มะลิกุมขมับ วิกฤตเมลามีนฉุดยอดวูบในรอบ 10 ปี เตรียม ผุดแคมเปญเรียกความเชื่อมั่น ปรับตัวสู่เทรดดิ้งเฟิร์มลุยอินโดจีน ด้านเอส แอนด์ พี ชี้ เมลามีนปนเปื้อนนมเป็นวิกฤติครั้งแรกรอบ 35 ปี กระทบอุตฯ เบเกอรี่ในช่วงไฮซีซัน ด้านสธ.ประสานก.คลัง-ก.เกตรฯ ให้ข้อมูลนมที่นำเข้าจากจีน ส่ง อย.ตรวจซ้ำ เผยมีนมที่นำเข้าเป็นอาหารสัตว์ลักลอบผลิตเป็นเบเกอรี่ ยันผลตรวจกรมวิทย์ฯ น่าเชื่อถือที่สุด
นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมข้นหวานตรามะลิ นมข้นจืดเบิดวิงซ์ ออร์คิด เปิดเผยว่า ถือเป็นวิกฤติครั้งแรกในรอบ45 ปีของบริษัท กรณีอย. ได้ สั่งเก็บนมข้นจืดตรามะลิ ที่ตรวจสอบพบเมลามีนเกินมาตรฐาน 37 เท่า หรือมีปริมาณเมลามีน 92.82 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จากที่ อย.กำหนดในผลิตภัณฑ์นม มีเมลามีนได้ไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตในวันที่ 16/01/08 โดยสินค้าล็อตดังกล่าวจำนวน 4 หมื่นกระป๋อง โดยใช้วัตถุดิบที่นำเข้านิวซีแลนด์
ทั้งนี้บริษัทได้เก็บผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 3 รายการ ได้แก่ 1. เนยออร์คิด 2. ครีมเทียมข้นหวานเบิร์ดวิงซ์ 3. และนมข้นแปลงไขมันหวานตรามะลิ จำนวนทั้งสิ้น 4 .3 แสนกระป๋อง คาดว่า จะรู้ผลการตรวจสอบจาก อย.เร็วๆนี้ พร้อมกับวัตถุดิบและสินค้าอื่นๆ อีก 15 รายการ รวมทั้งสิ้น 18 รายการ คาดว่าจะรู้ผลสัปดาห์หน้าพร้อมแถลงข่าว อย. เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน
“ผมไม่เชื่อว่าปริมาณการปนเปื้อนเมลามีนเกินมาตรฐาน 92.82 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน จะเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต หรือวัตถุดิบที่นำเข้าเพราะเป็นปริมาณสูง ซึ่งสูตรการผลิตนมข้นจืดใช้วัตถุดิบที่เป็นนมผงในปริมาณที่ไม่มากนัก จึงเป็นข้อสงสัย ที่คงต้องตรวจสอบร่วมกับอย.ต่อไป เราพร้อมแสดงความรับผิดชอบหากอย.จะสั่งปรับหรือดำเนินการตาม กฎหมาย รวมทั้งหากพิสูจน์ได้ว่าผู้บริโภคเป็นโรคนิ่วจากบริโภคผลิตภัณฑ์ของบริษัทจริง ก็พร้อมจะรับผิดชอบทุกประการ ”
ผลประกอบการสิ้นปีนี้ จากกรณีเหตุการปนเปื้อน และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คาดว่ายอดขายไม่ถึง 5,000 ล้านบาทจากปีก่อนที่ยอดขายกว่า 5,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายจากปกติโตปีละ5-10% ซึ่งมาจากนมข้นหวาน 70% เนย 20 % และนมข้นจืด 10 % อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับการตรวจสอบจากทางอย. แล้วเรา คงจะต้องมีการปรับแผนการทำตลาดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นแบรนด์มะลิกลับคืนมาจากผู้บริโภคอย่างน้อย 6 เดือน
นายสุวิทย์ กล่าวว่า บริษัทจะหันมาขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มจาก 25% เป็น 30% ส่วนในประเทศจาก 75% เป็น 70% เนื่องจากยอดขายในประเทศมีแนวโน้มลดลง ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤติความเชื่อมั่น คาดว่า ในอนาคต บริษัทคงปรับตัวสู่การเป็นเทรดดิ้งเฟิร์ม รับจ้างขายสินค้าในประเทศแถบอินโดไชน่าแทนที่ลงทุนการทำตลาด เพราะการแข่งขันในอุตสาหกรรมนมรุนแรง
