้ทักษิณยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทักษิณเองกับภรรยาก็มีความทะเยอทะยานมาก จากคนที่เคยวิ่งเต้นขอสัมปทานต่างๆ เคยไปกราบกรานข้าราชการตั้งแต่ซี4 ซี5 ซี6 ซี7 ซี8 ซี9 ซี10 ซี 11 เคยจะต้องวิ่งเต้นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ เพื่อวิ่งเต้นให้ได้ดาวเทียมไทยคม เขาก็ยินดีที่จะทำ เข้าไปวิ่งเต้นกับ นายมนตรี พงษ์พานิช ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ตลอดจน พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อให้ได้โทรศัพท์มือถือเอไอเอส จีเอสเอ็ม 900 คลื่น 900 ที่องค์การโทรศัพท์เป็นเจ้าของ ในยุคที่นายไพบูลย์ ลิมปพยอม เป็นผู้อำนวยการองค์การโทรศัพท์ และตอบแทนบุญคุณokpไพบูลย์หลังจากเกษียณให้มาเป็นกรรมการชินคอร์ป กินเงินเดือน 200,000-300,000 บาท จนกระทั่งทุกวันนี้

เพราะฉะนั้นแล้วด้วยเหตุอันนี้เอง ทั้งพจมาน ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ เมื่อมีเงินอยู่ในมือ มีนักการเมืองสามารถจะเล่นประเภทใต้ดินได้ เล่นถ่อยๆ ได้ คือทางฝ่ายขวา กับมีที่ปรึกษาระดมมวลชนอดีตคนอยู่ในป่าได้ คือฝ่ายซ้าย ทักษิณ ชินวัตร ก็ช่วยไม่ได้ที่จะคิดถึงการใหญ่ ตั้งแต่การเข้าไปทำพิธี การเข้าไปทำพิธีที่วัดพระแก้ว การประชุม ครม.ที่ปราสาทพนมรุ้ง ตลอดจนการเล่นไสยศาสตร์นั้น นี่ก็คือการจะจาบจ้วงและถ้าล้มล้างราชบัลลังก์ได้ก็ล้มล้าง ซึ่งมันตรงกับทางนักการเมืองฝ่ายซ้ายต้องการพอดี ไอ้ขวามันใช้ไสยศาสตร์ไอ้ซ้ายมันจะใช้มวลชน เห็นหรือยังพี่น้อง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

กระบวนการนี้เริ่มมานานแล้ว การทำงาน การเข้าไปทำบุญที่วัดพระแก้วเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่มีใครกล้าพูด มีผมคนเดียวที่กล้าพูด เมื่อปี พ.ศ.2548 ที่มาเปิดโปงในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทั้งหมดนี้รวมไปจนถึง รวมไปจนถึงการแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็คือ วัดธรรมกาย นี่คือคำตอบว่าทำไมพวกมวลชนทางฝ่ายเสื้อแดง เวลาลงมากรุงเทพฯ ถึงไปพักที่วัดธรรมกาย

พี่น้องจำได้ไหม เขาพยายามทำแม้กระทั่งแต่งเพลงชาติไทยขึ้นมาใหม่ จำได้หรือเปล่า มองดูเป็นองค์รวม มองดูเป็นองค์ประกอบแล้วจะเข้าใจ ทำไมบัตรประชาชนต้องเปลี่ยน บัตรข้าราชการต้องเปลี่ยนจากคำว่า "ข้าราชการ" ไปเป็น "เจ้าหน้าที่รัฐ" ก็ด้วยเหตุผลอันนี้ ต้องการจะลดพระบรมเดชานุภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะคำว่า ข้าราชการนั้นคำเต็มมันมีอยู่ว่า ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

**เหตุผลที่ต้องลุกขึ้นจุดเทียนปัญญา

พี่น้องเรื่องต่างๆ เหล่านี้ที่เป็นชิ้นๆ เมื่อผมเอามาร้อยเรียงให้ดูแล้วพี่น้องเริ่มเห็นภาพชัดแล้วใช่ไหมพี่น้อง นั่นคือสาเหตุของการต้องปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ช่อง 9 ทันทีเลย ทันทีโดยไม่ฟังเสียง ถูกไม่ถูกไม่สนใจ สั่งปิดสั่งปิดทันทีเลย

ทว่า สวรรค์ยังมีตา เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผมต้องสู้ต่อในปี 2548 ที่ถูกปลดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์แล้ว ผมไม่ยอมแพ้พี่น้อง ผมก็ทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร ไปตามที่ต่างๆ แล้วข้อความ ความรู้ต่างๆ ที่ผมทำไป ก็เริ่มแผ่กระจายขยายองค์ความรู้

