xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเป็นแนวร่วมฯ พรรคคอมมิวนิสต์ ฟื้นสงครามกลางเมือง

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

ในท่ามกลางสับสนภายใต้การเมืองของระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา เผด็จการคือ การปกครองที่ไม่มีหลักการปกครอง (Principle of Government) มีแต่รัฐธรรมนูญ คือหมวด และมาตราเพียงด้านเดียว อุปมา ดุจดัง มีแต่ดาวเคราะห์ ไร้ดวงสุริยา มันจะดำรงอยู่ได้อย่างไร การปกครองที่ไร้หลักการปกครอง ก็คือไร้จุดมุ่งหมาย ลองใส่ใจคิดดูเถิดว่า “เมื่อไม่มีจุดมุ่งหมาย ก็ไม่มีหนทาง เมื่อไม่มีหนทาง ก็ไม่มีความก้าวหน้า เมื่อไม่มีความก้าวหน้า อุปมา ดุจดังพายเรือในอ่างน้ำ” ดังนี้ ฉันใด การปกครองไทยก็เป็นมิจฉาทิฐิ (เห็นผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด) ผิดพลาดซ้ำๆ ซากๆ มาตลอด 76 ปี ฉันนั้น

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงคัดค้านอย่างถึงที่สุดมาแล้ว โดยมีพระราชบัลลังก์เป็นเดิมพัน การปกครองที่มีแต่รัฐธรรมนูญ โดยไม่มีหลักการปกครองนั้น จะมีแต่ “เสี่ยงภัยและเสียเวลา” จะเห็นได้ว่า สายพระเนตรของพระองค์ ทรงยาวไกลยิ่งนัก มหัศจรรย์เป็นจริงตามที่พระองค์ทรงกล่าวไว้เป็นเวลาร่วม 76 ปี

การปกครองเผด็จการรัฐประหาร และจากการเลือกตั้ง เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาตลอด สร้างความสับสน ความขัดแย้ง ความแตกสามัคคีของชนในชาติ อันเกิดจากการปกครองเผด็จการนี้ ก็เป็นเงื่อนไข เป็นปุ๋ยอย่างดีที่ทำให้แนวคิดฝ่ายซ้ายคือพรรคคอมมิวนิสต์ และพวกสาธารณรัฐ (พวกนี้จะโค่น ยกเลิกสถาบันศาสนา พระมหากษัตริย์) ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกฝ่ายซ้ายดังกล่าวได้เจริญเติบโตขึ้นอย่างน่ากลัว ไม่ว่าจะมองไปทางมุมไหน พวกฝ่ายซ้ายมีความได้เปรียบในทุกด้าน

นักปราชญ์กล่าวว่า “การปกครองเผด็จการทุกรูปแบบ แพ้คอมมิวนิสต์” เพราะว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ มีความเหนือกว่าลัทธิเผด็จการ (ในไทยเป็นพวกนิยมลัทธิเหมาเจ๋อตุง อดีตผู้นำการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์จีน) แต่ขณะเดียวกันถ้าอยากจะชนะคอมมิวนิสต์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เราก็ต้องสร้างปกครองที่เหนือกว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ คือการปกครองประชาธิปไตยโดยเนื้อหาแท้ หรือการปกครองธรรมาธิปไตย “คอมมิวนิสต์แพ้ประชาธิปไตย” เช่น ใน สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย เป็นต้น

เรากำลังชี้ให้เห็นว่าตัวการที่เป็นเงื่อนไขที่ทำให้รัฐบาลตกเป็นแนวร่วมของฝ่ายแนวทางรุนแรง คือระบอบการเมืองเผด็จการระบบรัฐสภา คือระบอบที่แสดงให้เห็นว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของชนส่วนน้อย คือ นายทุน นายทาส นายบ่อน นายซ่อง ทาสการเมืองขึ้นเป็นใหญ่ทางการเมือง” และมีรูปการปกครองแบบ “ระบบรัฐสภา” มาจากวิธีการเลือกตั้ง (เลือกตั้ง) แต่อยู่ในระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา นั่นเอง

ดุจเดียวกับที่กาลิเลโอ ได้บอกว่าโลกเรานี้กลม แต่สมัยนั้นขัดกับหลักศาสนาคริสต์ที่เชื่อว่าโลกแบน ได้จับ กาลิเลโอ ไปขึ้นศาลศาสนา แต่ กาลิเลโอ เอาตัวรอดด้วยการกลับคำพูดได้บอกกับศาลว่าโลกแบนจริง ส่วนที่เคยพูดว่าโลกกลมนั่นเป็นการพูดเพ้อเจ้อ จึงรอดตัวมาได้ เมื่อลงจากศาลก็กระซิบสอนสานุศิษย์ต่อไปว่า แท้จริงโลกกลมคือความจริงที่ถูกต้อง และถูกต้องมาจนถึงทุกวันนี้

