เอเอฟพี/รอยเตอร์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงยืนยันอย่างเป็นทางการในวันเสาร์(18) ว่าได้เปิดการสอบสวน โดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการของทางกองทุน ในประเด็นที่ว่าเขาได้ใช้อำนาจในทางมิชอบบ้างหรือไม่ จากการที่เขามีความสัมพันธ์ลักลอบเป็นชู้กับผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง ซึ่งเวลานี้ได้ลาออกจากไอเอ็มเอฟไปแล้ว
ไอเอ็มเอฟแถลงยอมรับว่า ได้ว่าจ้างบริษัทกฎหมายมอร์แกน,ลูอิส แอนด์ บ็อคคิอัส ให้เป็นผู้ดำเนินการสืบสวน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นเดือนนี้
วิลเลียม เมอร์เรย์ โฆษกของไอเอ็มเอฟระบุว่า ผู้ที่เรียกร้องให้มีการสืบสวนเรื่องอื้อฉาวในครั้งนี้คือ เชคกูร์ ชาลัน กรรมการบริหารคนหนึ่งของไอเอ็มเอฟ ซึ่ง "ได้ขอให้ตั้งที่ปรึกษากฎหมายจากภายนอก เพื่อดำเนินการสืบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นอิสระ รวมทั้งชี้มูลความผิดของข้อกล่าวหาด้วย"
ทั้งนี้ชาลันซึ่งเป็นตัวแทนจากอียิปต์ ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟมายาวนาน จนเวลานี้มีฐานะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในหมู่กรรมการบริหาร
เมอร์เรย์ระบุว่าข้อกล่าวหาทุกเรื่อง โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูง จะต้องนำมาพิจารณาอย่างจริงจังอย่างยิ่ง แต่ปฏิเสธที่จะยืนยันรายละเอียดตามที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลได้รายงานไปก่อนหน้านี้ว่า การสืบสวนมุ่งไปที่เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างสเตราส์-คาห์น กับ ปิรอสกา เนกี อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำฝ่ายแอฟริกาของไอเอ็มเอฟ
วอลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างตัวบุคคลที่รู้เรื่องนี้และรายงานว่าสเตราส์-คาห์นเริ่มติดต่อกับเนกีซึ่งเกิดในฮังการี ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยทั้งสองได้เขียนอีเมลติดต่อกันซึ่งจากเนื้อหามีความเป็นไปได้ว่าความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเริ่มต้นเมื่อช่วงต้นปีนี้ในการประชุมแห่งหนึ่งในยุโรป ส่วนผู้ที่พบอีเมลเหล่านี้ก็คือมาริโอ เบลเจอร์ สามีของเนกีซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอาร์เจนตินา และทำงานอยู่กับไอเอ็มเอฟเช่นกัน
ทั้งนี้ สเตราส์-คาห์นก็ยอมรับว่าเขาถูกสอบสวนเรื่องดังกล่าวจริง แต่เขาบอกว่า ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสียหายต่อหน้าที่การงานของเขาในไอเอ็มเอฟ
"ไอเอ็มเอฟกำลังตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตส่วนตัวของผมเมื่อเดือนมกราคม 2008 ผมได้ให้ความร่วมมือและจะร่วมมือกับที่ปรึกษากฎหมายจากภายนอกที่เข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วย แต่ผมไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ของไอเอ็มเอฟในทางมิชอบแม้แต่ครั้งเดียว"
สเตราส์-คาห์น อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสวัย 59 ปี เป็นนักการเมืองยุโรปที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจโดดเด่นคนหนึ่ง เขาขึ้นเป็นหัวเรือใหญ่ของไอเอ็มเอฟเพื่อช่วยปฏิรูปสถาบันแห่งนี้เมื่อเดือนกันยายน 2007 และยังชื่อเสียงว่าเป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงชื่นชอบ เขาแต่งงานกับแอนน์ ซินแคลร์ นักสัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ชื่อดัง อีกทั้งเป็นที่จับตาว่าอาจได้ขึ้นเป็นประธานพรรคสังคมนิยมของฝรั่งเศสคนต่อไปด้วย
ทว่า กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเกิดขึ้นในห้วงเวลาอันน่าหวาดหวั่นสำหรับไอเอ็มเอฟ เพราะเป็นหน่วยงานที่ทั่วโลกเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ต้องต่อสู้กับการล่มสลายทางการเงินครั้งร้ายแรงที่สุดนับจากเหตุการณ์เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในช่วงทศวรรษ 1930
การสืบสวนครั้งนี้มุ่งไปที่ประเด็นว่า สเตราส์-คาห์นได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์พิเศษใดๆ แก่เนกี หรือได้ตอบแทนเป็นพิเศษให้แก่เธอหรือเปล่า หลังจากที่ทั้งสองยุติความสัมพันธ์ต่อกัน โดยเฉพาะเรื่องเงินชดเชยที่เนกีได้รับหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือนสิงหาคมในช่วงที่ไอเอ็มเอฟลดพนักงานออกราว 600 ตำแหน่ง ด้วยวิธีให้ยื่นแสดงความจำนงโดยสมัครใจ
โรเบิร์ต ลิตต์ ทนายความของเนกี กล่าวว่าเนกีไม่ได้ถูกกดดันให้ลาออกจากไอเอ็มเอฟ และได้รับเงินชดเชยตามสิทธิเช่นเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ในตำแหน่งงานและอาวุโสระดับเดียวกับเธอได้รับ
