xs
xsm
sm
md
lg

“ปากอย่าง ใจอีกอย่าง” ก็ไปไม่รอด !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ฉับพลันที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อจาก สมัคร สุนทรเวช เปลี่ยนหน้า “หุ่นเชิด” ก็ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางของรัฐบาลใหม่จากแข็งกร้าวออกมาในโทนอ่อนยวบ เหมือน “หนังคนละม้วน” ลดบรรยากาศตึงเครียดไปได้ระดับหนึ่ง
ยิ่งต่อมายังมุดเข้าบ้านสี่เสา เทเวศร์ เข้าเยี่ยมคารวะและขอคำแนะนำจาก “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่ชาวบ้านให้การเคารพนับถือ
นอกจากนี้ยังปล่อยคิวเดินสายไปพบกับผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หมอประเวศ วะสี อานันท์ ปันยารชุน บรรหาร ศิลปอาชา หรือแม้แต่ ชวน หลีกภัย ภาพก็ยิ่งออกมาในโทนบวกมากกว่าลบ
ขณะเดียวกันอีกทางหนึ่งยังมอบหมายให้ “จิ๋วหวานเจี๊ยบ” ต่อสายเจรจาพูดคุยกับแกนนำพันธมิตรฯ สร้างความสมานฉันท์แบบพี่แบบน้องกันมากขึ้น และยังเปิดทางยอมรับแนวทางการปฏิรูปการเมือง โดยเสนอตั้ง ส.ส.ร. 3 ขึ้นมาเพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชน แม้ว่านาทีนี้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะไปทางไหน หรือมีจุดยืนตรงไหนกันแน่ แต่อย่างน้อยทำให้คนในสังคมต้องเหลียวกลับมามองกันตาไม่กระพริบ
นั่นเป็นภาพที่ “น้องเขย” สมชาย วงสวัสดิ์ แสดงออกมาตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้รับ “ไฟเขียว” ให้ขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่
**แต่อีกมุมหนึ่งในแง่มุมที่สัมผัสได้ ทุกอย่างออกมาในทางตรงกันข้าม เหมือน “หน้ามือกับหลังเท้า” ไม่มีผิด เห็นได้ชัดจากการฟอร์มคณะรัฐมนตรี เรียกได้ว่าเข้าขั้น "โคตรยี้" ที่สุดเท่าที่มีคณะรัฐมนตรีในช่วงประวัติการเมืองไทยยุคใหม่ ตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา
เมื่อไล่เรียงกันไป หากไม่นับตัวนายกรัฐมนตรีแล้ว ถือว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีเข้ามาแต่ละคนนอกจากไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมแล้ว ยังอาจพาลคิดไกลเลยเถิดไปว่านี่เป็นความ “จงใจ” เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองบางอย่าง
เพราะเมื่อเปิดโผรายชื่อออกมาแต่ละคนชาวบ้านร้องยี้กันขรม กระทืบความรู้สึกสังคมอย่างที่เรียกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้
**รัฐมนตรีแต่ละคนถ้าพูดกันอย่างไม่เกรงใจ ส่วนใหญ่ประเภท “ไอ้เสือเอาวา” หรือเข้าข่ายพวก “ดักวิ่งชิงปล้น” แทบทั้งสิ้น เข้ามาเพื่อหวังกอบโกยในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะปิดเกมสะสมเสบียง-กระสุนรองรับการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น
เพราะถ้าพิจารณากันในแง่ของความเป็นไปได้ หากนายกรัฐมนตรีต้องการสร้างบารมีในทางการเมือง สามารถแสดงความกล้าหาญแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีความสามารถ สังคมให้ความเชื่อถือเข้ามาร่วม แม้ว่าในความเป็นจริงอาจมีข้อจำกัดในเรื่องเสียงสนับสนุน ก็อาจเลือกใช้วิธีผสมผสานกันไปเหมือนเช่นในสมัยที่ผ่านมา
โดยเฉพาะตำแหน่งหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน้าตาของประเทศ และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งภายในและภายนอก เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สาธารณสุข ศึกษาธิการ และยุติธรรม