ขอให้ผู้รัก เชิดชูชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทราบว่าพรรคคอมมิวนิสต์ประกอบด้วย

1. พรรคหรือองค์การนำ (ซุ่มซ่อนยากที่จะรู้ได้ชัด มักแฝงตัวอยู่กับฝ่ายรัฐบาลทุกรัฐบาล เพื่อจะได้มีงบมาใช้จ่ายและเคลื่อนไหวมวลชน)

2. กองกำลังติดอาวุธ (เริ่มทำสงครามกองโจรตั้งแต่ พ.ศ. 2508 และยกระดับเป็นสงครามกลางเมือง พ.ศ. 2512 ถึง 2525 และสามารถยุติลงได้ด้วยนโยบาย ที่ 66/2523 โดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กองทัพแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ยุติสงครามกลางเมืองลงได้ในปี 2525

3. แนวร่วม คำว่า “แนวร่วม” (United front) เป็นยุทธวิธีการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ชาญฉลาดยิ่งนัก ถ้าไม่ศึกษาแล้ว จะมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขาเลย ได้แก่

1) แนวร่วมทางตรง ได้แก่ผู้สนับสนุน ผู้ปฏิบัติงานให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ โดยตรง ปัจจุบันแฝงตัวอยู่ทั้งในรัฐบาล และนปช.เสื้อแดง ทั้งรัฐบาลปัจจุบัน และ นปช. ก็เป็นทั้งแนวร่วมทางตรงและแนวร่วมมุมกลับ คอยชักนำ แนะนำ คอยชี้นำ เพราะพวกนี้มีความชำนาญทางการเมืองแบบมวลชนมาก พวกเสื้อแดงทั้งหลายที่บริสุทธิ์ไม่รู้เท่าทัน ตกเป็นทาสน้ำเงิน และตกเป็นทาสเพราะถือพวกเดียวกัน ก็จะตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง และอาจจะตายฟรี แม้แต่ในกลุ่มพันธมิตรฯ เอง ก็เข้ามาแฝงตัวเช่นกัน แต่อาจจะมีไม่มากนัก

2) แนวร่วมมุมกลับได้แก่ ระบอบการเมืองเผด็จการทุกรูปแบบ, รัฐบาล, นักการ
เมืองที่เกลียดชังคอมมิวนิสต์ แล้วปราบปรามคอมมิวนิสต์แบบเหวี่ยงแห ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ นายทุน อิทธิพลเถื่อนที่กดขี่ ขูดรีด เอาเปรียบประชาชน แนวร่วมมุมกลับนี้เองที่เป็นตัวช่วยให้พรรคคอมฯ เติบโตขึ้นๆ ทุกวัน และทำให้พรรคคอมฯ (หรือแนวทางรุนแรง) ได้รับชัยชนะ เพราะความไม่รู้เท่าทัน ยิ่งปราบ ยิ่งตียิ่งโต

3) แนวร่วมทางอ้อมคือผู้รักความเป็นธรรม เช่นพระสงฆ์ในปัจจุบันกำลังตกเป็นแนวร่วมให้พรรคคอมมิวนิสต์โดยไม่รู้ เพราะที่ไม่รู้การเมืองอย่างแยบยลนี่เองนักศึกษา ผู้ปฏิบัติธรรม นักวิชาการ กลุ่มอาชีพ กรรมกร เกษตรกร ชาวนา ชาวสวน ฯลฯ กลุ่มนี้ร้อนแรงทางการเมือง แต่ไม่รู้เท่าทันการเมืองที่ซับซ้อน ก็จะออกมาประท้วง เดินขบวน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ประชาชนไม่ยอมรับการปกครองของรัฐบาล รัฐบาลปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรงเสียชีวิต บาดเจ็บ นี่ก็เข้าแผนคอมมิวนิสต์ที่อยู่ร่วมกับรัฐบาล อันจะเป็นเหตุให้สร้างกระแสรัฐประหาร (Coup d’état) (กรุณาอย่าไปเรียกว่าปฏิวัติ (Revolution) เพราะการปฏิวัติเป็นสิ่งที่ดีงามทางการเมือง ประเทศไทยไม่เคยมีการปฏิวัติสักครั้งเดียว นับแต่ 2475 เป็นต้นมา มันมีแต่รัฐประหาร อย่าได้ไปพูดมั่วๆ กันอีกเลย)

