xs
xsm
sm
md
lg

โองการปราบนนทุก

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

รัฐบาลได้ยกเหตุผลอ้างความจำเป็นที่จะต้องเป็นรัฐบาลต่อไปว่า เพื่อจัดงานใหญ่อันเป็นงานสำคัญถึง 3 งาน คืองานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ งานเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และงานประชุมอาเซียน

จึงถูกตอกหน้าจากนักวิชาการ สื่อมวลชน และผู้คนหลายฝ่ายว่าเป็นข้ออ้างที่หน้าด้าน หน้าทน เพราะถึงรัฐบาลนี้พ้นตำแหน่งไปด้วยประการใดก็ตาม งานใหญ่ทั้ง 3 งานนี้ก็ย่อมมีรัฐบาลใหม่มาจัดแจงอยู่ดี และจะเป็นการจัดการงานที่ดีกว่า

เพราะผู้จัดงานสำคัญอย่างนี้ควรเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับนับถือโดยทั่วไป มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความเป็นไทยแก่ตน และควรเป็นคนที่สามารถรวมศูนย์จิตใจคนให้รวมใจรักสามัคคี อันเป็นทางที่จะระงับดับความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ด้วย

แท้จริงแล้วทั้ง 3 งานใหญ่นี้รัฐบาลไม่เคยแสดงความสนใจไยดี เทียบไม่ได้กับการทุ่มเทใส่ใจปราบปรามประชาชนและการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

จะยกตัวอย่างให้เห็นเพียงเรื่องเดียว คืองานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจากนี้ไปเหลือไม่กี่วันก็จะถึงวันพระราชพิธีแล้ว แต่กำหนดการและวาระงานต่างๆ ก็แทบไม่มีใครรู้ ไม่มีการบอกกล่าวข่าวสารให้ประชาชนทราบโดยสื่อมวลชนของรัฐ เพราะมัวเอาสื่อมวลชนของรัฐไปทะเลาะกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าข้ออ้างทั้ง 3 ประการนั้นเป็นการอ้างเพื่อถ่วงเวลารักษาอำนาจไว้ โดยที่ไม่มีทางจัดการงานให้ได้ดีสมศักดิ์ศรีของประเทศชาติหรือให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้

พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ในอดีต งานนี้มีชื่อเรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่างานออกพระเมรุ ซึ่งจะจัดที่ท้องสนามหลวงและนี่คือที่มาของการเรียกขานสนามหลวงว่าทุ่งพระเมรุ

งานทุ่งพระเมรุแต่โบราณนั้นมักจะมีหลายวัน มีมหรสพหลวงและมหรสพพื้นบ้านมากหลายเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ และเพื่อให้ประชาชนที่หลั่งไหลมาจากทิศต่างๆ ได้ชมตลอดทั้งงาน

มหรสพหลวงที่มักจะจัดแสดงมักจะเป็นโขนเรื่องรามเกียรติ์ ที่คัดสรรมาแสดงเป็นตอนๆ สุดแท้แต่จะคัดเลือกตอนไหน เพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์

งานพระราชทานเพลิงพระศพคราวนี้ไม่รู้ว่าจะมีมหรสพอะไรบ้างหรือไม่ แต่ถ้าจะมีและให้สอดคล้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองก็มีหลายท่านเสนอความคิดเห็นให้จัดแสดงโขนตอนปราบนนทุก ซึ่งเป็นเรื่องราวของเทพอสูรตนหนึ่งก่อนที่จะมาเกิดใหม่เป็นทศกัณฑ์ ได้ตรองดูแล้วก็น่าสนใจเพราะมีเค้าโครงของเรื่องที่อาจเทียบหรืสอดคล้องกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่

เรื่องราวของนนทุกเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ จึงขอนำความมาเล่าสู่กันฟัง

นนทุกเป็นยักษ์หรือเป็นอสูร เดิมมีอัธยาศัยอ่อนน้อม เรียบร้อย มีความเพียรและมีความอดทนอย่างยิ่ง ทำหน้าที่ล้างเท้าให้กับเหล่าทวยเทพและบรรดาผู้มาเข้าเฝ้าพระอิศวรเป็นเจ้าที่เชิงเขาไกรลาศอยู่ถึงโกฏิปี

ในระหว่างนั้นก็ถูกพวกเทวดาเกเรกลั่นแกล้งเป็นประจำ โดยทุกครั้งที่นนทุกทำหน้าที่ล้างเท้าก็จะเอามือจับหัวนนทุกไว้ พอล้างเท้าเสร็จก็ถอนผมนนทุกเสียทีละเส้นสองเส้น จนนนทุกหัวล้านโล้น

