เป็นคราวเคราะห์ทีเดียวสำหรับ"ทราวิส บาเกอร์" อดีตมือกลองสมาชิกวง Blink-182แฟนเก่า"ปารีส ฮิลตัน" และ "ดีเจ เอเอ็ม" อดีตคู่หมั้นของ "นิโคล ริชชี" ทั้งคู่ต่างหนีตายจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่ดิ่งมรณะคร่าชีวิตเพื่อนร่วมทางไป 4 ศพเมื่อวันสาร์ที่ผ่านมา
ตามรายงานระบุว่า ดีเจ เอเอ็ม อดีตคู่หมั้นของสาวนิโคล ริชชี ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทั้งคู่ถูกส่งตัวอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดหลังถูกไหม้ตามร่างกายเป็นแผลจำนวนมาก
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินส่วนตัวของพวกเขาเกิดการชนเพียงไม่นานหลังเอาเครื่องขึ้นในช่วงเที่ยงคืนของวันศุกร์ในเซาท์ แคโรไลนา
ในส่วนของอาการบาดเจ็บ บาร์เกอร์ มีแผลไหม้บริเวณลำตัวและตามลำตัวส่วนล่าง ขณะที่ดีเจ เอเอ็มถูกไฟไหม้ที่แขนและบริเวณใบหน้าค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ของศูนย์จอร์เจียระบุว่าสภาพบาดแผลของทั้งคู่เป็นการโดนไฟลุกไหม้ในระดับ 2-3
ดร. เฟรด มุลลินส์ จากศูนย์ Joseph M Still Burn Center ระบุว่า การรักษาบาดแผลของทั้งคู่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูประมาณหนึ่งปี แต่ทางทีมแพทย์คาดหวังเช่นกันว่าอยากจะใช้เวลาในการรักษาให้น้อยกว่านั้น
ทางด้านเกล โมคเลอร์ อดีตแม่ยายของบาร์เกอร์เผยถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวได้รับข่าวร้ายนี้กับทาง พีเพิล แม็กกาซีนว่า แชนนา อดีตภรรยาที่มีลูกกับเขา 2 คน รีบรุดไปเยี่ยมดูอาการเขาทันทีหลังทราบข่าว
"เราใจหายวูบเลย เราหวังแค่ให้เขาฟื้นตัวโดยเร็ว ทางครอบครัวรีบไปดูอาการเขาทุกคนและต่างก็สวดอ้อนวอนให้เขาปลอดภัย"
ทางด้านเบนจามิน ลอง พี่เขยของดีเจ เอเอ็ม กล่าวถึงอาการช็อคหลังทราบข่าวว่า "พวกเราช็อคมาก ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น"
เหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ได้คร่าชีวิตซาราห์ เลมมอน นักบินวัย 31 ปี จากแคลิฟอร์เนีย, เจมส์ แบลนด์ ผู้ช่วยนักบินวัย 52 ปี จากแคลิฟอร์เนีย, ชาร์ลส์ สติล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย วัย 25 ปี จากลอสแองเจลิส และ คริส เบเกอร์ ผู้ช่วยส่วนตัวของบาร์เกอร์ วัย 26 ปี จากลอสแองเจลิสเช่นกัน รวมแล้ว 4 ศพ
วิลเลียม โอเวนส์ ผู้เห็นเหตุการณ์ได้กล่าวกับทาง WIS-TV สถานีท้องถิ่นของที่นั่นว่า ขณะที่เขากำลังขับรถอยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข 302 เขาเห็นลูกไฟใหญ่ยักษ์ลอยข้ามถนนไป
"ผมไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผมเห็นมันคืออะไร มันอยู่ตรงหน้าผมห่างไปประมาณ 800 ฟุต แต่พอผมเข้าไปใกล้ก็ได้เห็นมันชัดขึ้น จากนั้นก็เห็นส่วนหางของเครื่องผมถึงได้รู้ว่ามันคือเครื่องบินนั่นเอง"
"ไฟลุกโชนและเชื้อเพลิงก็ไหลออกจากตัวเครื่องไปตามถนนผมจึงข้ามไปรับผู้ชายสองคนที่กระโดดออกจากเครื่องหนีตายมาอยู่บนทางหลวง"
"เรากลับไปที่เครื่องบินอีกครั้งเพื่อพยายามดูว่ามีอะไรหรือใครที่เราพอช่วยเหลือได้อีกหรือไม่ แต่แล้วก็ไม่มีอะไรที่เราพอจะช่วยได้เลย พวกเขาเสียชีวิตหมดแล้ว"
เบท ฟริทส์ โฆษกของศูนย์ Joseph M Still Burn Center in Augusta ระบุถึงอาการของ2ผู้รอดชีวิตว่า "ทั้งทราวิส บาร์เกอร์ และ อดัม โกลด์สเตน ได้รับบาดเจ็บจากเพลิงไหม้ค่อนข้างร้ายแรงแต่โดยรวมอาการยังคงทรงตัว"
"โกล์ดสเตนถูกส่งตัวทางอากาศมาที่นี่ทันที ส่วนทางด้านบาร์เกอร์ ถูกส่งตัวทางภาคพื้นดิน พวกเขา2คนถูกส่งตัวแยกมาคนละทาง ซึ่งทั้งคู่ถูกเพลิงไหม้ตามร่างกายเป็นบริเวณกว้าง" ( ตามรายงานระบุว่าบาร์เกอร์ ยังมีอาการหวาดกลัวและปฏิเสธที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยทางเฮลิคอปเตอร์และต้องการใช้บริการรถพยาบาลแทน )
ทางด้าน FAA (Federal Aviation Administration) องค์การบริการการบินสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ทางศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศ เห็นประกายไฟออกมาจากตัวเครื่อง ขณะที่เครื่องบินไปตามรันเวย์
ไมค์ แฟลค ผู้กำกับการของสนามบินระบุถึงรายงานที่เขาได้รับเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า เครื่องบินได้บินไปชนเข้ากับรั้วกั้นระหว่างนำเครื่องขึ้น ชิ้นส่วนของเครื่องบินบางส่วนหลุดออกและลำตัวของเครื่องก็มีเพลิงลุกไหม้
ส่วนทางด้าน ลินน์ ดักลาส โฆษกของทาง โคลัมเบีย เมโทรโพลิแทน แอร์พอร์ต ระบุว่า ทั้งบาร์เกอร์ และ โกล์ดสเตน หนีตายออกมาจากตัวเครื่องด้วยตัวพวกเขาเองก่อนที่เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของทางสนามบินจะไปถึงที่เกิดเหตุ
เครื่องบินมรณะลำนี้มีเป้าหมายมุ่งหน้าไปยัง แคลิฟอร์เนีย ภายหลังจากที่บาร์เกอร์ และ โกลด์สเตน ขึ้นเล่นฟรีคอนเสิร์ต ที โมบายล์ ในโคลัมเบีย พร้อมกับ เพอร์รี ฟาร์เรล และ เกวิน เดกรอว์ นักดนตรีชื่อดัง ซึ่งหลังเกิดเหตุทางโฆษกส่วนตัวของเพอร์รีและเกวินได้รีบออกแถลงข่าวทันทีหลังถูกสอบถามจำนวนมาก โดยระบุว่า2ศิลปินไม่ได้เดินทางโดยสารไปกับเครื่องบินลำนี้ด้วยแต่อย่างใด
