คำถามที่ทุกคนอยากรู้คำตอบก็คือ “อนาคตของการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร” การเมืองจะลงเอยกันอย่างไร
ในประวัติการเมืองไทย ไม่เคยมีครั้งใดที่ความขัดแย้งจะยืดเยื้อ และมองไม่เห็นทางออกเหมือนอย่างทุกวันนี้ สิ่งที่เราไม่ค่อยได้คิดกันก็คือ ปรากฏการณ์ทางการเมืองนี้เป็นผลของการมีระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่มีลักษณะเฉพาะ และเกิดจากลักษณะและวิวัฒนาการของพลังทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
ทางออกของวิกฤตการณ์ที่มีการพูดถึงก็เป็นทางออกเก่าๆ คือ
1. ให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลลาออกไป
2. ให้ยุบสภาฯ
3. ให้คณะทหารเข้าแทรกแซงทางการเมือง
4. ให้ถวายพระราชอำนาจคืน
5. ให้มีรัฐบาลแห่งชาติ หา “คนกลาง” มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง 5 ทางออกนี้มองไม่เห็นทางว่าจะใช้ได้กับรัฐบาลยุคที่ชอบอ้างคาถาว่า มาจากการเลือกตั้ง ไปๆ มาๆ คนก็เริ่มพูดถึงทางออกที่ยังไม่เคยมีมาก่อนคือ “การปฏิวัติโดยประชาชน”
รัฐบาลดูเหมือนจะรู้ทัน จึงให้ ส.ส.ระดมคนมาจากต่างจังหวัดเป็นหมื่นๆ และขู่ว่า หากมีการรัฐประหารก็จะออกมาต่อต้าน เมื่อถึงตอนนี้ ประเทศไทยก็แบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน นับว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ เพราะในประเทศอื่น เขาแบ่งออกเป็นฝ่ายเดโมแครตกับรีพับลิกัน หรือคอนเซอร์เวทีฟกับเลเบอร์ แต่ของไทยเราแบ่งออกเป็นฝ่ายเอาทักษิณกับฝ่ายไม่เอาทักษิณ
คุณอานันท์ ปันยารชุน ถึงออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าอยากจะให้ยุติความขัดแย้ง พ.ต.ท.ทักษิณต้องออกมาแสดงจุดยืนให้ชัดเจน แสดงว่าการเมืองไทยมีการเล่นกันแบบการชักใยอยู่เบื้องหลังด้วย
ปัญหาการเมืองแบบไทยๆ นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ที่ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงอยู่นอกประเทศ และเป็นผู้ที่ศาลต้องการตัว นับวันก็ยิ่งมีคดีติดตัว ยากที่จะหาทางปลดเปลื้องได้ สำหรับนักการเมืองที่เป็นตัวรองๆ ลงมาก็ถูกศาลสั่งห้ามเล่นการเมือง 5 ปี อีกไม่กี่วัน ถ้ามีการยุบพรรคอีก 2-3 พรรค ก็จะมีนักการเมืองคนสำคัญๆ ถูกตัดสิทธิอีก
สิ่งที่พันธมิตรฯ ทำได้ผลก็คือ สร้างสถานการณ์และบรรยากาศให้ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองได้พิจารณาคดีอย่างเป็นอิสระ ซึ่งก็เป็นการทำงานของกลไกในระบอบประชาธิปไตยโดยตรง เพราะศาลเป็นอำนาจตุลาการที่มีบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจอีกสองอำนาจ
แต่ที่ยังคิดกันไม่ออกก็คือ การป้องกันไม่ให้มีการใช้เงินมากๆ ในการเลือกตั้ง มีบางคนเสนอว่า ส.ส.ไม่ควรสังกัดพรรค โดยคาดว่าอำนาจของพรรคจะน้อยลง แต่แม้จะไม่ให้ ส.ส.สังกัดพรรค พวกนายทุนก็จะใช้เงินน้อยลงคือ ไปซื้อตัวกันหลังจากที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาแล้ว