พี่น้องจำคำพูดผมได้หรือเปล่า จำคำพูดผมได้หรือเปล่า ที่ผมบอกว่า มันต้องมีคนกล้าจุดเทียนขึ้นมาก่อน 1 คน เพราะว่าการจุดเทียนท่ามกลางพายุร้ายนั้น คนจุดถ้าต้องการให้เทียนมันติดต้องหันหลังเข้าหาลมแล้วยอมให้ลมนั้นมันพัดเอากระเบื้อง เอาสังกะสี เอาเศษไม้ มาโดนหัว โดนหลัง บาดเจ็บเลือดอาบ ก็ต้องทนที่จะป้องลมเพื่อให้เทียนมันต่อไปเรื่อยๆ จะได้มีคนอื่นเอาเทียนมาจ่อแล้วจุดกันต่อๆ ไป จากเทียนเล่มน้อยหล่อหลอมมาเป็นเทียนเล่มใหญ่

ด้วยเหตุนี้ การชุมนุมของเราที่ลานพระรูปเป็นครั้งแรก ได้ก่อเหตุให้ทักษิณ ชินวัตร ต้องตกใจ รวมทั้งที่ปรึกษา ที่ปรึกษาทั้งฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาเขา ประเมินสถานการณ์เราใหม่หมด เพราะเริ่มแรกเขาดูถูกพวกเรามาก เขาบอกว่าพวกเราไม่มีน้ำยาอะไรหรอก ชุมนุมประเดี๋ยวเดียวมีคนไม่กี่ร้อยคน อย่างมากก็พันกว่าคน

วันนั้นถ้าพ่อแม่พี่น้องคนไหนได้ไปชุมนุมครั้งแรกกับผมที่ลานพระรูปทรงม้า พี่น้องจะเห็นได้ว่า เต็มลานพระรูปทรงม้า ยาวไปจนเกือบๆ จะถึงสนามมวยราชดำเนิน ตลอดจนเมื่อเราอยู่ค้างคืนตอนเช้า ตี 5 6 โมงเช้าที่เราลุกขึ้นมาเพื่อทำบุญตักบาตรนั้นคนก็ยังเต็มอยู่ที่ลานพระรูปทรงม้า แน่นไปหมดเลยพี่น้อง ตรงนั้นเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เพื่อนฝูง ญาติมิตรที่ร่วมอุดมการณ์หลายๆ คนเข้ามาร่วม ก็เลยกลายเป็น “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”

หลังจากการชุมนุมที่ลานพระรูป พอพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกิดขึ้นก็เลยไปชุมนุมกันที่สนามหลวง ต่อเนื่องกันแล้วต่อมาที่มัฆวานฯ

จากการชุมนุมของเราแล้วการเคลื่อนพลที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่ง พี่น้องจำได้ใช่ไหม ที่สนามหลวงต่อไปสะพานมัฆวานนั้น เป็นการเคลื่อนขบวนที่ยิ่งใหญ่มาก ธงทิวปลิวไสว ธงกองทัพธรรม ธงของพวกสหภาพ ธงรัฐวิสาหกิจ ธงชาติไทย ภาพที่ออกมายิ่งใหญ่มโหฬารมากตรงนั้นทำให้เขาตกใจ ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก แต่ถึงคิดอะไรไม่ออกยังไงก็ตาม แทนที่จะสำนึกและสำเนียกว่าตัวเองน่าจะกลับตัวได้ ตัวเองกลับมีความรู้สึกที่ลุแก่อำนาจเหมือนเดิม นั่นคือที่มาของการขายหุ้นชินคอร์ป แล้วไม่ยอมเสียภาษี

จากจุดนั้นเป็นต้นมาเลยทำให้ชนชั้นกลางที่ก่อนหน้านั้นมีความรู้สึกกลางๆ กับเรา เฉยๆ กับเรา เริ่มรู้สึกแล้วว่า สิ่งที่เราต่อสู้มาในยุค ปี 2548 ปลายปี 48 นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คนก็เลยหลั่งไหลเข้ามาร่วมกระบวนการช่วยเหลือเรา ประกอบกับทักษิณได้แสดงธาตุแท้ตัวเองออกมาอย่างชัดเจน ด้วยการพูดว่า ใครไม่เลือกพรรคไทยรักไทยผมจะพิจารณาจังหวัดนั้นอยู่ท้ายๆ ในการช่วยเหลือ นั่นก็เลยทำให้พ่อแม่พี่น้องชาวใต้ ตัดสินใจอย่างแน่นอนว่าจะอยู่ร่วมแผ่นดินและร่วมโลกกับทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ ต้องเข้ามาร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อไล่ทักษิณออกไป

