อุบลราชธานี/อุดรธานี - ชาวไร่มันสำปะหลังหวั่นราคามันสำปะหลังตกต่ำเหตุราคาน้ำมันโลกดิ่ง เกรงกระทบกลไกรับซื้อหัวมันสดต่ำ เร่งขุดจำหน่ายทั้งที่อายุไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ระบุเกษตรกรอย่าตื่นตระหนก เชื่อความต้องการมันใช้แปรรูปเอทานอลยังสูง ทั้งราคาน้ำมันดิบยังผันผวนอาจปรับขึ้นได้ทุกเมื่อแนะเกษตรกรชะลอขุดหัว วางแผนร่วมกันทยอยขายให้โรงงาน ชี้หัวมันสดปลูกไว้ในดินได้สูงถึง 18 เดือนได้ราคาสูงไม่ถูกกดราคา
ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลงอย่างรุนแรง ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยปรับตัวลงเช่นกัน จากเดิมราคาน้ำมันดีเซลในพื้นที่ภาคอีสานเฉลี่ยเคยปรับขึ้นไปสูงสุดถึง 43-45 บาท/ลิตร แต่ล่าสุดราคาน้ำมันดีเซลปรับลงเหลือ 25-27 บาท/ลิตร ซึ่งการปรับลงดังกล่าว เป็นที่หวั่นเกรงว่าอาจกระทบต่อความต้องการเอทานอลที่นำไปผสมเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์ลดลงด้วย
สถานการณ์ดังกล่าวได้ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่นำมาแปรรูปเป็นเอทานอล เกิดความวิตกกังวลว่า ราคาเอทานอลจะทรุดลงตามราคาน้ำมัน และส่งผลต่อราคารับซื้อหัวสดปรับลงด้วยเช่นกัน ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในหลายจังหวัดภาคอีสาน เร่งขุดหัวมันสดออกมาจำหน่าย ทั้งที่อายุหัวมันสดยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว
นายยอดยุทธ์ เดชรุ่งเรือง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะผู้ดูแลการผลิตพืชผลทางการเกษตรกล่าวว่า จากการลงตรวจพื้นที่เพาะปลูก พบว่ามีเกษตรกรเริ่มเก็บกู้หัวมันสดจำหน่ายแล้ว แต่รายได้จากการจำหน่ายมันสำปะหลังลดลง เพราะอายุหัวมันสดยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ทำให้เปอร์เซ็นต์แป้งในหัวมันต่ำ
เหตุที่เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลังออกจำหน่ายก่อนเวลาว่า นอกจากต้องการเงินใช้จ่ายในครอบครัว ยังมีสาเหตุสำคัญจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเกรงว่า จะไปดันราคารับซื้อมันสำปะหลังให้ลดลงอย่างรุนแรงในอนาคต
แต่ความเป็นจริง ปัจจุบันอุตสาหกรรมที่ใช้มันสำปะหลังผลิตเป็นเอทานอลมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้มีการลงทุนขยายฐานการผลิตเข้ามาที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และมุกดาหาร เพราะเป็นแหล่งปลูกมันสำปะหลังชั้นดี ดังนั้นมันสำปะหลังยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป
"แม้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงขณะนี้ แต่เชื่อว่าในอนาคตราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะกลับมาสูงขึ้นอีก และปัญหามันสำปะหลังล้นตลาดไม่เกิดขึ้นแน่นอน" นายยอดยุทธ์ กล่าวถึงความต้องการมันสำปะหลังที่ยังมีอยู่ต่อเนื่องในขณะนี้
เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังควรชะลอเก็บเกี่ยวมันไปอีกประมาณ 5 เดือนเพื่อให้ผลผลิตสมบูรณ์เต็มที่ แต่หากเกษตรกรจำเป็นต้องเร่งเก็บเกี่ยวระยะนี้ ควรหลีกเลี่ยงนำไปขายในลักษณะหัวมันสด เกษตรกรควรแปรรูปเป็นมันเส้น เพราะโรงงานรับซื้อด้วยราคาที่สูงกว่ามันสดถึง 2 เท่า
ด้านนายปรวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมเรื่อยไปจนถึงเดือนมกราคมของทุกปี จะมีผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดถึงร้อยละ 70 ของผลผลิต จนเกินขีดความสามารถในการปรับปรุงรูปแบบและการจำหน่ายของโรงงานและผู้ประกอบการ ส่งผลให้ราคาหัวมันสำปะหลังสดในช่วงนี้ตกต่ำมาก เกษตรกรควรชะลอขุดหัวมันเพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม หรืออาจรวมกลุ่มวางแผนทยอยส่งผลิตผลร่วมกับผู้ประกอบการมันสำปะหลังในพื้นที่จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
