เอเอฟพี - แม้ว่าผลสำรวจคะแนนนิยมทุกสำนักจะระบุว่าบารัค โอบามากำลังมีคะแนนนำคู่แข่งลิ่ว ก่อนถึงวันเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า แต่พวกผู้เชี่ยวชาญก็ยังเห็นว่าจอห์น แมคเคนยังไม่ได้หมดโอกาสที่จะพลิกกลับกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด ถ้าหากเขาสามารถกวาดคะแนนจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่เทใจให้ใคร
บรรดาผู้รู้และผู้ทำสำรวจคะแนนนิยมต่างเห็นพ้องกันว่าขณะนี้โอบามามีคะแนนนิยมนำห่างแมคเคนถึงราว 5-9 เปอร์เซ็นต์ แมคเคนจึงมีโอกาสน้อยเหลือเกินที่จะเอาชนะโอบามาได้ ขณะเดียวกัน ฝ่ายโอบามาก็มิได้นิ่งนอนใจกับแนวโน้มดังกล่าวและยังได้ป้องกันไม่ให้แมคเคนทำคะแนนตีตื้นในช่วงท้าย โดยขอให้ผู้สนับสนุนในมลรัฐฟลอริดาและมลรัฐสำคัญๆ ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าหากทำได้
อย่างไรก็ตาม ทีมหาเสียงของแมคเคนก็ยังไม่ถอดใจและมองเห็นช่องทางที่จะเก็บคะแนนตีตื้นคู่แข่งได้ เพราะจากผลการสำรวจพบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งราวหนึ่งในห้า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครพรรคใด หรือยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนความนิยมชมชอบของตนเองไปจากเดิม พรรครีพับลิกันจึงหวังสูงว่าจะได้คะแนนจากคนกลุ่มนี้
"คุณอาจจะบอกว่าโอบามามีโอกาสมากที่จะชนะเลือกตั้งครั้งนี้เพราะเขานำหน้าแมคเคนในผลสำรวจของทุกสำนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนนี้เราก็มาถึงจุดที่มองเห็นสถานการณ์จำลองของผลการเลือกตั้งได้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะตัดโอกาสที่แมคเคนจะชนะทิ้งไปได้" แฟรงค์ นิวพอร์ต บรรณาธิการบริหารของแกลลัพ โพลล์กล่าว
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปี 1980 โรนัลด์ เรแกนก็เคยมีคะแนนนิยมตามหลังจิมมี คาร์เตอร์แห่งเดโมแครตในช่วงปลายเดือนตุลาคมเช่นกัน แต่ปรากฏว่าเรแกนกลับชนะคาร์เตอร์แบบถล่มทลายในการเลือกตั้งจริงต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่เรแกนได้แสดงให้ผู้ชมการโต้วาทีรอบสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งหนึ่งสัปดาห์เห็นว่าเขามีข้อดีที่แตกต่างจากคาร์เตอร์อย่างไรบ้าง
ทว่าในคราวนี้ แมคเคนไม่เอาชนะโอบามาอย่างเด็ดขาดได้แม้สักครั้งในการโต้วาทีทั้งสามรอบ ทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เหตุการณ์ที่จะพลิกผันให้คะแนนนิยมของโอบามาตกลงมาต่ำกว่าแมคเคนได้ จะต้องเป็นวิกฤตการณ์ระดับโลกครั้งใหญ่หรือการโจมตีของพวกก่อการร้ายเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งโด่งดังที่ฝ่ายเสียเปรียบกลับมาช่วงชิงชัยชนะได้ก็เคยเกิดขึ้น และมักถูกกล่าวอ้างถึงกันอยู่เสมอ คือ การเลือกตั้งในปี 1948 ซึ่งแฮร์รี ทรูแมนชนะทอมัส ดิวอีแห่งรีพับลิกันได้ทั้งๆ ที่เขามีคะแนนนิยมตามหลัง ผลการเลือกตั้งครั้งนั้นทำให้หนังสือพิมพ์ใหญ่ฉบับหนึ่ง ซึ่งได้แก่ ชิคาโก ทริบูน ถึงขั้นเสียมวยไปเลย เพราะไปพาดหัวระบุผลการเลือกตั้งล่วงหน้าอย่างผิดพลาดว่า "ดิวอีชนะทรูแมน"
