xs
xsm
sm
md
lg

สองปีครึ่งน้ำผึ้งพระจันทร์หมดหวาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเจนซี - ลืมเรื่องอาถรรพ์ 7 ปีไปได้เลย เพราะผลการศึกษาใหม่ชี้น้ำต้มผักคู่แต่งงานจะหวานแค่ 2 ปี 6 เดือน 25 วันเท่านั้น ขณะที่ผลวิจัยอีกชิ้นระบุความรักกับความเกลียดเฉียดใกล้กันอย่างน่ากลัว

หลังจากระยะเวลาดังกล่าว อารมณ์โรแมนติกถ้าไม่ตายก็ต้องเรียกว่าคางเหลือง เพราะฝ่ายสามีจะเลิกทำตัวน่ารักมีระเบียบ ขณะที่ฝ่ายภรรยาเลิกพยายามทำสวยให้อีกฝ่ายพึงพอใจ

เมื่อถึงวันครบรอบแต่งงานปีที่ 3 ผู้ตอบแบบสำรวจ 83% บอกว่าไม่กระตือรือร้นฉลองวันสำคัญอีกต่อไป

ผลการสอบถามความคิดเห็นสามี-ภรรยาที่แต่งงานกันมาเกินสิบปีจำนวน 5,000 คู่พบว่า ผู้ชาย 7 ใน 10 รู้สึกสะดวกกายสบายใจเมื่ออยู่กับภรรยา จึงมักทิ้งถุงเท้า กางเกงชั้นใน และเสื้อผ้าสกปรกเกะเกะรอบบ้าน และ 79% สารภาพว่าไม่ได้ยกฝาที่นั่งชักโครกลงอีกต่อไป

ด้านผู้หญิง 2 ใน 3 บอกว่าเลิกพยายามแต่งตัวให้สวยตลอดเวลาในสายตาสามี, 54% เลิกแต่งหน้าเวลาอยู่บ้าน และ 61% ยอมรับว่าเมื่อกลับถึงบ้านจะเปลี่ยนใส่ชุดนอนทันที

ระหว่างช่วง 2-3 เดือนแรกหลังงานวิวาห์ สามีภรรยา 83% จับมือกันเป็นประจำเวลาออกนอกบ้าน เทียบกับแค่ 38% หลังอยู่กินกันได้สิบปี

ก่อนครบขวบปีแรกของการแต่งงาน หญิงชายจะกอดกันวันละเกิน 8 ครั้ง แต่ถ้าผ่านไปหนึ่งทศวรรษ ความถี่ของการกอดในรอบวันจะลดเหลือ 5 ครั้งหรือน้อยกว่านั้น และ 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจบอกว่า หลังแต่งงาน สามี/ภรรยาไม่เคยเซอร์ไพรส์กันด้วยการชวนออกไปท่องราตรีเลย

การแย่งรีโมททีวีเป็นอีกหัวข้อสำคัญ โดย 75% ของทั้งหญิงและชายบอกว่าจะไม่ยอมปล่อยรีโมทให้สามี/ภรรยา แม้ว่าเขา/เธอจะขอดีๆ ก็ตาม

จอห์น ซีเวลล์ โฆษกของบริษัทวิจัย www.onepoll.com กล่าวว่า คู่แต่งงานจำนวนมากติดอยู่ในสภาพที่เคยชินจนเบื่อ และแม้ยังรักกันเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนทั้งสามีและภรรยาจะทำตัวตามสบายมากเกินไปเวลาอยู่ด้วยกัน

“สามีภรรยาต้องหาจุดกึ่งกลางระหว่างความรู้สึกสบายใจกับการถามความพึงพอใจของอีกฝ่าย

“การออกไปกินอาหารนอกบ้านในบรรยากาศโรแมนติกอาจเป็นสิ่งที่หลายคู่ต้องการเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับชีวิตสมรส รวมถึงพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เช่น การไม่ทิ้งข้าวของระเกะระกะและการช่วยกันทำงานบ้านจะทำให้ชีวิตคู่อยู่กันไปอย่างราบรื่น”

ขณะเดียวกัน ผลการวิจัยจากยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน ระบุว่าความรักกับความเกลียดถูกคั่นกลางด้วยเส้นบางๆ เท่านั้น

การสแกนสมองแสดงให้เห็นรูปแบบของกิจกรรมในสมองเมื่อมีอารมณ์ชิงชังว่าเกิดขึ้นในส่วนเดียวกับส่วนที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์โรแมนติก

“ความเชื่อมโยงนี้อาจอธิบายได้ว่าทำไมความรักกับความเกลียดจึงเฉียดใกล้กันอย่างมาก” เซมีร์ เซกี และจอห์น ปอล โรมายา ผู้นำการวิจัยกล่าวไว้ในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Plos One

ในการศึกษา นักวิจัยขอให้ชายหญิง 17 คนดูรูปคนที่เกลียด และรูปใบหน้าที่คุ้นเคย ทั้งนี้ คนที่ถูกเกลียดส่วนใหญ่จะเป็นคนรักเก่า ศัตรูที่ทำงาน แต่มีเพียงเคสเดียวเท่านั้นที่เป็นนักการเมืองคนดัง

การสแกนสมองเผยให้เห็นรูปแบบกิจกรรมในส่วนต่างๆ ของสมองที่นักวิจัยเรียกว่า ‘วงจรความเกลียด’ ที่จะถูกเปิดสวิตช์เมื่ออาสาสมัครเห็นหน้าคนที่ตัวเองชิงชัง

ส่วนหนึ่งของสมองที่ถูกกระตุ้นให้ทำงานคือส่วนที่เชื่อว่ามีความสำคัญในการคาดหมายการกระทำของผู้อื่น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำงานเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่เกลียด

กิจกรรมของสมองขณะมองภาพคนที่เกลียดยังเกิดขึ้นในส่วน putamen และ insula ซึ่งเป็นส่วนที่จะทำงานเมื่อเราเห็นหน้าคนรัก และนักวิจัยเชื่อมโยงสมองส่วนนี้กับพฤติกรรมก้าวร้าวและสถานการณ์เศร้าโศก

อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างอย่างชัดเจน กล่าวคือ ส่วนที่ใหญ่กว่าของ cerebral cortex ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดุลพินิจและเหตุผล จะไม่ทำงานเมื่ออาสาสมัครมองภาพคนรัก

แม้ทั้งความรักและความเกลียดชังก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์อย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนคนที่กำลังมีความรักจะใช้วิจารณญาณและเหตุผลมาประเมินคนรักน้อยมาก แต่จะใช้กับคนที่เกลียดมากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น