xs
xsm
sm
md
lg

ครม.เร่งสะสมทุนเลือกตั้ง ดันสุดตัว"เมกะโปรเจกต์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วานนี้ (31 ต.ค.)ว่า ที่ประชุมได้เร่งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้เร่งรัดการใช้งบประมาณผ่านโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ เพื่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างฟื้นตัวได้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเร่งให้รถไฟฟ้า 3 เส้นทางที่อยู่ระหว่างการดำเนินการประกวดราคาสามารถลงนามกับผู้รับเหมาได้ภายในสิ้นปีนี้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) ระยะทาง 23 กิโลเมตร วงเงิน 59,000 ล้านบาท, สายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) 59,000 ล้านบาท และสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) 54,000 ล้านบาท ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 24,000 ล้านบาท ระยะทางรวม 27 กิโลเมตร
ทั้งนี้ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ได้แจ้งที่ประชุมครม.เศรษฐกิจว่า งบลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ปี 2552-2555 มีวงเงินรวม 1.8 ล้านล้านบาท โดยในปี 2552 จะใช้ในการก่อสร้างจำนวน 3.4 แสนล้านบาท ซึ่งมีงบรองรับแล้ว 2.8 แสนล้านบาท ส่วนอีกประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาทจะจัดสรรมาจากงบกลาง จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่เหลือ 1.7 หมื่นล้านบาท ต้องกู้จากสถาบันการเงินโดยขณะนี้ประเทศจีนได้ยืนยันว่าจะให้ไทยกู้เงินจำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ
ดังนั้น วันที่ 4-7 พ.ย.นี้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และคณะจะเดินทางไปเจรจาและสรุปรายละเอียดว่าจะนำเงินกู้จากจีน มาใช้สำหรับโครงการใดบ้าง เพื่อลงนามร่วมกันระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน ที่ จ.เชียงใหม่ กลางเดือนธ.ค.นี้
น.ส.ศุภรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นว่าโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านการศึกษา วงเงิน 22,000 ล้านบาท และด้านสาธารณสุข 78,000 ล้านบาท นั้นมีการลงทุนและพัฒนาด้วยการใช้งบน้อยเกินไป เพราะเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาพื้นฐานระยะยาว ซึ่งในวันที่ 5 พ.ย.นี้นายกฯ จะประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจเพื่อสรุปแผนเร่งรัด โครงการเมกะโปรเจกต์ และการพัฒนาระบบน้ำ ที่ชัดเจนอีกครั้ง
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าที่ยังล่าช้า ส่วนใหญ่จะติดเงื่อนไขข้อกฎหมายต่างๆ ทำให้บางโครงการยังไม่สามารถเริ่มต้นโครงการ และบางโครงการ ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้มีหนังสือทักท้วงมาทำให้ต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบก่อนดำเนินการ

**ดันเมกะโปรเจกต์สะสมทุนเลือกตั้ง
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่นั้นจะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ แต่ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมมีความเร่งรีบในการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ และรู้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้นาน แต่ก็พยายามเร่งรีบในการดำเนินการอย่างลุกลี้ลุกลน ซึ่งเป็นการสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่อยู่ในช่วงตกต่ำ และความชัดเจนในเรื่องแหล่งเงินกู้ที่จะนำมาใช้ในโครงการก็ยังไม่ชัดเจน แต่พยายามที่จะเร่งเซ็นสัญญาผู้รับเหมาให้ได้ในรัฐบาลชุดนี้
“ในวงการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เป็นที่รู้กันว่ารัฐบาลชุดนี้จะต้องผลักดันโครงการนี้ออกมาให้ทัน เพราะจะอ้างเป็นผลงาน แถมยังสามารถล็อกเงื่อนไขผู้รับเหมาว่าจะเลือกผู้ก่อสร้างรายใด เท่ากับว่ามีการล็อกสเปกต่าง ๆ ได้และจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองที่เกี่ยวข้องกับโครงการขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมเม็ดเงินไว้ใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในเร็วๆ นี้” แหล่งข่าวคนเดียวกัน ตั้งข้อสังเกต
อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่ากระทรวงคมนาคมนั้นอดีตเคยมีเจ้ากระทรวงคือนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ที่เข้ามาดูแลโครงการขนาดใหญ่ ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิที่มีปัญหา และพยายามผลักดันโครงการรถไฟฟ้าต่างๆให้สำเร็จ แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดอยู่ในข่าย 111 คนของพรรคไทยรักไทย ที่ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้ จึงได้ส่งตัวแทนเข้ามาคุมกระทรวงคมนาคมและพยายามเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ในกระทรวงคมนาคมแทน ซึ่งขณะนี้งานต่างๆ ถือว่ายังมีความล่าช้า และเกรงว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ไม่นาน จึงต้องรับเร่งผลักดันโครงการนี้ให้ออกมาให้เร็วที่สุด
“เป็นที่รู้กันว่านายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม นั้นเป็นคนของนายพงษ์ศักดิ์ ส่งเข้ามาคุมและผลักดันเมกะโปรเจกต์ จึงต้องเร่งเดินโครงการนี้ให้สำเร็จก่อนที่รัฐบาลจะยุบหรือลาออกไป ซึ่งกระทรวงคมนาคมนั้นถือเป็นแหล่งผลประโยชน์ของนักการเมืองที่เข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เพื่อหวังใช้เม็ดเงินในการเลือกตั้งครั้งต่อไป” แหล่งข่าวคนเดียวกัน ตั้งข้อสังเกตุ
กำลังโหลดความคิดเห็น