หากเรายังต้องการมีระบอบประชาธิปไตยอยู่ ทางที่ดีก็คือต้องยอมอดทน โดยหาวิธีการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ระยะสั้นก็คือ การหามาตรการควบคุมการเลือกตั้งไม่ให้ใช้เงินมากๆ เหมือนดังที่เป็นอยู่ และมีบทลงโทษการซื้อเสียงให้หนักกว่าเดิม คือ ลงไปถึงสมาชิกพรรคด้วย หลังการเลือกตั้งก็ต้องมีการตรวจสอบการทุจริต การหาผลประโยชน์อย่างเข้มแข็ง มีการลงโทษอย่างแรงให้เข็ดหลาบ
ระยะยาวก็คือ การให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสารทางการเมืองแก่ประชาชนเหมือนอย่างที่ ASTV ให้ มีการจัดทำหลักสูตรการให้ความรู้ทางการเมืองแก่พลเมือง ทั้งอย่างเป็นทางการผ่านโรงเรียน และอย่างไม่เป็นทางการผ่านองค์กรเอกชนอาสาสมัครต่างๆ
ถ้าคิดในทางดีว่า ประชาธิปไตยของไทยเรายังไม่ถึง 100 ปี เราเรียนรู้มาแยะ และมีการเคลื่อนไหวมาหลายครั้ง ประชาชนก็ได้ประสบการณ์ตรง ต่อไปนักการเมืองก็จะขยาด ตำรวจก็จะไม่ใช้อำนาจ และกำลังเกินกว่าเหตุ
เวลานี้นับเป็นโชคดีที่การต่อต้านรัฐบาลกระทำอย่างสันติ ที่สำคัญก็คือ ทำกันอย่างเปิดเผย รู้กันว่าใครบ้างเป็นแกนนำ ใครบ้างที่มาสนับสนุน และมีความคิดอย่างไร ถ้าเมื่อใดคนต่อต้านรัฐบาลลงใต้ดิน ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ สังคมไทยก็จะอยู่ด้วยความหวาดระแวง ความไม่แน่นอนใจไร้เสถียรภาพ และมีการใช้ความรุนแรง โดยไม่รู้ตัวผู้กระทำ
หากตำรวจยังคงใช้อำนาจเกินขอบเขตแบบเก่า ในที่สุดประชาธิปไตยก็จะไปไม่รอด เพราะไม่มีใครคิดจะแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ใครจะว่าพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม แต่พันธมิตรฯ กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย มีความอดกลั้นสูง และยึดหลักอหิงสาอย่างเคร่งครัด
ตำรวจควรจัดการกับพวกปลุกระดมทางวิทยุด้วยการยุยงและมีการดำเนินการอย่างรุนแรง เช่น นายอะไรที่พูดวิทยุชุมชน และนำคนมาไล่ตีพันธมิตรฯ ที่อุดรธานี คนประเภทนี้เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย จะต้องกำจัดออกไป อย่าให้เข้ามามีบทบาท จะเกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง
ระบอบประชาธิปไตยจะคงอยู่ได้นั้น จะต้องมีวิธีการขจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ออกไป นักการเมืองขี้โกง นักปลุกระดมที่นิยมความรุนแรง ตำรวจที่มีทัศนคติคับแคบและชอบใช้กำลัง สื่อมวลชนที่บิดเบือนความจริง และจะต้องมีการคุ้มครองผู้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยสงบปราศจากอาวุธ
นับเป็นโชคดีที่เมืองไทยยังมีการแสดงออกที่ทำให้คนบริสุทธิ์ยังมีความหวัง และคลายทุกข์ ความแค้นลง การเสด็จฯ ไปงานศพของคุณอังคณา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ มีผลทำให้จิตใจของผู้ชุมนุมอย่างเปิดเผยดีขึ้นมาก หาไม่แล้วก็จะมีคนละทิ้งหลักอหิงสา แล้วตอบโต้ตำรวจด้วยความรุนแรง
ขอจงทรงพระเจริญ!