"ผู้สมัครที่มีคะแนนตามหลังบอกคุณว่าพวกเขาจะเป็นแฮร์รี ทรูแมน แต่ว่าในช่วง 60 ปีมานี้ไม่เห็นมีใครเป็นแฮร์รี ทรูแมนจริงๆ สักคน" อัลลัน ลิชต์แมน นักประวัติศาสตร์ผู้ติดตามศึกษาเรื่องประธานาธิบดี แห่งมหาวิทยาลัยอเมริกัน ในกรุงวอชิงตันเผย
ปีเตอร์ บราวน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันจัดทำโพลล์แห่งมหาวิทยาลัยควินนิเปกก็บอกว่า "ในประวัติศาสตร์อเมริกันสมัยใหม่ ยังไม่มีใครที่มีคะแนนนิยมตามหลังทิ้งห่างมากเท่ากับวุฒิสมาชิกแมคเคนแล้วสามารถตีตื้นกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้"
สิ่งที่น่าจับตาตอนนี้น่าจะอยู่ที่ว่า การเป็นคนผิวสีของโอบามาจะมีผลต่อผลการเลือกตั้งอย่างไรมากกว่า เพราะในการเลือกตั้งระดับมลรัฐบางแห่งที่ผ่านมา แม้ผู้สมัครผิวสีมีคะแนนนิยมนำหน้าคู่แข่ง แต่เอาเข้าจริงก็กลับพ่ายแพ้ เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวขาวไม่กล้าเปิดเผยอคติต่อคนผิวสีเมื่อมีการสำรวจคะแนนนิยมนั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น การพลิกโผก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเช่นกัน ซึ่งโอบามาก็เคยประสบมาแล้วเมื่อครั้งที่พ่ายแพ้แก่ฮิลลารี คลินตันในสนามเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ทั้งๆ ที่เขามีคะแนนนำคลินตันอยู่
บรรดาผู้รู้และผู้ทำสำรวจคะแนนนิยมต่างเห็นพ้องกันว่าขณะนี้โอบามามีคะแนนนิยมนำห่างแมคเคนถึงราว 5-9 เปอร์เซ็นต์ แมคเคนจึงมีโอกาสน้อยเหลือเกินที่จะเอาชนะโอบามาได้ ขณะเดียวกัน ฝ่ายโอบามาก็มิได้นิ่งนอนใจกับแนวโน้มดังกล่าวและยังได้ป้องกันไม่ให้แมคเคนทำคะแนนตีตื้นในช่วงท้าย โดยขอให้ผู้สนับสนุนในมลรัฐฟลอริดาและมลรัฐสำคัญๆ ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าหากทำได้
อย่างไรก็ตาม ทีมหาเสียงของแมคเคนก็ยังไม่ถอดใจและมองเห็นช่องทางที่จะเก็บคะแนนตีตื้นคู่แข่งได้ เพราะจากผลการสำรวจพบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งราวหนึ่งในห้า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครพรรคใด หรือยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนความนิยมชมชอบของตนเองไปจากเดิม พรรครีพับลิกันจึงหวังสูงว่าจะได้คะแนนจากคนกลุ่มนี้
"คุณอาจจะบอกว่าโอบามามีโอกาสมากที่จะชนะเลือกตั้งครั้งนี้เพราะเขานำหน้าแมคเคนในผลสำรวจของทุกสำนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนนี้เราก็มาถึงจุดที่มองเห็นสถานการณ์จำลองของผลการเลือกตั้งได้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะตัดโอกาสที่แมคเคนจะชนะทิ้งไปได้" แฟรงค์ นิวพอร์ต บรรณาธิการบริหารของแกลลัพ โพลล์กล่าว
