xs
xsm
sm
md
lg

การแก้ตัว VS ความทรงจำบาดแผล

เผยแพร่:   โดย: ภาณุเบศร์ มหาเรือนขวัญ

จะว่าไปแล้วความพยายาม ‘แก้ตัว’ (Excuses) การกระทำเถื่อนถ่อยทารุณต่อประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬของผู้ครองอำนาจรัฐหลังกระแสสังคมขึ้นสูงมากจากภาพหฤโหดที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนตลอดทั้งวัน และยาวนานต่อเนื่องจากการรณรงค์เผยแพร่สู่สาธารณชนของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมนักในสังคมการเมืองไทย

ด้วยประวัติศาสตร์ยืนยันชัดเจนว่าการสูญเสียวีรชนไม่อาจนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ไม่ว่าจะในระดับปฏิบัติการหรือสั่งการ อันเนื่องมาจากสังคมไทยส่วนใหญ่ยังติด ‘กับดักคำแก้ตัว’ ของผู้กุมกฎหมายที่มักอ้างเหตุผลสร้างความชอบธรรม (Justification) ให้กับการกระทำสามานย์ของตนเองว่าถูกต้องเหมาะสมแล้ว หรือไม่ก็กล่าวอ้างว่าพฤติกรรมอัปลักษณ์นั้นๆ ไม่ได้มีเจตนา (Intention) สังหารประชาชนแต่อย่างใด

ในตุลาล่าสุด กลุ่มกุมอำนาจรัฐรู้จุดอ่อนนี้จึงพร้อมใจกันเสนอคำแก้ตัวประเภทสร้างความชอบธรรมให้ตนเองแต่ทำลายความชอบธรรมประชาชนเข้ากับการปัดปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจทำ ชีวิตทั้งยังหายใจและดับดิ้นโรยร่วงร่วมครึ่งพันจึงถูกใส่ร้ายป้ายโคลนว่าพกพาระเบิดมาเอง บาดเจ็บล้มตายก็เพราะพิษแก๊สน้ำตาเก่าเก็บจากจีนไม่ใช่เจตนาของผู้เหนี่ยวโกร่งไก

ทั้งๆ ท่วงทำนองแก้ตัวแบบ ‘พูดดีใส่ตัวพูดชั่วใส่คนอื่น’ นี้มิอาจทำให้ตนเองบริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นมาได้ ทำได้แค่หาเหตุให้อภัยหรือให้ดูผิดน้อยลงหลังถูกกล่าวหาและรู้สึกว่ากระทำผิดมา

ถ้าไม่คิดว่าตนเองล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนสิทธิพลเมืองแล้วไยต้องแก้ตัวด้วยเล่า?

ถ้อยคำแก้ตัวที่ทอนความรุนแรงสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนงำของฝ่ายรัฐเช่นนี้ได้ทำลายภาคประชาสังคมไทยเรื่อยมาและจะนานตราบเท่าที่รัฐไม่เรียนรู้อยู่ร่วมกับประชาชนคิดต่างเห็นแย้ง

รัฐบาลที่ป่าวประกาศว่ารักษาระบอบประชาธิปไตยต้องไม่ประหัตประหารประชาชนเห็นต่างแม้นการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะกระเทือนนโยบายสาธารณะหรือเสถียรภาพตนเอง

ภาพการสลายหมู่ผู้ชุมนุมจนเกิดการพลัดพราก พิการ บาดเจ็บทั้งสาหัสและเล็กน้อยจึงถูกกลุ่มกุมอำนาจรัฐแก้ตัวด้วยการตีความการกระทำตนเองเสียใหม่ภายใต้บริบทใหม่ให้กลายเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไปแทน ผลแห่งการสูญเสียเลือดเนื้อชีวิตประชาชนจริงๆ จึงถูกเบี่ยงเบนประเด็นเป็นแค่การไม่ปฏิบัติตามหลักสากลในการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่รัฐตามหลักการแก้ตัวที่ตัวเหตุการณ์หรือการกระทำสำคัญน้อยกว่าการตีความการกระทำนั้นๆ