        ขบวนการนี้เจริญเติบโตไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทักษิณไม่รู้จะแก้เกมอย่างไร รุนแรงแล้ว กลั่นแกล้งผมก็แล้ว ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมคนเดียวที่โดนอาวุธทุกประเภทที่เขาออกมา ไม่ว่าการขู่ฆ่า ไม่ว่าการจะมาฆ่า ไม่ว่าการกลั่นแกล้งทางธุรกิจ พี่น้องจำได้ใช่ไหม เอเอสทีวีออกอากาศแบบกระท่อนกระแท่น แต่เราก็ยังกัดฟันสู้ กัดฟันสู้อย่างไม่หยุด

**ใช้เล่ห์การเมืองจนถูกปฎิวัติ

จนกระทั่งที่ปรึกษาทั้งฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาเขามีมติว่าอย่างไรรู้ไหม มีมติว่า ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แล้วก็ใช้มนต์ตราเก่าๆ คือ นะโมตัสสะ คือฉันมาจากการเลือกตั้ง เพื่อเอามาข่มขวัญพวกพันธมิตรฯ เพื่อเอามาพูดว่า เฮ้ยผมยุบสภาแล้วนะ มีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนเลือกผมเข้ามามากกว่าเก่าเสียอีก เพราะฉะนั้นแล้วพวกคุณ พวกคนจรจัด ที่เขาเคยด่าพวกเราจำได้ไหม ว่าหยุดประท้วงได้แล้ว ประชาชน 19 ล้านคน 16 ล้านคน 21 ล้านคน เลือกผมเข้ามา โดยเขาไม่ได้คำนึง ไม่ยอมเล่าความจริงว่าที่เลือกเพราะมึงเอาเงินไปซื้อเสียง

แต่ว่าวันนั้นเนื่องจากความที่ต้องการรีบเร่ง ความที่ต้องการที่จะได้เสียงมากกว่า 337 เสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ที่เขากลับมาอีกที เขาต้องการได้มากกว่า 19 ล้านเสียง พี่น้อง เลือกตั้งครั้งที่ 2 พี่น้องจำได้ใช่ไหม เขาเข้ามาด้วยเสียง 19 ล้านเสียง แต่ 19 ล้านเสียง ยิ่งคนเลือกเข้ามามาก น่าประหลาดใจคนยิ่งมาประท้วงกับเรามากขึ้นกว่าเดิม เขาก็เลยต้องการจะยุบสภาแล้วเลือกตั้งอีกครั้งขึ้นมา แต่ความที่โลภละโมบ เขาเลยมีความรู้สึกว่า ไม่ได้โว้ยต้องกำหนดวันเลือกตั้งให้เร็ว เพื่อกูจะได้เปรียบ นั่นคือที่มาของการยุบสภาแล้วกำหนดวันเลือกตั้งภายใน 35 วัน

เมื่ออยู่ภายใน 35 วัน โชคดีที่พรรคการเมืองที่จะต้องลงแข่ง เห็นว่า 35 วันนั้นเป็นการให้พรรคไทยรักไทยได้เปรียบ พวกนี้ก็เลยไม่ยอมลง บรรหาร ศิลปอาชา ไม่ยอมลงไม่ใช่อะไรหรอก เพราะกลัวว่าลงแล้วจะแพ้หูรูด ก็เลยไม่ยอมลง จริงๆ แล้วไม่ได้รักชาติรักบ้านรักเมืองหรอก กลัวตัวเองจะแพ้มากกว่า พอไม่มีใครลงด้วย นั่นคือที่มาของการตั้งพรรคเล็กๆ เอาเงินจ่ายพรรคเล็กๆ ลงมาเป็นพระอันดับ

จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ออกมา มีพระราชดำรัสว่าทำไมศาลไม่จัดการเรื่องราวพวกนี้ให้มันถูกต้องซะ การเลือกตั้ง พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสว่า การเลือกตั้งพรรคเดียวนั้นไม่เป็นประชาธิปไตย นั่นคือที่มาของคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่บอกว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ พอเป็นโมฆะแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาในขณะนั้น ก็คือว่า เขาไม่สามารถคุม กกต.ต่อไปได้ เพราะว่าศาลอาญาได้ลงโทษจำคุก กกต. 3 หนา 5 ห่วงทุกคน

จนกระทั่ง 3 หนา 5 ห่วงไม่มีสิทธิ์ได้เป็น กกต. และกระบวนการยุบพรรคไทยรักไทยได้ถูกส่งต่อไป พี่น้องจำได้ไหมว่า เขาทำเรื่องยุบพรรค กกต.โดยที่ประธานอนุกรรมการ กกต.พิจารณาทำเรื่องเสร็จตั้งนานแล้ว แต่ 3 หนา 5 ห่วงเก็บไว้ในลิ้นชัก