***อัด10ลบ.ฟื้นความเชื่อมั่น***
นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายคุ๊กกี้เอสแอนด์พี เปิดเผยว่า กรณีผลิตภัณฑ์คุ๊กกี้เอสแอนด์พีที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พบสารปนเปื้อนเมลามีนเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้หยุดจำหน่ายคุ๊กกี้ 13 รายการ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากนมมาผลิตทั้งหมดร่วม 20 รายการ ทุกจุดจำหน่าย 280 แห่งทั่วประเทศ และบริษัทได้ส่งคุ๊กกี้ทั้ง 13 รายการ ตรวจห้องแล็บวิจัยโภชนาการ IQA Laboratory Co.,Ltd ในฮ่องกง ซึ่งไม่พบสารปนเปื้อนเมลามีนในคุ๊กกี้ของเอสแอนด์พี ส่วนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.คาดว่า 2-3 วันถึงจะทราบผล
ที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้นมข้นจืดตรามะลิ จากบริษัท อุตสาหกรรมไทย จำกัด เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์คุ๊กกี้ ซึ่งเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทางอย.ได้ประกาศว่าพบสารเมลามีนสูงในนมข้นจืดของบริษัทดังกล่าว ทำให้ขณะนี้บริษัทได้หยุดการใช้นมข้นจืดจากบริษัทอุตสาหกรรมไทย และใช้นมข้นจืดจากซับพลายเออร์ 2 ราย ได้แก่ บริษัทโฟร์โมสต์และบริษัทเนสท์เล่ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้รับการรับรองจากทางอย.แล้ว อย่างไรก็ตามบริษัทจะนำคุ๊กกี้ทั้ง 13 รายการ ออกจำหน่ายตามชั้นวางปกติ โดยเป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากซับพลายเออร์รายใหม่ หลังจากที่ได้รับการรับรองจากทางอย.เป็นที่เรียบร้อย
“โอกาสที่คุ๊กกี้มีสารปนเปื้อนจากเมลามีนซึ่งพบในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อาจเกิดจากวัตถุดิบการผลิตในแต่ละครั้งเกิดความผิดพลาดจากการตรวจสอบ ยอมรับว่าครั้งนี้ถือว่าเป็นวิกฤติครั้งแรกของการดำเนินธุรกิจเบเกอรี่และคุ๊กกี้ของเอสแอนด์พีในรอบ 35 ปี หรือนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจ”
ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทหยุดจำหน่ายคุ๊กกี้ได้ 3-4 วัน โดยหลังจากที่ข่าวแพร่ออกไปวันที่ 2 เท่านั้นยอดขายลดลง 10% ซึ่งขณะนี้บริษัทสูญเสียโอกาสการขาย 3 ล้านบาท และคาดว่าวิกฤติการสารเมลามีนปนเปื้อนในนมจะกระทบต่ออุตสาหกรรมเบเกอรี่โดยรวม โดยเฉพาะช่วงเทศกาลส่งท้ายปลายปี ซึ่งผู้บริโภคนิยมซื้อไปเป็นของขวัญ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจ และการเมือง ทำให้บริษัทคาดเดาไม่ได้ว่าปลายปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นตามปกติเมื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซันหรือไม่
นายประเวศวุฒิ กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผลิตภัณฑ์คุ๊กกี้ในปลายปีนี้ บริษัทเตรียมทุ่มงบการตลาด10 ล้านบาท มากกว่าสถานการณ์ปกติ โดยเน้นสื่อสารถึงการเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนเมลามีน ส่วนผลประกอบการปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโตเกิน 10% จากเป้าหมายเดิมตั้งเป้าเติบโต 14% โดยปัจจุบันเอสแอนด์พีมีสินค้าร่วม 1,000 รายการ แบ่งเป็นรายได้ คุ๊กกี้ 10% อีก 90% เป็นเบเกอรี่และอื่นๆ
***สธ.ชี้ลักลอบใช้นมผิดวัตถุประสงค์**
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอความร่วมมือให้ด่านศุลกากรทั่วประเทศตรวจสอบการนำเข้านมจากประเทศจีน ที่แจ้งวัตถุประสงค์เพื่อนำมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรแจ้งข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ของอย.ประจำด่านอาหารและยา เพื่อสุ่มตรวจนมที่มีการนำเข้าทุกลอตซ้ำ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า มีการนำนมดังกล่าวมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้เกิดการปนเปื้อนสารเมลามีนในผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เบเกอรี่ ที่คนนำมาบริโภค ขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือกระทรวงเกษตรฯ ให้เจ้าหน้าที่ด่านปศุสัตว์ทั่วประเทศส่งนมและผลิตภัณฑ์นมที่นำเข้าเป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ ให้เจ้าหน้าที่อย.ทำการตรวจสอบเช่นเดียวกัน