พฤติกรรมต่ำสถุลจึงถูกแก้ตัวโดยผู้กระทำ (Victimizer) ทั้งระดับรวมหมู่และปัจเจกด้วยการตีความใหม่ว่าเป็นไปเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยต่อให้ต้องข้ามศพประชาชนผู้ถูกกระทำ (Victim) เข้าไปก็ต้องทำ ซ้ำร้ายยังขยายข่ายคิดนี้สู่คนชื่นชอบรัฐบาลให้เห็นดีเห็นงามกับการเสียชีวิต พิการ และบาดเจ็บของคนไทยอีกฟากฝั่ง กระทั่งอาจถึงขั้นสมัครใจลุกขึ้นมาล่าสังหารกันได้ในนาม ‘สงครามประชาชน’ ตามแรงปลุกปั่นของนักการเมือง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวที่ปัจจุบันผสานเป็นเนื้อเดียวกับเจ้าหน้าที่รัฐผู้รับใช้นักการเมืองแทนประชาชน

ความคิดแบบแอบอิงผลประโยชน์ของคนเหล่านี้มีศักยภาพจัดตั้งมวลชนที่กลายเป็นขบวนการอาชญากรรม ‘มาตุฆาตมาตุภูมิ’ ได้ไม่ยาก ด้วยพวกเขาส่วนมากเหี้ยมพอจะนำชีวิตประชาชนบนแผ่นดินแม่แปลงเป็น ‘หมากเบี้ย’ ในกระดานการเมืองเพื่อทวงทรัพย์สินที่คดโกงได้คืน ขณะเดียวกันก็ถนอมกล่อมเลี้ยงทฤษฎีการเมืองที่ตนเองเชื่อถือว่าถูกต้องเด็ดขาดไม่ให้ถูกท้าทายถกเถียง เพราะการพ่ายแพ้ทางความคิดเท่ากับตัวตนความภาคภูมิใจในชีวิตถูกทำลายสิ้น

ประชาชนจะตายเกลื่อนเท่าใดก็ได้ถ้าตนเองได้เงินทองอำนาจความรู้แบบผูกขาดคืนมา

ทว่าน่ากังวลกว่ามากจากฟากมวลชนที่ยอมตัวเป็นศัตราวุธสังหารศัตรู เพราะทั้งระยะสั้นและยาวจะทำลายระบอบประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จเนื่องจากขาด ‘ขันติธรรม’ (Tolerance) อันเป็นเสาค้ำยันประชาธิปไตย แต่จะไร้สติใช้กำลังประทุษร้ายฝ่ายคิดเห็นตรงข้ามตามแรงยั่วยุ

สิ้นสุดการละเมิดจิตใจและร่างกายผู้อื่นก็ตามตีความการกระทำแบบปัจเจกและรวมหมู่กลุ่มก้อนตัวเองด้วยคำแก้ตัวอวดโอ่ว่าเป็น ‘วีรกรรมวีรชน’ ผู้พิทักษ์รักษาประชาธิปไตย แม้ความจริงพฤติกรรมเลวทรามนั้นจะทำลาย ‘พหุนิยม’ ของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ก็ตามที

ท่าทีมวลชนสนับสนุนรัฐบาลผ่านสัญลักษณ์เสื้อแดงจึงต้องลดดีกรีความรุนแรงลงอย่างมากหากเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่เคารพความคิดเห็นแตกต่างจริงๆ ไม่ย่ามใจโจ่งแจ้งกลุ้มรุมทำร้ายด้วยเจ้าหน้าที่รัฐให้ท้ายดังก่อน เช่นเดียวกันกับเสื้อเหลืองพันธมิตรฯ ก็ต้องยืนหยัดจุดแข็ง ‘สันติอหิงสาอารยะขัดขืน’ มีสติไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง และระมัดระวังถ้อยคำก้าวร้าวลดทอนความเป็นมนุษย์มากขึ้นเพราะภาษาทางการเมืองก็คือการกระทำแบบหนึ่ง

ถึงที่สุดแล้ว การหักหาญคร่าเข่นกันผ่านประเด็นการเมืองอันเป็น ‘อนิจจัง’ นั้นอาจจะสรรหาคำแก้ตัวด้วยภาษาสวยงามได้ หากทว่าในความทรงจำ (Memory) แล้วกลับตรงกันข้ามเพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้กับการแก้ตัวสักน้อยนิด เนื่องด้วยความทรงจำบาดแผลเหล่านี้ไม่อนุญาตให้การตีความเข้าข้างตนเองแบบอ้างความสมเหตุผลชอบธรรมและไม่ได้เจตนามาหักล้างข้อเท็จจริงของการบาดเจ็บสูญเสียชีวิตประชาชนที่ถูกอุปโลกน์ว่าเป็นปฏิปักษ์ได้