พี่น้องรู้ไหมคณะอนุกรรมการที่มีมติให้ยุบพรรคไทยรักไทย ของ กกต.คนนั้นชื่ออะไร ชื่อนายนาม ยิ้มแย้ม ไงล่ะพี่น้อง ด้วยเหตุนี้เมื่อไทยรักไทยถูกส่งเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ

ทักษิณ ชินวัตร ตอนนั้นก็เข้าไปเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่หัวหิน ตัวเองไปกราบบังคมทูลว่า ขอลาออก จำได้ไหมพ่อแม่พี่น้อง พอออกมามีฉากที่ทำเนียบนาย เนวิน ชิดชอบ ไปกอดเอวทักษิณ ทุกคนร้องห่มร้องไห้หมด ปรากฏว่า ทักษิณเปลี่ยนใจจากลาออกมาเป็นขอลาพัก จำได้ไหม

หลังจากนั้นก็ใช้ตำแหน่งที่ลาพักแล้วกลับมาทำงานใหม่ ทั้งๆ ที่ไปถวายสัตย์กับพระเจ้าอยู่หัวว่าจะลาออกแล้วตัวเองไม่ลาออก ในที่สุดตัวเองก็เลยถือโอกาสเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ด้วยความคิดที่อยู่ในใจว่า เมื่อกลับมาแล้วจะต้องโยกย้ายผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน โยกย้ายแม่ทัพภาค 3 พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาค 1 คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา การปฏิวัติในวันที่ 19 กันยายน ถึงเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นเพราะว่า พล.อ.อนุพงษ์และพล.อ.สนธิกลัวโดนย้ายถึงปฏิวัติ

พี่น้อง ทักษิณเมื่อไปอยู่ต่างประเทศแล้วก็ใช้ลูกล่อลูกชนกับประเทศไทย จำได้ไหม ที่พยายามพูดว่าตัวเองเลิกเล่นการเมืองแล้ว แต่ตัวเองก็บินไปญี่ปุ่น ไปฮ่องกง ไปเลคเชอร์ที่ญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์นิตยสารไทมส์ที่สิงคโปร์ ด่าประเทศไทย เหมือนกับครั้งนี้ที่เขาด่าประเทศไทยเช่นกัน ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย

กระบวนการฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาของทักษิณในยุคนั้นก็เลยลงใต้ดิน เก็บตัวเงียบสงบ อาจจะเป็นเวรกรรมของชาติบ้านเมือง ที่เรามีคนชื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็เลยทำให้เชื้อชั่วที่หลบลงใต้ดินนั้นสามารถจะเพาะเชื้อเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่วางระเบิดโรงเรียนต่างๆ ในภาคอีสาน จำได้หรือเปล่าพี่น้อง แล้วยุคนั้นใครหล่ะที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าไม่ใช้ โกวิท วัฒนะ เห็นหรือยัง โกวิท วัฒนะ ก็ยังเก็บตำรวจในระบอบทักษิณไว้ทุกคน มีกระบวนการโยกย้ายก็ต่อเมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวสเข้ามาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

แต่ว่าโชคร้ายของประเทศไทย ที่เรามีคนชื่อ อารีย์ วงศ์อารยะ ซึ่งเป็นคนของทักษิณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลูกชายอารีย์ วงศ์อารยะ ก็อยู่กับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ด้วยเหตุนี้ บุคลากรในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสำคัญในเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ยังคงอยู่ในเงื้อมมือของระบอบทักษิณเหมือนเดิม

จากการที่เขาถูกจัดระบบมา มีการเอาเงินไปซื้อข้าราชการ เอาเงินไปซื้อนักการเมืองในรัฐบาลชุดสุรยุทธ์ จุลานนท์ และจนกระทั่งวันนี้ผมก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ถึงรีบเร่งให้มีการเลือกตั้งภายใน 1 ปี ทั้งๆ ที่ปัญหายังไม่ได้แก้เลยแม้แต่อย่างเดียว มาวันนี้ค่อยเข้าใจว่าที่ต้องรีบเร่งให้มีการเลือกตั้ง พี่น้องสังเกตรึเปล่า กระบวนการทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นนายนพดล ปัทมะ ที่ทำตัวเป็นทนาย ออกมาด่าทุกคนหมดยกเว้นสุรยุทธ์ จุลานนท์ ชมสุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้วใช้ทางตะวันตก สากลมาบีบประเทศไทยให้ถามตลอดเวลาว่า เมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้ง เมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้ง เพราะว่าเขาเตรียมพร้อมการเลือกตั้งแบบการเมืองเก่ามาตั้งแต่วันที่เขาถูกไล่ออกจากประเทศไทยไปแล้ว

(โปรดติดตามอ่านต่อฉบับวันพรุ่งนี้)
กำลังโหลดความคิดเห็น