หากว่ารัฐบาลถูกรัฐประหารโดยกองทัพ พวกแนวร่วมฯ ทั้งหมดแกนนำพรรคคอมฯ ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลที่อังกฤษ รัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล นปช. และแนวร่วมทั้งหมดที่ไม่รู้เท่าทัน โดยการชี้นำทางการเมืองของพรรคคอมฯ ก็โหมกระพือปลุกระดมเพื่อโค่นรัฐบาลทหารลงให้ได้ในทุกรูปแบบ เพื่อทำลายกองทัพแห่งชาติที่ค้ำราชบัลลังก์อยู่ ทำให้กองทัพแตกแยก ทุกวันนี้นายพลตรี ทหารชั่ว อดีตพลตำรวจเอกชั่ว ที่ตกเป็นแนวร่วมฯ แนวทางรุนแรง ก็เริ่มออกมาแสดงบทบาทให้เห็นกันบ้างแล้ว แบบว่าไม่กลัวใคร ดังนั้นความรุนแรง สงครามกลางเมือง การเข่นฆ่ากันเองระหว่างคนไทยก็จะเกิดขึ้น มันกำลังรออยู่ข้างหน้า

ใน พ.ศ. 2535 พฤษภาทมิฬ ก็ได้แสดงให้เห็นแล้ว ตอนนั้นทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายมวลชนนำโดย พลตรีจำลอง ศรีเมือง รัฐบาลทหาร กองทัพ และพรรคการเมืองทั้งหมดล้วนตกเป็นแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ตอนนั้นพรรคคอมมิวนิสต์ และแนวร่วมฯ ยังเข้มแข็งไม่พอ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ช่วงนั้น ยังเข้มแข็งมาก และมีนักปราชญ์ทางการเมืองคนสำคัญรู้ทัน และได้แนะนำผ่านไปยังสำนักเลขาธิการพระราชวัง

ในสถานการณ์ปัจจุบันกองทัพแห่งชาติใช่ว่าจะเป็นเอกภาพ พร้อมที่จะเกิดรัฐประหารขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายใดก็ตามก็ล้วนแล้วแต่ตกเป็นแนวร่วมฯ ให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเกิดจาก ฝ่ายร่วมมือกับทักษิณและมวลชนเสื้อแดงหรือฝ่ายที่ต้องการรักษาความสงบ ก็ล้วนแล้วแต่จะเป็นเหตุให้พรรคคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะทั้งสิ้น การสถาปนาการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ หรือแบบสาธารณรัฐ ก็อาจมีขึ้นได้ เมื่อนั้นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็จะถูกทำลาย ยุบลงเช่นเดียวกับ ประเทศเนปาล

อย่าลืมว่า
นับในยุค รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขบวนการแนวร่วมฯ ทุกระดับกลับมามีชีวิตชีวา และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้ามาเป็นที่ปรึกษารัฐบาลทักษิณ เป็นจำนวนมาก ท่านคงเห็นชัดว่าการส่งคนด่าสถาบันเบื้องสูงที่สนามหลวง อย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น มีมากขึ้น

ยุทธศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ดุจดังการสร้างตึก แนวร่วมฯ ก็คือนั่งร้านนั่นเอง เมื่อสร้างตึกเสร็จ ก็เอานั่งร้านลง (คือฆ่านายทุนจอมโลภ และนักการเมืองชั่วเลวทรามของชาติทิ้งหมด) นี่คือยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาดของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เรารู้ทัน

เราไม่ยอม ท่านทั้งหลายก็ไม่ยอม เพราะมันทำลายรากฐานของชาติ เปลี่ยนราชอาณาจักรไปสู่สาธารณรัฐ มีบุคคลธรรมดาเป็นประมุขประเทศ

ขอย้ำว่า สถานการณ์คับขัน ดุจรั้งม้าที่หน้าผา ก่อนการนองเลือดไทยฆ่าไทย ทางออกทางเดียวที่ยิ่งใหญ่ ดุจลำแสงที่ปลายอุโมงค์สู่ชัยชนะร่วมกันอย่างสันติ คือ พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ทรงมีพระราชกรณียกิจสำคัญยิ่งใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทรงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตยอย่างสุขุมคัมภีรภาพ สันติ นิ่มนวล จะเป็นเหตุยิ่งใหญ่ที่จะนำไปสู่การแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ผ่านพ้นไปได้ คือชัยชนะอย่างถูกต้องร่วมกันของชนในชาติ
(ไม่ใช่ตั้ง ส.ส.ร. 3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ พอเริ่มต้นมันก็ผิดเสียแล้ว พวกผู้ปกครองทั้งหลายจะโง่เขลากันไปถึงไหนโว้ย)
กำลังโหลดความคิดเห็น