ความตาย พิการ บาดเจ็บสาหัสเหล่านั้นเป็นของจริงไม่ใช่อุบัติเหตุบังเอิญ!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังสังหารฝั่งตรงข้ามไม่อาจกล่าวแก้ตัวกลบเกลื่อนเบือนบิดได้ไม่ว่าจะให้เหตุผลอะไร ฉะนั้นไม่ว่ากระทำในนามระบอบหรือสถาบันใดก็ไม่ควรถลำลึกถึงขึ้นปลิดชีวิตกัน

ทว่าถ้าไทยฆ่าไทยคราวนี้จะร้าวลึกแตกแยกกว่ามาก สายธารอาฆาตพยาบาทจักไร้สุดสิ้น ด้วยทุกชีวิตสิ้นสูญพิการบาดเจ็บจากสองฟากฝั่งล้วนมีครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย เครือข่ายความคิดอุปถัมภ์ค้ำชูมหาศาลหลักสิบล้าน การปลิดชีวิตหนึ่งจึงหมายถึง ‘ตายสิบเกิดแสน’ แน่แท้

ข้อเสนอแนะการเมืองแบบปนเปื้อนความคิดผิดเป็นถูกของคนสามกลุ่มข้างต้นจึงอันตรายยิ่งยวดต่อผืนแผ่นดินไทยด้วยผลักประชาชนไปติดหุบเหวทวิภาวะกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นจากความขัดแย้ง ยิ่งกว่านั้นทางออกของวิกฤตการณ์ยังตีบตันขึ้นมากจากการถูกกระตุ้นจนสูญสิ้นความเป็นสัตว์ประเสริฐเข้ารุกล่าฆ่าปรปักษ์ของนักการเมืองเก่าผู้คับแคบคิดแต่ประโยชน์เฉพาะตน

ในทัศนะทรราชชีวิตประชาชนเป็นเพียงไพร่ราบพลเลวที่สูญเสียเมื่อใดเท่าใดก็ได้ ไม่ต่างจากขุนศึกนายพลยามหมดประโยชน์หรือภัยมาถึงตัวก็จะเด็ดหัวทิ้งเพื่อรักษาตัวเองและวงศ์วาน

ประชาชนผู้พลีกายใจขับเคลื่อนการเมืองครั้งนี้จึงต้องสกัดข้อเท็จจริงตามหลัก ‘กาลามสูตร’ หากห้วงใดถูกรุกเร้าให้รบราฆ่าฟันฝั่งฝ่ายตรงข้ามผ่านกลวิธีเดินไปประชิด เคลื่อนไปปะทะ หรือกระทั่งลอบทำร้าย ให้รีบถอนตัวโดยด่วน ด้วยขบวนการเคลื่อนไหวไม่ได้อยู่บนครรลองประชาธิปไตยที่เคารพความคิดต่างและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกผู้คนอีกแล้ว

อนึ่งถึงจะแก้ตัวว่าชอบธรรมควบคู่กับตีความใหม่ว่าเป็นชัยชนะรักษาระบอบประชาธิปไตยตามที่ตัวเองยึดมั่นไว้ได้ แต่เศษซากศพประชาชนเห็นต่างจักหลอกหลอนลอยล่องในความทรงจำจนชัยชนะจะกลายเป็นพ่ายแพ้ในท้ายสุด ละม้ายปรากฏการณ์แคมป์ Auschwitz ที่พลพรรคนาซีขยี้ชีวิตชาวยิวไร้อวดโอ่ภูมิใจหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด 6 ตุลา 19 ล้อมปราบกลางพระนครก็เงียบงันอีหลักอีเหลื่อหลังเสียงฮึกเหิมแห้งเหือด

และจะเป็นเช่นเดียวกันถ้าเกิดการฆ่ากันกลางพระนครอีก ด้วยความทรงจำของมนุษย์ไม่ใช่ Memory stick ที่คิดจะถอดออกหรือ Format ลบข้อมูลเมื่อใดก็ได้ ยิ่งเป็นความทรงจำบาดแผลเช่นนี้ด้วยแล้วยิ่งร้าวลึกลงบนจิตวิญญาณเพราะกฎแห่งกรรมจะเดินคู่ขนานกับแผนที่ความทรงจำแล้วทวงดอกผลการกระทำเถื่อนถ่อยตลอดชีวิต.

คอลัมน์เวทีนโยบายสาธารณะ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) www.thainhf.org
กำลังโหลดความคิดเห็น