**แต่พอเปิดโผออกมาทุกคนต้องหงายหลังผึ่ง เพราะแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่า “น้องเขย” จะทำกันได้ถึงเพียงนี้
ส่วนเรื่องแนวทางปฏิรูปการเมืองก็เช่นเดียวกัน หลายฝ่ายมองว่าหลังจากกระแสสังคมตอบรับว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงการเมือง ทำให้รัฐบาลต้องเดินเกมใหม่เพื่อผ่อนกระแสลงด้วยการเสนอแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้ตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมา แต่ทุกอย่างก็ยังเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนแน่
ไม่มีความชัดเจนว่าต้องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือแก้ไขไปในทิศทางใด แต่ที่เริ่มปรากฏเข้ามาให้เห็นในช่วงชุลมุนทุกครั้งก็คือการสอดใส้ขอแก้ไขเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง ให้พรรคตัวเองรอดพ้นจากการถูกยุบ หรือแม้กระทั่งให้ “นายใหญ่” พ้นจากความผิด
ล่าสุดก็เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขึ้นอีกครั้งเมื่อ ชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของกลุ่ม “เหวง-จรัล” โดยยึดแนว “ตัดแปะ” ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยบรรจุเป็นวาระด่วน ซึ่งคาดว่าจะมีการพิจารณาหลังจากแถลงนโยบายของรัฐบาลเสร็จสิ้นแล้ว
**วาระสอดไส้โผล่ขึ้นมาแบบทะลุกลางปล้องแบบนี้มันก็ทำให้บรรยากาศหวาดระแวงที่ทำท่าจางหายกลับมาส่อเค้าร้อนระอุขึ้นมาอีกรอบ เพราะการบรรจุเป็นวาระด่วนเข้าไปค้างในสภาแล้วใช้ลูกมั่วเสียงข้างมากลากไป แก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ “นายหน้าเหลี่ยม” ต้องการ มันก็ยิ่งเข้าเค้า
สิ่งที่ปรากฏทำท่าจะตรงกันข้ามกับคำพูดแทบทุกเรื่อง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกรัฐบาลออกมาตามโผคือ ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากคนอื่นแล้วละก็ถือว่า “โป๊ะเชะ”
ถือว่ารายการนี้เป็นอีกบทพิสูจน์ที่สำคัญว่าสิ่งที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพียรพยายามในการสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง และแม้ว่าการแต่งตั้งโฆษกรัฐบาลอาจจะดูเหมือนไม่ใช่ตำแหน่งหลักในรัฐบาล แต่ก็ยังถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย
**และที่น่าสนใจก็คือ หากพิจารณาในเรื่องที่ว่า สมชาย เพิ่งเดินออกพ้นจากบ้านสี่เสา เทเวศร์ หลังจากเข้าพบ “ป๋าเปรม” เพื่อขอคำแนะนำสั่งสอนได้ไม่นาน แต่กลายเป็นว่าพอคล้อยหลังกลับแต่งตั้งคนที่ร่วมอยู่ในขบวนการ “ด่าป๋า” มานั่งอยู่ในตำแหน่งกระบอกเสียงของรัฐบาล
ถ้าผลออกมาอย่างนี้จริงก็ถือว่ามัน “ตบหน้า” กันชัดๆ และอีกไม่นานเกินสัปดาห์หน้าความจริงก็จะปรากฏออกมาแล้ว
ดังนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดย่อมเป็นตัวชี้ให้เห็นว่า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีความจริงใจในการสร้างความสมานฉันท์ในบ้านเมือง และมีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปการเมืองใหม่ตามทิศทางที่สังคมต้องการหรือไม่ อีกไม่นานความจริงก็จะเผยโฉมออกมาให้เห็น
**ถ้าผลออกมาในทางตรงกันข้ามว่า ปากอย่างแต่ใจอีกอย่าง ทำนอง “หน้าไหว้หลังหลอก” สังคมก็จะยิ่งไม่เชื่อถือ และยิ่งก่อให้เกิดวิกฤตกับรัฐบาลให้อายุสั้นมากขึ้นไปอีก เพราะความจริงจะต้องถูกเปิดเผยวันยังค่ำ ยิ่งกระแสความตื่นตัวขึ้นสูงแบบนี้มันก็ยิ่งอันตราย อย่าเล่นกับไฟเป็นอันขาด
กำลังโหลดความคิดเห็น