รายงานข่าวจากบริษัทการบินไทย แจ้งว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา บรรดากัปตันอาวุโสที่ทำหน้าที่เป็นครูสอนนักบินของบริษัท(Instructor Pilot) รวมทั้งหมด 5 คนได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นครูฝึกและสอนนักบิน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2551 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ในหนังสือขอลาออกกัปตันทั้งหมดให้เหตุผลว่า เนื่องจาก กัปตันโสภิต โภคะสุวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพัฒนาบุคลากรการบิน บริษัทการบินไทยมีคำสั่งให้กัปตันจักรี จงศิริ หยุดการสอนนักบินลูกศิษย์เป็นการชั่วคราว ทั้งๆที่กัปตันจักรี ไม่ได้มีความผิดพลาดในเรื่องของการบินการสอนแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 กัปตันโสภิต มีคำสั่งภายในให้กัปตันจักรีงดงานสอนนักบินลูกศิษย์โดยอ้างว่า เพราะเหตุการณ์เรื่องความขัดแย้งระหว่างผู้โดยสารและนักบินของบริษัทกลายเป็นประเด็นใหญ่ซึ่งอาจสร้างความกดดันและกระทบกระเทือนงานสอนของกัปตันจักรี ครูการบิน 734 จึงขอให้งดงานสอนศิษย์เป็นการชั่วคราวจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย
เหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ตำรวจใช้อาวุธรุนแรงสลายผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลาคม2551จนมีผู้บาดเจ็บและล้มตาย วันรุ่งขึ้น 8 ตุลาคม2551 กัปตันจักรีได้ปฎิเสธที่จะทำหน้าที่เป็นนักบินให้กับส.ส.พรรคพลังประชาชน3คนที่ลุแก่อำนาจสั่งใช้ความรุนแรงกับประชาชน
ต่อมา ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่เป็นฝ่ายรัฐบาลแสดงความไม่พอใจการกระทำของกัปตันจักรีอย่างมากทั้งข่มขู่ด้วยวาจาและพยายามใช้อำนาจผ่านรัฐมนตรีคมนาคมให้บีบคณะกรรมการบริษัทการบินไทยเล่นงานกัปตันจักรี โดยสั่งให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่กัปตันจักรีชี้แจงถึงเรื่องความปลอดภัยของตัวผู้โดยสารที่เป็นส.ส.พรรคพลังประชาชนเอง และ ผู้โดยสารผู้อื่นๆแต่ก็ไม่เป็นผล กัปตันจักรีถูกปลดออกจากนักบินลดตำแหน่งให้ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้ช่วยนักบิน( Co-pilot) เท่านั้น
“ เมื่อวันที่ 8 ตอนเช้านั้น ผมได้เห็นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงภาพผู้คนซึ่งเป็นคนไทยถูกทำร้ายด้วยอาวุธ ร่างกายฉีกขาด เลือดนองพื้น เป็นภาพซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกอนาถใจอย่างมากที่รัฐบาลโดยการนำของพรรคพลังประชาชน เข่นฆ่าประชาชน โดยคนในพรรคนี้เห็นดีเห็นงามต่อการกระทำกับประชาชน จิตใจของพวกท่านทำด้วยอะไร เพียงเพื่อต้องการที่จะไปอ่านนโยบายบริหารประเทศ ท่านก็ฆ่าฟันผู้คนเข้าไปอ่านนโยบายแล้ว ฉะนั้นภายในนโยบายบริหารเหล่านั้นท่านคงจะต้องฆ่าประชาชนคนไทยไปอีกกี่ศพ ท่านจึงจะบรรลุนโยบายการบริหารประเทศของท่าน
ด้วยความคิดดังนั้น ผมเองจึงตัดสินใจที่จะไม่รับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากพรรคพลังประชาชน สาเหตุเพราะหนังสือพิมพ์ซึ่งมีภาพผู้คนที่ถูกเข่นฆ่าเหล่านั้น เมื่อผู้โดยสารท่านอื่นที่โดยสารไปในเที่ยวบินนั้นได้เห็นภาพและข่าว อาจเกิดบันดาลโทสะ ขาดการยับยั้ง ยกมารุมทำร้าย ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ขณะที่เตรียมขึ้นบินอยู่ ได้รับบาดเจ็บและล้มตายให้ตกไปตามกันก็ได้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเข้าเครื่องในวันดังกล่าว ซึ่งถ้าการสอบสวนว่าผมกระทำความผิด และให้ผมไปกล่าวคำขอโทษ ส.ส.เหล่านั้น ก็ขอให้ลงโทษด้วยการฆ่าผมเสียดีกว่าที่จะให้ผมไปกล่าวคำขอโทษกับคนที่ไม่มีศีลธรรมเหล่านั้นให้เสียศักดิ์ศรีของความเป็นชายชาติทหารนักรบอย่างผม” กัปตันจักรีเคยเขียนจดหมายยืนยันถึงเหตุผลที่ตัดสินใจไปในครั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูสอนนักบินของเหล่ากัปตันอาวุสทั้ง 5 คนนี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัทการบินไทยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะฝูงบินโบอิ้ง 737 เนื่องจาก กัปตันเหล่านี้มีประสบการณ์สูงและเป็นบุคลากรที่มีค่าของบริษัท
