xs
xsm
sm
md
lg

ชะตาและฝันของ ‘เพ็ญ’ จักรภพ

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

“ผมมาเคลื่อนไหวทางทีวีเพราะผมอยากให้ PTV ได้ออกอากาศ ”

จักรภพ เพ็ญแข ที่โชคชะตาได้หนุนให้เธอก้าวขึ้นมา เป็น ฯพณฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนครี เคยเอื้อนวจีนี้กับสื่อมวลชนในวันที่ยังคงรำดาบท้ารบกับ คมช.อยู่ที่ท้องสนามหลวง

PTV คือ สถานีโทรทัศน์ที่ ฯพณฯ จักรภพ ฯพณฯ ผู้แทนราษฎร ตู่ ศรัทธาธรรม รวมถึง วีระ มุสิกพงศ์ ที่ยังไม่ได้ตบโบนัส และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฯพณฯ รองโฆษก หมายมั่นปั้นมือจะใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับอำนาจรัฐใหม่ในขณะนั้นที่เข้ามาล้มระบอบทักษิณ

“ผมไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่า PTV จะสร้างสงครามประชาชนได้ PTV ก็มีความหวังเพียงว่าได้ออกทีวี เป็นน้ำซึมบ่อทราย ถามว่าเป้าหมายคืออะไร มันก็เหมือนกับช่องฟอกซ์นิวส์ คือเป็นทีวีที่มีความคิดชัดเจนว่าผูกพันกับนโยบายของพรรคการเมืองไทยรักไทย แต่ไม่ได้ทำเพื่อไทยรักไทยนะ ตัวบุคคลไม่ไปลงเลือกตั้ง ต้องชัดเจนว่าใครจะลงเลือกตั้งก็ไปเลยนะ ไม่ใช่ไม่ได้แล้วกลับมา PTV” จักรภพว่า

“ผมเชื่อในความเป็นกลาง แต่ผมไม่เชื่อว่า PTV จะเป็นได้ คือสื่อที่เป็นกลางมันไม่มี และผมไม่เรียกร้องด้วย” นี่ก็เป็นคำกล่าวของ ฯพณฯ จักรภพที่วันนี้มีคนเรียกขานเธอว่า “เพ็ญ” เช่นเดียวกัน

บางครั้ง บางทีหรือเราอาจได้ยินบางคน เรียกเธอว่า “ไอ้หรืออีเพ็ญ” คำไทยชาวบ้านพื้นๆ ทั้งนี้เพราะจักรภพไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง และว่าไปแล้ว หลังพรรคคอมมิวนิสต์ล่มสลาย เธอเป็นคนไม่กี่คนในประเทศที่ประกาศตัวว่าจะโค่นล้มศักดินาให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย

การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเสนาบดีของจักรภพ ยังเป็นการตบหน้าสังคมไทยที่ไม่ยอมเลือกเธอเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร จักรภพสอบตกถึงสองครั้งสองหน ครั้งแรกสอบตกที่ฝั่งธนบุรี ครั้งหลังสอบตกที่ฝั่งพระนครทั้งที่ครั้งหลังนี้ลงแข่งคนเดียวแต่มีคนเลือกเธอไม่ถึง 20%

การสอบตกซ้ำๆ ทำให้บางคนไม่เชื่อหูและตาตัวเองว่า จักรภพผู้นิยมฝรั่งและศรัทธาประชาธิปไตยแบบตะวันตกยังมีหน้าก้าวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีอีก ด้วยวิถีที่เราเรียกว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ (หลายคนรังเกียจคำนี้)

อย่างไรก็ตาม ผมสนับสนุนการก่อเกิด PTV ในแนวทางที่จักรภพเธอเคยเอ่ยอ้าง

ผมคิดว่า คนที่มีใจเป็นธรรม และหยัดยืนในวิชาชีพสื่อมวลชนก็คงสนับสนุนแนวทางนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็เคยพูดว่าไม่เห็นด้วยที่ คมช.ในขณะนั้นไม่ยอมให้ PTV ออกอากาศ และว่าไปแล้ว แนวทาง PTV ที่จักรภพเธอประกาศนั้นก็ไม่แตกต่างกับ ASTV ซึ่งสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศเสมอมาว่า เป็นทีวีที่เลือกข้างและไม่เป็นกลาง แต่จะยืนหยัดอยู่ข้างความถูกต้อง

ประเด็นสำคัญ คือ PTV ออกอากาศแบบไหน ถ้ายิงดาวเทียมขึ้นตรงจากประเทศไทยก็ผิดกฎหมาย ถ้าส่งอินเทอร์เน็ตออกไปขึ้นดาวเทียมในต่างประเทศแบบ ASTV ก็ไม่มีกฎหมายอะไรห้ามไว้ เพราะ ASTV ก็ไม่ต่างกับ BBC, CNN ฯลฯ ที่เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยแล้วส่งข่าวออกไปขึ้นดาวเทียมในต่างประเทศ ใครมีจานดาวเทียมในภูมิภาคนี้ไม่ว่าอยู่ลาว ไทย กัมพูชา เวียดนามก็รับชมรับฟังได้เหมือนกันหมด