ในประวัติการเมืองไทย ไม่เคยมีครั้งใดที่ความขัดแย้งจะยืดเยื้อ และมองไม่เห็นทางออกเหมือนอย่างทุกวันนี้ สิ่งที่เราไม่ค่อยได้คิดกันก็คือ ปรากฏการณ์ทางการเมืองนี้เป็นผลของการมีระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ที่มีลักษณะเฉพาะ และเกิดจากลักษณะและวิวัฒนาการของพลังทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
ทางออกของวิกฤตการณ์ที่มีการพูดถึงก็เป็นทางออกเก่าๆ คือ
1. ให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลลาออกไป
2. ให้ยุบสภาฯ
3. ให้คณะทหารเข้าแทรกแซงทางการเมือง
4. ให้ถวายพระราชอำนาจคืน
5. ให้มีรัฐบาลแห่งชาติ หา “คนกลาง” มาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง 5 ทางออกนี้มองไม่เห็นทางว่าจะใช้ได้กับรัฐบาลยุคที่ชอบอ้างคาถาว่า มาจากการเลือกตั้ง ไปๆ มาๆ คนก็เริ่มพูดถึงทางออกที่ยังไม่เคยมีมาก่อนคือ “การปฏิวัติโดยประชาชน”
รัฐบาลดูเหมือนจะรู้ทัน จึงให้ ส.ส.ระดมคนมาจากต่างจังหวัดเป็นหมื่นๆ และขู่ว่า หากมีการรัฐประหารก็จะออกมาต่อต้าน เมื่อถึงตอนนี้ ประเทศไทยก็แบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน นับว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ เพราะในประเทศอื่น เขาแบ่งออกเป็นฝ่ายเดโมแครตกับรีพับลิกัน หรือคอนเซอร์เวทีฟกับเลเบอร์ แต่ของไทยเราแบ่งออกเป็นฝ่ายเอาทักษิณกับฝ่ายไม่เอาทักษิณ
คุณอานันท์ ปันยารชุน ถึงออกมาให้ความเห็นว่า ถ้าอยากจะให้ยุติความขัดแย้ง พ.ต.ท.ทักษิณต้องออกมาแสดงจุดยืนให้ชัดเจน แสดงว่าการเมืองไทยมีการเล่นกันแบบการชักใยอยู่เบื้องหลังด้วย
ปัญหาการเมืองแบบไทยๆ นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ ที่ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงอยู่นอกประเทศ และเป็นผู้ที่ศาลต้องการตัว นับวันก็ยิ่งมีคดีติดตัว ยากที่จะหาทางปลดเปลื้องได้ สำหรับนักการเมืองที่เป็นตัวรองๆ ลงมาก็ถูกศาลสั่งห้ามเล่นการเมือง 5 ปี อีกไม่กี่วัน ถ้ามีการยุบพรรคอีก 2-3 พรรค ก็จะมีนักการเมืองคนสำคัญๆ ถูกตัดสิทธิอีก
สิ่งที่พันธมิตรฯ ทำได้ผลก็คือ สร้างสถานการณ์และบรรยากาศให้ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองได้พิจารณาคดีอย่างเป็นอิสระ ซึ่งก็เป็นการทำงานของกลไกในระบอบประชาธิปไตยโดยตรง เพราะศาลเป็นอำนาจตุลาการที่มีบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจอีกสองอำนาจ
แต่ที่ยังคิดกันไม่ออกก็คือ การป้องกันไม่ให้มีการใช้เงินมากๆ ในการเลือกตั้ง มีบางคนเสนอว่า ส.ส.ไม่ควรสังกัดพรรค โดยคาดว่าอำนาจของพรรคจะน้อยลง แต่แม้จะไม่ให้ ส.ส.สังกัดพรรค พวกนายทุนก็จะใช้เงินน้อยลงคือ ไปซื้อตัวกันหลังจากที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาแล้ว
