ผู้จัดการรายวัน- คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการของบีโอไออนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจำนวน 45 โครงการรวดเดียวมูลค่า 1.96 หมื่นล้านบาท มั่นใจปีหน้าสามารถเปิดดำเนินการได้ และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้การประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการซึ่งมีตนเป็นประธานมีมติเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการทั้งสิ้น 45 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 19,600 ล้านบาทโดยหลายโครงการมีการเตรียมก่อสร้างและจะทยอยเปิดดำเนินการในปี 2552 ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
สำหรับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในครั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กระดาษ พลาสติก และกิจการบริการ สาธารณูปโภค ได้รับการส่งเสริมมากที่สุดจำนวน 14 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 4,202.3 ล้านบาท เช่น กิจการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล ของบริษัท บ้านไร่ผลิตไฟฟ้า จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 617 ล้านบาท กิจการผลิต ผลิตภัณฑ์พลาสติก ของบริษัท เจมแพค เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มูลค่าเงินลงทุน 511 ล้านบาท ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีกิจการ กลุ่มยานยนต์ เครื่องจักร เหล็ก รวม 13 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 4,091.6 ล้านบาท เช่น ย กิจการผลิตชิ้นส่วนชุดท่อไอเสีย ชุดท่อไอเสีย ชุดกรองไอเสีย และชิ้นส่วนขึ้นรูป ของบริษัท อาร์บีที โกลบอล จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 500 ล้านบาท โดยโครงการนี้ เป็นการย้ายฐานการผลิตของกลุ่มบริษัทสัญชาติออสเตรเลียมาตั้งในประเทศไทย เพื่อผลิตป้อนให้กับค่ายรถยนต์ในยุโรปและอเมริกา
ทั้งนี้การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้อนุมัติให้การส่งเสริมทั้งสิ้น 9 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 8,472 ล้านบาท โดยมีโครงการที่น่าสนใจ คือ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ของบริษัท ริโก้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 2,760 ล้านบาท กิจการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้กับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท พานาโซนิค เอวีซี เน็ตเวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 1,694 ล้านบาท เป็นต้น
กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมเบา รวมทั้งสิ้น 9 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 2,834 ล้านบาท โดยมีกิจการที่น่าสนใจคือ กิจการอบพืชและไซโล ของบริษัท ธนเจริญผล จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 400 ล้านบาท โดยจะรับซื้อผลิตผลทางการเกษตร เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพด มาอบเพื่อลดความชื้น และเก็บรักษาคุณภาพในไซโล เพื่อยกระดับผลิตผลทางการเกษตรของไทย เป็นต้น
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้การประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการซึ่งมีตนเป็นประธานมีมติเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการทั้งสิ้น 45 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 19,600 ล้านบาทโดยหลายโครงการมีการเตรียมก่อสร้างและจะทยอยเปิดดำเนินการในปี 2552 ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
สำหรับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในครั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กระดาษ พลาสติก และกิจการบริการ สาธารณูปโภค ได้รับการส่งเสริมมากที่สุดจำนวน 14 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 4,202.3 ล้านบาท เช่น กิจการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล ของบริษัท บ้านไร่ผลิตไฟฟ้า จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 617 ล้านบาท กิจการผลิต ผลิตภัณฑ์พลาสติก ของบริษัท เจมแพค เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มูลค่าเงินลงทุน 511 ล้านบาท ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีกิจการ กลุ่มยานยนต์ เครื่องจักร เหล็ก รวม 13 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 4,091.6 ล้านบาท เช่น ย กิจการผลิตชิ้นส่วนชุดท่อไอเสีย ชุดท่อไอเสีย ชุดกรองไอเสีย และชิ้นส่วนขึ้นรูป ของบริษัท อาร์บีที โกลบอล จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 500 ล้านบาท โดยโครงการนี้ เป็นการย้ายฐานการผลิตของกลุ่มบริษัทสัญชาติออสเตรเลียมาตั้งในประเทศไทย เพื่อผลิตป้อนให้กับค่ายรถยนต์ในยุโรปและอเมริกา
ทั้งนี้การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้อนุมัติให้การส่งเสริมทั้งสิ้น 9 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 8,472 ล้านบาท โดยมีโครงการที่น่าสนใจ คือ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน ของบริษัท ริโก้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 2,760 ล้านบาท กิจการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้กับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ของบริษัท พานาโซนิค เอวีซี เน็ตเวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 1,694 ล้านบาท เป็นต้น
กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมเบา รวมทั้งสิ้น 9 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 2,834 ล้านบาท โดยมีกิจการที่น่าสนใจคือ กิจการอบพืชและไซโล ของบริษัท ธนเจริญผล จำกัด มูลค่าเงินลงทุน 400 ล้านบาท โดยจะรับซื้อผลิตผลทางการเกษตร เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพด มาอบเพื่อลดความชื้น และเก็บรักษาคุณภาพในไซโล เพื่อยกระดับผลิตผลทางการเกษตรของไทย เป็นต้น