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อปี 1980 โรนัลด์ เรแกนก็เคยมีคะแนนนิยมตามหลังจิมมี คาร์เตอร์แห่งเดโมแครตในช่วงปลายเดือนตุลาคมเช่นกัน แต่ปรากฏว่าเรแกนกลับชนะคาร์เตอร์แบบถล่มทลายในการเลือกตั้งจริงต้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่เรแกนได้แสดงให้ผู้ชมการโต้วาทีรอบสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งหนึ่งสัปดาห์เห็นว่าเขามีข้อดีที่แตกต่างจากคาร์เตอร์อย่างไรบ้าง
ทว่าในคราวนี้ แมคเคนไม่เอาชนะโอบามาอย่างเด็ดขาดได้แม้สักครั้งในการโต้วาทีทั้งสามรอบ ทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เหตุการณ์ที่จะพลิกผันให้คะแนนนิยมของโอบามาตกลงมาต่ำกว่าแมคเคนได้ จะต้องเป็นวิกฤตการณ์ระดับโลกครั้งใหญ่หรือการโจมตีของพวกก่อการร้ายเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งโด่งดังที่ฝ่ายเสียเปรียบกลับมาช่วงชิงชัยชนะได้ก็เคยเกิดขึ้น และมักถูกกล่าวอ้างถึงกันอยู่เสมอ คือ การเลือกตั้งในปี 1948 ซึ่งแฮร์รี ทรูแมนชนะทอมัส ดิวอีแห่งรีพับลิกันได้ทั้งๆ ที่เขามีคะแนนนิยมตามหลัง ผลการเลือกตั้งครั้งนั้นทำให้หนังสือพิมพ์ใหญ่ฉบับหนึ่ง ซึ่งได้แก่ ชิคาโก ทริบูน ถึงขั้นเสียมวยไปเลย เพราะไปพาดหัวระบุผลการเลือกตั้งล่วงหน้าอย่างผิดพลาดว่า "ดิวอีชนะทรูแมน"
"ผู้สมัครที่มีคะแนนตามหลังบอกคุณว่าพวกเขาจะเป็นแฮร์รี ทรูแมน แต่ว่าในช่วง 60 ปีมานี้ไม่เห็นมีใครเป็นแฮร์รี ทรูแมนจริงๆ สักคน" อัลลัน ลิชต์แมน นักประวัติศาสตร์ผู้ติดตามศึกษาเรื่องประธานาธิบดี แห่งมหาวิทยาลัยอเมริกัน ในกรุงวอชิงตันเผย
ปีเตอร์ บราวน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันจัดทำโพลล์แห่งมหาวิทยาลัยควินนิเปกก็บอกว่า "ในประวัติศาสตร์อเมริกันสมัยใหม่ ยังไม่มีใครที่มีคะแนนนิยมตามหลังทิ้งห่างมากเท่ากับวุฒิสมาชิกแมคเคนแล้วสามารถตีตื้นกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้"
สิ่งที่น่าจับตาตอนนี้น่าจะอยู่ที่ว่า การเป็นคนผิวสีของโอบามาจะมีผลต่อผลการเลือกตั้งอย่างไรมากกว่า เพราะในการเลือกตั้งระดับมลรัฐบางแห่งที่ผ่านมา แม้ผู้สมัครผิวสีมีคะแนนนิยมนำหน้าคู่แข่ง แต่เอาเข้าจริงก็กลับพ่ายแพ้ เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวขาวไม่กล้าเปิดเผยอคติต่อคนผิวสีเมื่อมีการสำรวจคะแนนนิยมนั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น การพลิกโผก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเช่นกัน ซึ่งโอบามาก็เคยประสบมาแล้วเมื่อครั้งที่พ่ายแพ้แก่ฮิลลารี คลินตันในสนามเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ทั้งๆ ที่เขามีคะแนนนำคลินตันอยู่