xs
xsm
sm
md
lg

คสศ.เผยกำลังซื้อคนเหนือลดฮวบ 30% เหตุสินค้าเกษตรราคาดิ่ง-ชี้ปี 52 ยิ่งหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกษตรกรกำลังได้รับเดือดร้อนหนักอันเนื่องมาจากราคาผลผลิตตกต่ำ โดยเฉพาะข้าวและข้าวโพดจนทำให้เกษตรกรหลายอำเภอทางภาคเหนือต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องเพื่อขอให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือในการพยุงราคาหรือประสานเอกชนให้รับซื้ออยู่หลายครั้ง
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) เผยกำลังซื้อคนเหนือลดฮวบ 30% หอฯ 10 จังหวัดภาคเหนือวอนรัฐช่วยด่วน พร้อมชี้ปี 52 ยิ่งวิกฤตหนัก หลังผลผลิตทางการเกษตรมีปัญหาราคาตกต่ำแทบทุกตัว จี้รัฐวางแผนล่วงหน้าแทนมุ่งแก้เฉพาะเรื่องการเมืองเท่านั้น

นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือและประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในปี 2551 นี้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องราคาผลผลิตทางการเกษตรกรหลายอย่าง โดยเฉพาะข้าว-ข้าวโพดจนทำให้เกษตรกรหลายอำเภอออกมาชุมนุมเรียกร้องเพื่อขอให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือในการพยุงราคาหรือประสานเอกชนให้รับซื้ออยู่หลายครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน และไม่ได้มีต่อเฉพาะเกษตรกรเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อนักธุรกิจอย่างมากเช่นกัน เพราะพบว่ากำลังซื้อสินค้าของเกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ลดลง เมื่อรวมกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอื่นๆ พบว่ากำลังซื้อในตลาดลดลงกว่า 30%

นายพัฒนา กล่าวว่า ถึงแม้ปัจจุบันจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือเกษตรกรไปหลายเรื่องแล้วแต่ก็ควรระมัดระวังสถานการณ์ในปี 2552 รัฐบาลต้องเตรียมการล่วงหน้าด้วย เพราะตลาดทั้งใน-ต่างประเทศจะยังมีปัญหาอยู่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะผลจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีไปถึงประเทศอื่นๆ ด้วย ดังนั้น หอการค้าจึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งหาวิธีการป้องกันปัญหาในปี 2552 เป็นการเร่งด่วน แทนที่จะปล่อยให้เกิดปัญหาและแก้ไขกันเฉพาะหน้า ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการที่กลุ่มเกษตรกรจะออกมารวมตัวกันชุมนุมเหมือนปีนี้หรืออาจจะหนักกว่าปี 2551 นี้ก็ได้

นายพัฒนา กล่าวอีกว่า สำหรับข้อแนะนำคือรัฐบาลต้องหามาตรการช่วยพยุงราคาให้เกษตรกรอยู่ได้ ด้วยการปรับกระบวนการผลิตภายในประเทศเสียใหม่ โดยไม่ให้มุ่งผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น มาตรการนี้จำเป็นต้องวางแผนและดำเนินการกันเสียแต่เนิ่นๆ

"รัฐบาลต้องหันมาเอาใจใส่ปัญหาราคาสินค้าเกษตรด้วย แทนที่จะมุ่งไปที่ปัญหาการเมืองอย่างเดียว อย่างที่มีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง" นายพัฒนา กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่าในปัจจุบันยังมีกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังฤดูกาล 2551 อีกกว่า 517 รายที่ยังไม่ได้รับเงินจากการขายข้าวตามมาตรการของกรมการค้าภายในช่วงกลางปีที่ผ่านมาโดยคิดเป็นเงินรวมกันกว่า 25,850,743 บาท ซึ่งพื้นที่ อ.พาน มีชาวนาที่เดือดร้อนเหลืออยู่มากที่สุดกว่า 215 ราย เป็นเงิน 9 ล้านกว่าบาท ขณะที่ข้าวนาปีรุ่นใหม่กำลังเติบโตแล้ว และสำนักงานเกษตรกร จ.เชียงราย ระบุว่า มีการปลูกข้าวเจ้านาปีนี้ ประมาณ 463,478 ไร่ ข้าวเหนียวนาปี 865,539 ไร่ รวมทั้งหมด 1,329,017 ไร่

ขณะเดียวกันพบว่า ข้าวโพดก็เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกษตรกรชุมนุมเรียกร้องถึงขั้นปิดถนนมาแล้วเช่นเดียวกับข้าวและในปีเดียวกันยังพบว่ามีอัตราการปลูกจำนวน 488,641 ไร่ และคาดว่าจะให้ผลผลิตรวมกันประมาณ 123,414 ตัน ทั้งนี้ ในปี 2551 นี้กลุ่มเกษตรกรกว่า 1,000 คน ในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า และ อ.เชียงแสน เคย ออกมาชุมนุมเพื่อขอให้รัฐบาลรับซื้อข้าวโพดที่มีความชื้น 28-30% ในราคากิโลกรัมละ 6 บาท ต่อมารัฐบาลได้เจรจาว่าจะนำเข้าสู่การประชุมใน คชก. เพื่อช่วยเหลือแต่จนถึงปัจจุบันแม้จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภาคเหนือหลายคนนำโดยนายวิสุทธิ์ ไชยดรุณ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชาชน ออกมาขู่รัฐบาลของตัวเองว่าจะลาออกหากไม่ช่วยเหลือเกษตรกร แต่ก็ยังพบว่ายังไม่มีมาตรการที่เด่นชัดใดๆ ออกมา

ขณะที่กลุ่มเกษตรกรในบางพื้นที่เชียงราย ต่างอ่อนล้าจากการชุมนุมเรียกร้องจึงยอมขายให้กับเอกชนในพื้นที่ตามการช่วยเหลือเฉพาะหน้าของทางอำเภอ สำนักงานการค้าภายใน ฯลฯ ในราคากิโลกรัมละ 5.10 บาทแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น