ทั้งนี้ในหนังสือขอลาออกกัปตันทั้งหมดให้เหตุผลว่า เนื่องจาก กัปตันโสภิต โภคะสุวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายพัฒนาบุคลากรการบิน บริษัทการบินไทยมีคำสั่งให้กัปตันจักรี จงศิริ หยุดการสอนนักบินลูกศิษย์เป็นการชั่วคราว ทั้งๆที่กัปตันจักรี ไม่ได้มีความผิดพลาดในเรื่องของการบินการสอนแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551 กัปตันโสภิต มีคำสั่งภายในให้กัปตันจักรีงดงานสอนนักบินลูกศิษย์โดยอ้างว่า เพราะเหตุการณ์เรื่องความขัดแย้งระหว่างผู้โดยสารและนักบินของบริษัทกลายเป็นประเด็นใหญ่ซึ่งอาจสร้างความกดดันและกระทบกระเทือนงานสอนของกัปตันจักรี ครูการบิน 734 จึงขอให้งดงานสอนศิษย์เป็นการชั่วคราวจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย
เหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มขึ้นหลังเหตุการณ์ตำรวจใช้อาวุธรุนแรงสลายผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภา 7 ตุลาคม2551จนมีผู้บาดเจ็บและล้มตาย วันรุ่งขึ้น 8 ตุลาคม2551 กัปตันจักรีได้ปฎิเสธที่จะทำหน้าที่เป็นนักบินให้กับส.ส.พรรคพลังประชาชน3คนที่ลุแก่อำนาจสั่งใช้ความรุนแรงกับประชาชน
ต่อมา ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่เป็นฝ่ายรัฐบาลแสดงความไม่พอใจการกระทำของกัปตันจักรีอย่างมากทั้งข่มขู่ด้วยวาจาและพยายามใช้อำนาจผ่านรัฐมนตรีคมนาคมให้บีบคณะกรรมการบริษัทการบินไทยเล่นงานกัปตันจักรี โดยสั่งให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยที่กัปตันจักรีชี้แจงถึงเรื่องความปลอดภัยของตัวผู้โดยสารที่เป็นส.ส.พรรคพลังประชาชนเอง และ ผู้โดยสารผู้อื่นๆแต่ก็ไม่เป็นผล กัปตันจักรีถูกปลดออกจากนักบินลดตำแหน่งให้ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้ช่วยนักบิน( Co-pilot) เท่านั้น
“ เมื่อวันที่ 8 ตอนเช้านั้น ผมได้เห็นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงภาพผู้คนซึ่งเป็นคนไทยถูกทำร้ายด้วยอาวุธ ร่างกายฉีกขาด เลือดนองพื้น เป็นภาพซึ่งผมเห็นแล้วรู้สึกอนาถใจอย่างมากที่รัฐบาลโดยการนำของพรรคพลังประชาชน เข่นฆ่าประชาชน โดยคนในพรรคนี้เห็นดีเห็นงามต่อการกระทำกับประชาชน จิตใจของพวกท่านทำด้วยอะไร เพียงเพื่อต้องการที่จะไปอ่านนโยบายบริหารประเทศ ท่านก็ฆ่าฟันผู้คนเข้าไปอ่านนโยบายแล้ว ฉะนั้นภายในนโยบายบริหารเหล่านั้นท่านคงจะต้องฆ่าประชาชนคนไทยไปอีกกี่ศพ ท่านจึงจะบรรลุนโยบายการบริหารประเทศของท่าน
ด้วยความคิดดังนั้น ผมเองจึงตัดสินใจที่จะไม่รับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากพรรคพลังประชาชน สาเหตุเพราะหนังสือพิมพ์ซึ่งมีภาพผู้คนที่ถูกเข่นฆ่าเหล่านั้น เมื่อผู้โดยสารท่านอื่นที่โดยสารไปในเที่ยวบินนั้นได้เห็นภาพและข่าว อาจเกิดบันดาลโทสะ ขาดการยับยั้ง ยกมารุมทำร้าย ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ขณะที่เตรียมขึ้นบินอยู่ ได้รับบาดเจ็บและล้มตายให้ตกไปตามกันก็ได้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเข้าเครื่องในวันดังกล่าว ซึ่งถ้าการสอบสวนว่าผมกระทำความผิด และให้ผมไปกล่าวคำขอโทษ ส.ส.เหล่านั้น ก็ขอให้ลงโทษด้วยการฆ่าผมเสียดีกว่าที่จะให้ผมไปกล่าวคำขอโทษกับคนที่ไม่มีศีลธรรมเหล่านั้นให้เสียศักดิ์ศรีของความเป็นชายชาติทหารนักรบอย่างผม” กัปตันจักรีเคยเขียนจดหมายยืนยันถึงเหตุผลที่ตัดสินใจไปในครั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูสอนนักบินของเหล่ากัปตันอาวุสทั้ง 5 คนนี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัทการบินไทยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะฝูงบินโบอิ้ง 737 เนื่องจาก กัปตันเหล่านี้มีประสบการณ์สูงและเป็นบุคลากรที่มีค่าของบริษัท