นอกจากนี้ การทำให้หัวมันสำปะหลังสดมีราคาสูงขึ้น เช่น ควรขุดมันสำปะหลังที่มีอายุระหว่าง 10-12 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่หัวมันมีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง ควรตัดแยกหัวมันออกจากต้นหรือเหง้าและควรสลัดดินหรือทรายออกจากหัวมันสำปะหลังให้มากที่สุด ทั้งนี้เกษตรกรสามารถทิ้งหัวมันสำปะหลังไว้ในดินได้นานถึง 18 เดือน โดยทุกๆเดือนเปอร์เซ็นต์แป้งจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรจึงไม่ถูกตัดราคาและขายได้ราคาเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลงอย่างรุนแรง ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยปรับตัวลงเช่นกัน จากเดิมราคาน้ำมันดีเซลในพื้นที่ภาคอีสานเฉลี่ยเคยปรับขึ้นไปสูงสุดถึง 43-45 บาท/ลิตร แต่ล่าสุดราคาน้ำมันดีเซลปรับลงเหลือ 25-27 บาท/ลิตร ซึ่งการปรับลงดังกล่าว เป็นที่หวั่นเกรงว่าอาจกระทบต่อความต้องการเอทานอลที่นำไปผสมเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์ลดลงด้วย
สถานการณ์ดังกล่าวได้ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่นำมาแปรรูปเป็นเอทานอล เกิดความวิตกกังวลว่า ราคาเอทานอลจะทรุดลงตามราคาน้ำมัน และส่งผลต่อราคารับซื้อหัวสดปรับลงด้วยเช่นกัน ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในหลายจังหวัดภาคอีสาน เร่งขุดหัวมันสดออกมาจำหน่าย ทั้งที่อายุหัวมันสดยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว
นายยอดยุทธ์ เดชรุ่งเรือง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะผู้ดูแลการผลิตพืชผลทางการเกษตรกล่าวว่า จากการลงตรวจพื้นที่เพาะปลูก พบว่ามีเกษตรกรเริ่มเก็บกู้หัวมันสดจำหน่ายแล้ว แต่รายได้จากการจำหน่ายมันสำปะหลังลดลง เพราะอายุหัวมันสดยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ทำให้เปอร์เซ็นต์แป้งในหัวมันต่ำ
เหตุที่เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตมันสำปะหลังออกจำหน่ายก่อนเวลาว่า นอกจากต้องการเงินใช้จ่ายในครอบครัว ยังมีสาเหตุสำคัญจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเกรงว่า จะไปดันราคารับซื้อมันสำปะหลังให้ลดลงอย่างรุนแรงในอนาคต
แต่ความเป็นจริง ปัจจุบันอุตสาหกรรมที่ใช้มันสำปะหลังผลิตเป็นเอทานอลมีการขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้มีการลงทุนขยายฐานการผลิตเข้ามาที่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และมุกดาหาร เพราะเป็นแหล่งปลูกมันสำปะหลังชั้นดี ดังนั้นมันสำปะหลังยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่อไป
"แม้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงขณะนี้ แต่เชื่อว่าในอนาคตราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะกลับมาสูงขึ้นอีก และปัญหามันสำปะหลังล้นตลาดไม่เกิดขึ้นแน่นอน" นายยอดยุทธ์ กล่าวถึงความต้องการมันสำปะหลังที่ยังมีอยู่ต่อเนื่องในขณะนี้
เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังควรชะลอเก็บเกี่ยวมันไปอีกประมาณ 5 เดือนเพื่อให้ผลผลิตสมบูรณ์เต็มที่ แต่หากเกษตรกรจำเป็นต้องเร่งเก็บเกี่ยวระยะนี้ ควรหลีกเลี่ยงนำไปขายในลักษณะหัวมันสด เกษตรกรควรแปรรูปเป็นมันเส้น เพราะโรงงานรับซื้อด้วยราคาที่สูงกว่ามันสดถึง 2 เท่า
ด้านนายปรวิต ถมยาวิทย์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมเรื่อยไปจนถึงเดือนมกราคมของทุกปี จะมีผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดถึงร้อยละ 70 ของผลผลิต จนเกินขีดความสามารถในการปรับปรุงรูปแบบและการจำหน่ายของโรงงานและผู้ประกอบการ ส่งผลให้ราคาหัวมันสำปะหลังสดในช่วงนี้ตกต่ำมาก เกษตรกรควรชะลอขุดหัวมันเพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม หรืออาจรวมกลุ่มวางแผนทยอยส่งผลิตผลร่วมกับผู้ประกอบการมันสำปะหลังในพื้นที่จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย
นอกจากนี้ การทำให้หัวมันสำปะหลังสดมีราคาสูงขึ้น เช่น ควรขุดมันสำปะหลังที่มีอายุระหว่าง 10-12 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่หัวมันมีเปอร์เซ็นต์แป้งสูง ควรตัดแยกหัวมันออกจากต้นหรือเหง้าและควรสลัดดินหรือทรายออกจากหัวมันสำปะหลังให้มากที่สุด ทั้งนี้เกษตรกรสามารถทิ้งหัวมันสำปะหลังไว้ในดินได้นานถึง 18 เดือน โดยทุกๆเดือนเปอร์เซ็นต์แป้งจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรจึงไม่ถูกตัดราคาและขายได้ราคาเพิ่มขึ้น