ที่สำคัญสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมในประเทศไทยไม่ได้มีแค่ ASTV เพียงสถานีเดียว ยังมีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอีกเป็นสิบๆสถานี(บางสถานียังยิงขึ้นดาวเทียมตรงจากประเทศไทยด้วยซ้ำ) แต่ก็มี ASTV เพียงสถานีเดียวที่ถูกอำนาจรัฐสมัยทักษิณแจ้งความดำเนินคดี และกระทำทุกวิถีทางที่จะปิดกั้นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นรูปแบบที่จักรภพต้องการให้ได้

และถ้าจับความคิดของจักรภพที่ต้องการให้ก่อเกิด PTV การกระทำของรัฐบาลทักษิณต่อ ASTV ต้องเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมในสายตาจักรภพอย่างแน่นอน

แต่วันนี้จักรภพ เพ็ญแข--เพ็ญ-ไอ้หรืออีเพ็ญ ตามแต่ใครจะเรียกขานได้ก้าวขึ้นเป็น ฯพณฯ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่กำกับสื่อสารมวลชนของรัฐ ผมย้ำคำว่ากำกับก็เพื่อจะให้เธอได้เข้าใจว่า ภายใต้บริบทของรัฐธรรมนูญนั้นไม่อาจอนุญาตให้เธอก้าวล่วงต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนได้

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า จะหวั่นเกรงว่า ฯพณฯจะใช้อำนาจรัฐเข้ามากลั่นแกล้งสั่งปิด ASTV เพราะผมคิดว่า จักรภพเธอคงไม่หาญกล้าขนาดนั้น

แม้ว่าจะได้ยิน เธอประกาศอย่างอหังการว่า จะจัดการกับสื่อนอกระบบที่ไม่เคารพในสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ที่ทำตัวเป็นนายหน้าให้กับอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตย

ไม่รู้เหมือนกันว่า สื่อที่ทำตัวเป็นนายหน้าให้กับอำนาจนอกระบอบประชาธิปไตยของเธอหมายถึงใคร แม้จะฟังดูคล้ายๆ กับคำว่า “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ที่เธอและนายแม้วของเธอเคยออกมาท้ารบ และจบลงด้วยการละทิ้งแนวทางสันติ อหิงสา พาคนไปบุกบ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนต้องกร้อนผมติดคุกติดตารางไป 2-3 วัน

บางคนบอกว่า เธอหมายถึง ASTV ซึ่งพวกเราทุกคนได้ยินแล้วหัวเราะเริงร่า

เธอยังประกาศด้วยว่า ทีวีสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเมืองไทย แต่ไม่ได้หมายความว่า วิธีการที่นำมาสู่จุดนี้จะทำอย่างไรก็ได้ วิธีการที่นำไปสู่เป้าหมายจะต้องถูกต้องด้วย สิ่งที่จะประเมินคือ วิธีการที่มาถึงทีวีสาธารณะถูกต้องหรือไม่

ราวกับว่า เธอจะ “เอาคืน” เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับไอทีวี พร้อมกับที่ลั่นวาจาว่า จะจัดระเบียบ อสมท กรมประชาสัมพันธ์ ทีวีผ่านดาวเทียม และวิทยุชุมชน

ซึ่งหวังว่า ความทรงจำ ต่อความคิดและแนวทางที่เธออยากให้ก่อเกิดสื่อแบบ PTV ยังระริกระรี้อยู่ในหัวของเธอ

ผมได้แต่หวังว่า เพ็ญ-จักรภพ จะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีอันทรงเกียรตินี้ทำความฝันให้เป็นจริง ทำให้ PTV(ซึ่งจริงๆ แล้วก็ออกอากาศมาอย่างต่อเนื่อง) ก่อเกิดเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เป็นกระบอกเสียงของพรรคการเมืองและเป็นสื่อทางเลือกอย่างที่จักรภพตั้งใจให้ได้

อย่าได้ไปคาดเดาว่า การที่ผมสนับสนุนให้เกิด PTV เพื่อให้เป็นเกราะกำบังให้ ASTV อยู่ได้ เพราะเราไม่ได้กลัวและไม่เคยคิดว่าอำนาจไหนจะมาปิดกั้นเราได้ คนที่ปิด ASTV ได้คือ สนธิ ลิ้มทองกุล คนเดียว ในวันที่เขาหมดเรี่ยวแรงและหมดหนทางที่จะหาทุนรอนมาผลักดันให้สถานีแห่งนี้ดำเนินต่อไป

ที่สำคัญพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ก็ได้ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติออกมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผมได้แต่เอาใจช่วยให้จักรภพรอดพ้นคดีร่วมกันดักฟัง และใช้ประโยชน์ หรือเผยข้อความข่าวสาร หรือข้อมูลอื่นใดที่มีการสื่อสารทางโทรศัพท์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และร่วมกันดักฟังใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความข่าวสาร หรือข้อมูลอื่นใดที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใดโดยไม่มีอำนาจ ที่ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีดำที่ อ.177/2551 แล้วนัดแถลงเปิดคดีวันที่ 10 มี.ค.2551 เวลา 13.00 น.

คดีนี้ต่างกับคดีหมิ่นประมาทที่คนเป็นนักการเมืองและคนเป็นสื่อมวลชนมักหลีกหนีไม่พ้น แต่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น การใช้อำนาจเถื่อน การลักลอบดักฟัง ฯลฯ

ผมได้แต่รอวันนั้น และอวยพรให้ “เพ็ญ” โชคดี เพื่อมีโอกาสทำฝันให้เป็นจริงบนตำแหน่งเสนาบดีต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น