ก่อนหน้านี้ 15 เดือน พอล โวลโฟวิตซ์ เคยถูกกดดันกระทั่งในที่สุดก็ต้องยอมลาออกจากตำแหน่งประธานธนาคารโลก ด้วยข้อกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งซึ่งมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเขามาเป็นเวลานาน โดยทั้งเลื่อนตำแหน่งและตั้งเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวสูงเป็นพิเศษหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งประธานธนาคารโลกในปี 2005
ไอเอ็มเอฟแถลงยอมรับว่า ได้ว่าจ้างบริษัทกฎหมายมอร์แกน,ลูอิส แอนด์ บ็อคคิอัส ให้เป็นผู้ดำเนินการสืบสวน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นเดือนนี้
วิลเลียม เมอร์เรย์ โฆษกของไอเอ็มเอฟระบุว่า ผู้ที่เรียกร้องให้มีการสืบสวนเรื่องอื้อฉาวในครั้งนี้คือ เชคกูร์ ชาลัน กรรมการบริหารคนหนึ่งของไอเอ็มเอฟ ซึ่ง "ได้ขอให้ตั้งที่ปรึกษากฎหมายจากภายนอก เพื่อดำเนินการสืบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นอิสระ รวมทั้งชี้มูลความผิดของข้อกล่าวหาด้วย"
ทั้งนี้ชาลันซึ่งเป็นตัวแทนจากอียิปต์ ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟมายาวนาน จนเวลานี้มีฐานะเป็นผู้อาวุโสสูงสุดในหมู่กรรมการบริหาร
เมอร์เรย์ระบุว่าข้อกล่าวหาทุกเรื่อง โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูง จะต้องนำมาพิจารณาอย่างจริงจังอย่างยิ่ง แต่ปฏิเสธที่จะยืนยันรายละเอียดตามที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลได้รายงานไปก่อนหน้านี้ว่า การสืบสวนมุ่งไปที่เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างสเตราส์-คาห์น กับ ปิรอสกา เนกี อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำฝ่ายแอฟริกาของไอเอ็มเอฟ
วอลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างตัวบุคคลที่รู้เรื่องนี้และรายงานว่าสเตราส์-คาห์นเริ่มติดต่อกับเนกีซึ่งเกิดในฮังการี ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว โดยทั้งสองได้เขียนอีเมลติดต่อกันซึ่งจากเนื้อหามีความเป็นไปได้ว่าความสัมพันธ์เชิงชู้สาวเริ่มต้นเมื่อช่วงต้นปีนี้ในการประชุมแห่งหนึ่งในยุโรป ส่วนผู้ที่พบอีเมลเหล่านี้ก็คือมาริโอ เบลเจอร์ สามีของเนกีซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอาร์เจนตินา และทำงานอยู่กับไอเอ็มเอฟเช่นกัน
ทั้งนี้ สเตราส์-คาห์นก็ยอมรับว่าเขาถูกสอบสวนเรื่องดังกล่าวจริง แต่เขาบอกว่า ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการเสียหายต่อหน้าที่การงานของเขาในไอเอ็มเอฟ
"ไอเอ็มเอฟกำลังตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตส่วนตัวของผมเมื่อเดือนมกราคม 2008 ผมได้ให้ความร่วมมือและจะร่วมมือกับที่ปรึกษากฎหมายจากภายนอกที่เข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วย แต่ผมไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ของไอเอ็มเอฟในทางมิชอบแม้แต่ครั้งเดียว"
สเตราส์-คาห์น อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสวัย 59 ปี เป็นนักการเมืองยุโรปที่มีความรู้ด้านเศรษฐกิจโดดเด่นคนหนึ่ง เขาขึ้นเป็นหัวเรือใหญ่ของไอเอ็มเอฟเพื่อช่วยปฏิรูปสถาบันแห่งนี้เมื่อเดือนกันยายน 2007 และยังชื่อเสียงว่าเป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงชื่นชอบ เขาแต่งงานกับแอนน์ ซินแคลร์ นักสัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ชื่อดัง อีกทั้งเป็นที่จับตาว่าอาจได้ขึ้นเป็นประธานพรรคสังคมนิยมของฝรั่งเศสคนต่อไปด้วย
ทว่า กรณีอื้อฉาวดังกล่าวเกิดขึ้นในห้วงเวลาอันน่าหวาดหวั่นสำหรับไอเอ็มเอฟ เพราะเป็นหน่วยงานที่ทั่วโลกเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลประเทศต่างๆ ต้องต่อสู้กับการล่มสลายทางการเงินครั้งร้ายแรงที่สุดนับจากเหตุการณ์เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในช่วงทศวรรษ 1930
การสืบสวนครั้งนี้มุ่งไปที่ประเด็นว่า สเตราส์-คาห์นได้ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์พิเศษใดๆ แก่เนกี หรือได้ตอบแทนเป็นพิเศษให้แก่เธอหรือเปล่า หลังจากที่ทั้งสองยุติความสัมพันธ์ต่อกัน โดยเฉพาะเรื่องเงินชดเชยที่เนกีได้รับหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อเดือนสิงหาคมในช่วงที่ไอเอ็มเอฟลดพนักงานออกราว 600 ตำแหน่ง ด้วยวิธีให้ยื่นแสดงความจำนงโดยสมัครใจ
โรเบิร์ต ลิตต์ ทนายความของเนกี กล่าวว่าเนกีไม่ได้ถูกกดดันให้ลาออกจากไอเอ็มเอฟ และได้รับเงินชดเชยตามสิทธิเช่นเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ในตำแหน่งงานและอาวุโสระดับเดียวกับเธอได้รับ
ก่อนหน้านี้ 15 เดือน พอล โวลโฟวิตซ์ เคยถูกกดดันกระทั่งในที่สุดก็ต้องยอมลาออกจากตำแหน่งประธานธนาคารโลก ด้วยข้อกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งซึ่งมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเขามาเป็นเวลานาน โดยทั้งเลื่อนตำแหน่งและตั้งเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวสูงเป็นพิเศษหลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งประธานธนาคารโลกในปี 2005