เมื่อนนทุกหัวล้านโล้นแล้ว พวกคนเกเรก็ไม่หนำใจ ครั้นเมื่อไม่มีผมจะให้ถอนก็ใช้วิธีเขกหัวแทน ทำให้นนทุกผูกใจเจ็บ และคิดจะล้างแค้นพวกเทวดาและบรรดาผู้มาเฝ้าให้หนำใจ วันหนึ่งจึงเข้าไปเฝ้าพระอิศวรเป็นเจ้า

“ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ทูลองค์พระอิศวรเรืองศรี
ว่าพระองค์เป็นหลักธาตรีย่อมเมตตาปรานีทั่วพักตร์
ผู้ใดทำชอบต่อเบื้องบาทก็ประสาททั้งพรแลยศศักดิ์
ตัวข้านี้มีชอบนักล้างเท้าสุรารักษ์ถึงโกฏิปี
พระองค์ผู้ทรงศักดาเดชไม่โปรดเกศแก่ข้าบทศรี
กรรมเวรสิ่งใดดั่งนี้ทูลพลางโศกีรำพัน ฯ”


เมื่อพระอิศวรเป็นเจ้าได้ฟังคำกราบทูลของนนทุกว่าได้บำเพ็ญเพียรสร้างความดีความชอบมาเป็นเวลาช้านานก็ทรงคิดเมตตา ตรัสถามนนทุกว่าอยากจะขอพรสิ่งใดก็จะประทานให้ นนทุกจึงขอพรว่า

“ให้นิ้วข้าเป็นเพชรฤทธีจะชี้ใครจงม้วยสังขาร์
จะได้รองเบื้องบาทาไปกว่าจะสิ้นชีวี ฯ”


เมื่อนนทุกถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ว่าจะทำหน้าที่ด้วยความสัตย์สุจริตและด้วยความจงรักภักดี จึงทรงประทานพรให้ตามที่ขอ ทำให้นนทุกซึ่งเป็นยักษ์หรืออสูรที่มีหน้าที่ล้างเท้ามิได้มีฤทธิ์เดชแต่ประการใดกลายเป็นเทพอสูรที่มีฤทธิ์เดชมาก คือมีนิ้วชี้เป็นเพชร ชี้ใครให้ตายก็ได้

หากนนทุกคิดได้แล้วยึดมั่นในคำถวายสัตย์ปฏิญาณและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระอิศวรเป็นเจ้า พระผู้มีพระบรมเจตนาที่จะให้สามโลกร่มเย็นเป็นสุข ก็ย่อมใช้อำนาจและฤทธิ์เดชนั้นเพื่อประโยชน์สุขของสรวงสวรรค์และสามโลก นนทุกก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญ เป็นที่รักใคร่ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

แต่นนทุกได้ฤทธิ์และอำนาจแล้วเกิดความหลงติดยึดว่าฤทธิ์และอำนาจนั้นเป็นของตน ไม่มีผู้ใดในสามโลกต่อสู้ต้านทานได้ จึงลืมคำที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระอิศวรเป็นเจ้าแล้วใช้อำนาจนั้นในทางไม่ชอบ เข่นฆ่าสังหารเทวดา ครุฑ นาค และคนธรรพ์ล้มตายลงเป็นเบือ เพราะนนทุกชี้นิ้วไปถึงไหน

“ต้องสุบรรณเทวานาคีดั่งพิษอสุนีทนไม่ได้
ล้มฟาดกลาดเกลื่อนลงทันใดบรรลัยไม่ทันพริบตา ฯ”


เมื่อเป็นดังนี้ทั่วทั้งสามโลกก็เดือดร้อนวุ่นวายไปหมด บรรดาครุฑ นาค คนธรรพ์และเหล่าเทวดาก็พากันไปหาพระอินทร์ เทวราชผู้มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปของโลก แล้ววิพากษ์วิจารณ์กันอึงมี่ไปว่ายักษ์อสรูนนทุกที่เคยรับใช้ถวายงานพระอิศวรอยู่ที่เชิงเขาไกรลาศนั้น บัดนี้กลับกลายเป็นอันธพาลอาศัยนิ้วเพชรที่พระอิศวรเป็นเจ้าประทานพรให้มาบังอาจเข่นฆ่าราวีเทวดา ครุฑ นาค และคนธรรพ์ทั้งปวงจนเดือดร้อนทั่วไตรภพ

แล้วปรึกษาหารือกันว่าการจะหยุดยั้งกลียุคในสามโลกก็ต้องกำจัดฤทธิ์ของนนทุกให้จงได้ หาไม่แล้วความสงบสุขและความสานติก็จะไม่มีในสามโลกอีกต่อไป

เทวดาบางจำพวกเสนอพระอินทร์ให้ไปอ้อนวอนพระนารายณ์ซึ่งเป็นมหาเทพผู้มีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสามโลกให้ไปปราบนนทุกเสีย