หากเรายังต้องการมีระบอบประชาธิปไตยอยู่ ทางที่ดีก็คือต้องยอมอดทน โดยหาวิธีการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ระยะสั้นก็คือ การหามาตรการควบคุมการเลือกตั้งไม่ให้ใช้เงินมากๆ เหมือนดังที่เป็นอยู่ และมีบทลงโทษการซื้อเสียงให้หนักกว่าเดิม คือ ลงไปถึงสมาชิกพรรคด้วย หลังการเลือกตั้งก็ต้องมีการตรวจสอบการทุจริต การหาผลประโยชน์อย่างเข้มแข็ง มีการลงโทษอย่างแรงให้เข็ดหลาบ
ระยะยาวก็คือ การให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสารทางการเมืองแก่ประชาชนเหมือนอย่างที่ ASTV ให้ มีการจัดทำหลักสูตรการให้ความรู้ทางการเมืองแก่พลเมือง ทั้งอย่างเป็นทางการผ่านโรงเรียน และอย่างไม่เป็นทางการผ่านองค์กรเอกชนอาสาสมัครต่างๆ
ถ้าคิดในทางดีว่า ประชาธิปไตยของไทยเรายังไม่ถึง 100 ปี เราเรียนรู้มาแยะ และมีการเคลื่อนไหวมาหลายครั้ง ประชาชนก็ได้ประสบการณ์ตรง ต่อไปนักการเมืองก็จะขยาด ตำรวจก็จะไม่ใช้อำนาจ และกำลังเกินกว่าเหตุ
เวลานี้นับเป็นโชคดีที่การต่อต้านรัฐบาลกระทำอย่างสันติ ที่สำคัญก็คือ ทำกันอย่างเปิดเผย รู้กันว่าใครบ้างเป็นแกนนำ ใครบ้างที่มาสนับสนุน และมีความคิดอย่างไร ถ้าเมื่อใดคนต่อต้านรัฐบาลลงใต้ดิน ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ สังคมไทยก็จะอยู่ด้วยความหวาดระแวง ความไม่แน่นอนใจไร้เสถียรภาพ และมีการใช้ความรุนแรง โดยไม่รู้ตัวผู้กระทำ
หากตำรวจยังคงใช้อำนาจเกินขอบเขตแบบเก่า ในที่สุดประชาธิปไตยก็จะไปไม่รอด เพราะไม่มีใครคิดจะแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ใครจะว่าพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตาม แต่พันธมิตรฯ กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย มีความอดกลั้นสูง และยึดหลักอหิงสาอย่างเคร่งครัด
ตำรวจควรจัดการกับพวกปลุกระดมทางวิทยุด้วยการยุยงและมีการดำเนินการอย่างรุนแรง เช่น นายอะไรที่พูดวิทยุชุมชน และนำคนมาไล่ตีพันธมิตรฯ ที่อุดรธานี คนประเภทนี้เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย จะต้องกำจัดออกไป อย่าให้เข้ามามีบทบาท จะเกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง
ระบอบประชาธิปไตยจะคงอยู่ได้นั้น จะต้องมีวิธีการขจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ออกไป นักการเมืองขี้โกง นักปลุกระดมที่นิยมความรุนแรง ตำรวจที่มีทัศนคติคับแคบและชอบใช้กำลัง สื่อมวลชนที่บิดเบือนความจริง และจะต้องมีการคุ้มครองผู้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยสงบปราศจากอาวุธ
นับเป็นโชคดีที่เมืองไทยยังมีการแสดงออกที่ทำให้คนบริสุทธิ์ยังมีความหวัง และคลายทุกข์ ความแค้นลง การเสด็จฯ ไปงานศพของคุณอังคณา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ มีผลทำให้จิตใจของผู้ชุมนุมอย่างเปิดเผยดีขึ้นมาก หาไม่แล้วก็จะมีคนละทิ้งหลักอหิงสา แล้วตอบโต้ตำรวจด้วยความรุนแรง
ขอจงทรงพระเจริญ!