พระอินทร์ได้แย้งว่านนทุกกลายเป็นพาล คิดการกำเริบทำร้ายข่มเหงทั่วสามโลกเพราะมีนิ้วชี้เป็นเพชรตามที่พระอิศวรเป็นเจ้าได้ประทานให้ ถึงแม้เหล่าเทวา นาคี นาค และคนธรรพ์ทั้งปวงจะไปอ้อนวอนพระนารายณ์ให้ไปปราบก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จ เพราะพระนารายณ์จะไม่กล้าทำการโดยที่พระอิศวรเป็นเจ้ามิได้มีพระบัญชา ดังนั้นจึงควรที่จะได้ไปเฝ้าพระอิศวรเป็นเจ้าเพื่อมีพระบรมเทวะโองการดับทุกข์เข็ญให้แก่สามโลกจะดีกว่า

ปรึกษาหารือพร้อมกันแล้ว พระอินทร์จึงนำเหล่าเทวดา คนธรรพ์ ครุฑ นาคทั้งหลายไปเข้าเฝ้าฯ พระอิศวรเป็นเจ้า กราบทูลกลียุคอันเป็นไปให้ทรงทราบทุกประการ พระอิศวรเป็นเจ้าได้ฟังคำกราบทูลแล้วจึงตรัสว่า

“เมื่อนั้นพระอิศวรบรมนาถา
ได้ฟังองค์อมรินทราจึ่งมีบัญชาตอบไป
ไอ้นี่ทำชอบมาช้านานเราจึ่งประทานพรให้
มันกลับทรยศกบฏใจทำการหยาบใหญ่ถึงเพียงนี้ ฯ
ตรัสแล้วจึ่งมีบัญชาดูราพระนารายณ์เรืองศรี
ตัวเจ้าผู้มีฤทธีเป็นที่พึ่งแก่หมู่เทวัญ
จงช่วยระงับดับเข็ญให้เย็นทั่วพิภพสรวงสวรรค์
เชิญไปสังหารอ้ายอาธรรม์ให้มันสิ้นชีพชีวา ฯ”


ความจริงพระนารายณ์ก็มีญาณที่รู้การทั้งปวง ย่อมทราบกลียุคทั้งปวงอยู่แล้ว และน่าจะมีเทวดาบางหมู่บางเหล่าไปเชื้อเชิญให้ออกมาปราบนนทุกมาก่อนแล้ว แต่พระนารายณ์ก็ไม่อาจกระทำการโดยลำพัง หรือล้ำหน้าพระอิศวรเป็นเจ้า

เพราะย่อมรู้ดีว่าฤทธิ์และอำนาจของนนทุกนั้นเมื่อพระอิศวรเป็นเจ้าทรงเป็นผู้ประทานให้ การจะถอดฤทธิ์และอำนาจของนนทุกเพื่อหยุดยั้งกลียุคให้สามโลกก็ชอบที่จะเป็นดำริของพระอิศวรเป็นเจ้าก่อน จึงรั้งรออยู่

ครั้นพระอิศวรเป็นเจ้ามีบัญชาเช่นนั้นแล้ว พระนารายณ์จึงรับโองการแห่งจอมเทพ แล้วตรองดูด้วยญาณก็ทราบว่าชะตากรรมของนนทุกมาถึงวาระสุดท้ายแล้ว แต่ชะตากรรมของนนทุกจะดับสิ้นเพราะสตรี

ดังนั้นพระนารายณ์จึงแปลงโฉมเป็นนางเทพอัปสรที่สวยสดงดงามกว่าใครในสามโลก แล้วล่อนนทุกให้หลงใหล จากนั้นก็ชวนนนทุกฟ้อนรำตามกระบวน จนมาถึงท่ารำที่มีชื่อว่านาคาม้วนวงหาง นนทุกซึ่งร่ายรำตามก็เอานิ้วเพชรชี้เข้าที่ขาตนเองตามกระบวนท่ารำ จึงล้มคว่ำลง เห็นเทพธิดาแปลงกลับร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กร ก็ตัดพ้อว่าพระนารายณ์ขี้ขลาด ไม่ต่อสู้ซึ่งหน้า และเอาเปรียบเพราะมีถึงสี่มือ แต่นนทุกมีแค่สองมือ

พระนารายณ์จึงสาปนนทุกว่า

“ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกรเหาะเหินเดินได้ในอัมพร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาวุธธนูศร
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกรตามไปราญรอนชีวี
ให้สิ้นวงศ์มึงอันศักดาประจักษ์แก่เทวาทุกราศี
ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงตรีภูมีตัดเศียรกระเด็นไป ฯ”


ด้วยความปากเสียและท้าทายเช่นนี้ จึงเป็นผลในชาติต่อมาให้นนทุกไปเกิดใหม่เป็นทศกัณฑ์ และพระนารายณ์ก็ได้อวตารไปเกิดเป็นพระราม ทำสงครามต่อกันจนชาติวงศ์พงศาของนนทุกหรือทศกัณฑ์ต้องถูกล้างผลาญจนสิ้นสูญ.
กำลังโหลดความคิดเห็น