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ประจำด่านอาหารและยาทั่วประเทศ ประสานกับเจ้าหน้าที่ของด่านศุลกากรและด่านปศุสัตว์ เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์จากนมต่างประเทศ โดยเฉพาะของจีนอย่างเข้มงวด และให้รอผลการตรวจหากการปนเปื้อนสารเมลามีนจากกรมวิทย์ฯ ก่อนที่จะนำสินค้าออกจากด่าน ซึ่งมีระบบการเฝ้าระวังที่กระชับรัดกุมและมีความชัดเจนโดยด่านอาหารและยาทั้ง 32 ด่านมีความพร้อมอยู่แล้ว รวมถึงมีการส่งเจ้าหน้าที่ในการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดย้อนหลังด้วย
“ขณะนี้ได้มีการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมตรามะลิแล้ว 50 รายการ ซึ่งอย.ได้ทำการตรวจแล้วจำนวน 30 รายการ แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนก หากบริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ตรามะลิ ระบุว่า จากการตรวจวิเคราะห์จากห้อปฏิบัติการเอกชนแล้วตรวจไม่พบนั้น ก็มีคำถามว่า การตรวจวิเคราะห์มาจากผลิตภัณฑ์ในล็อตการผลิตไหน เนื่องจากอย.ได้ทำการอายัดผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 3 แสน กระป๋อง แต่ถ้าเป็นล็อตอื่นก็มีความเป็นไปได้ที่จะไม่พบการปนเปื้อนเมลามีน ส่วนวัตถุดิบกว่า 4 แสน กิโลกรัมขณะนี้ผลการวิเคราะห์ยังไม่ออก ต้องรอผลอย่างเป็นการอีกประมาณ 5 วัน ทั้งนี้ หากผลตรวจตรงกันคงไม่เป็นไร แต่หากไม่ตรงกันในทางกฎหมายแล้วจะต้องยึดผลการตรวจวิเคราะห์ของกรมวิทย์ฯ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือแน่นอน ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่สุ่มตรวจเบื้องต้นยังไม่พบสารเมลามีนปนเปื้อน”นพ.พิพัฒน์ กล่าว
นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมข้นหวานตรามะลิ นมข้นจืดเบิดวิงซ์ ออร์คิด เปิดเผยว่า ถือเป็นวิกฤติครั้งแรกในรอบ45 ปีของบริษัท กรณีอย. ได้ สั่งเก็บนมข้นจืดตรามะลิ ที่ตรวจสอบพบเมลามีนเกินมาตรฐาน 37 เท่า หรือมีปริมาณเมลามีน 92.82 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จากที่ อย.กำหนดในผลิตภัณฑ์นม มีเมลามีนได้ไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตในวันที่ 16/01/08 โดยสินค้าล็อตดังกล่าวจำนวน 4 หมื่นกระป๋อง โดยใช้วัตถุดิบที่นำเข้านิวซีแลนด์
ทั้งนี้บริษัทได้เก็บผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 3 รายการ ได้แก่ 1. เนยออร์คิด 2. ครีมเทียมข้นหวานเบิร์ดวิงซ์ 3. และนมข้นแปลงไขมันหวานตรามะลิ จำนวนทั้งสิ้น 4 .3 แสนกระป๋อง คาดว่า จะรู้ผลการตรวจสอบจาก อย.เร็วๆนี้ พร้อมกับวัตถุดิบและสินค้าอื่นๆ อีก 15 รายการ รวมทั้งสิ้น 18 รายการ คาดว่าจะรู้ผลสัปดาห์หน้าพร้อมแถลงข่าว อย. เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน
“ผมไม่เชื่อว่าปริมาณการปนเปื้อนเมลามีนเกินมาตรฐาน 92.82 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน จะเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต หรือวัตถุดิบที่นำเข้าเพราะเป็นปริมาณสูง ซึ่งสูตรการผลิตนมข้นจืดใช้วัตถุดิบที่เป็นนมผงในปริมาณที่ไม่มากนัก จึงเป็นข้อสงสัย ที่คงต้องตรวจสอบร่วมกับอย.ต่อไป เราพร้อมแสดงความรับผิดชอบหากอย.จะสั่งปรับหรือดำเนินการตาม กฎหมาย รวมทั้งหากพิสูจน์ได้ว่าผู้บริโภคเป็นโรคนิ่วจากบริโภคผลิตภัณฑ์ของบริษัทจริง ก็พร้อมจะรับผิดชอบทุกประการ ”
ผลประกอบการสิ้นปีนี้ จากกรณีเหตุการปนเปื้อน และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คาดว่ายอดขายไม่ถึง 5,000 ล้านบาทจากปีก่อนที่ยอดขายกว่า 5,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายจากปกติโตปีละ5-10% ซึ่งมาจากนมข้นหวาน 70% เนย 20 % และนมข้นจืด 10 % อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับการตรวจสอบจากทางอย. แล้วเรา คงจะต้องมีการปรับแผนการทำตลาดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นแบรนด์มะลิกลับคืนมาจากผู้บริโภคอย่างน้อย 6 เดือน
นายสุวิทย์ กล่าวว่า บริษัทจะหันมาขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มจาก 25% เป็น 30% ส่วนในประเทศจาก 75% เป็น 70% เนื่องจากยอดขายในประเทศมีแนวโน้มลดลง ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤติความเชื่อมั่น คาดว่า ในอนาคต บริษัทคงปรับตัวสู่การเป็นเทรดดิ้งเฟิร์ม รับจ้างขายสินค้าในประเทศแถบอินโดไชน่าแทนที่ลงทุนการทำตลาด เพราะการแข่งขันในอุตสาหกรรมนมรุนแรง
***อัด10ลบ.ฟื้นความเชื่อมั่น***
นายประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายคุ๊กกี้เอสแอนด์พี เปิดเผยว่า กรณีผลิตภัณฑ์คุ๊กกี้เอสแอนด์พีที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พบสารปนเปื้อนเมลามีนเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้หยุดจำหน่ายคุ๊กกี้ 13 รายการ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากนมมาผลิตทั้งหมดร่วม 20 รายการ ทุกจุดจำหน่าย 280 แห่งทั่วประเทศ และบริษัทได้ส่งคุ๊กกี้ทั้ง 13 รายการ ตรวจห้องแล็บวิจัยโภชนาการ IQA Laboratory Co.,Ltd ในฮ่องกง ซึ่งไม่พบสารปนเปื้อนเมลามีนในคุ๊กกี้ของเอสแอนด์พี ส่วนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.คาดว่า 2-3 วันถึงจะทราบผล
ที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้นมข้นจืดตรามะลิ จากบริษัท อุตสาหกรรมไทย จำกัด เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์คุ๊กกี้ ซึ่งเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทางอย.ได้ประกาศว่าพบสารเมลามีนสูงในนมข้นจืดของบริษัทดังกล่าว ทำให้ขณะนี้บริษัทได้หยุดการใช้นมข้นจืดจากบริษัทอุตสาหกรรมไทย และใช้นมข้นจืดจากซับพลายเออร์ 2 ราย ได้แก่ บริษัทโฟร์โมสต์และบริษัทเนสท์เล่ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้รับการรับรองจากทางอย.แล้ว อย่างไรก็ตามบริษัทจะนำคุ๊กกี้ทั้ง 13 รายการ ออกจำหน่ายตามชั้นวางปกติ โดยเป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากซับพลายเออร์รายใหม่ หลังจากที่ได้รับการรับรองจากทางอย.เป็นที่เรียบร้อย
“โอกาสที่คุ๊กกี้มีสารปนเปื้อนจากเมลามีนซึ่งพบในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อาจเกิดจากวัตถุดิบการผลิตในแต่ละครั้งเกิดความผิดพลาดจากการตรวจสอบ ยอมรับว่าครั้งนี้ถือว่าเป็นวิกฤติครั้งแรกของการดำเนินธุรกิจเบเกอรี่และคุ๊กกี้ของเอสแอนด์พีในรอบ 35 ปี หรือนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจ”
ทั้งนี้หลังจากที่บริษัทหยุดจำหน่ายคุ๊กกี้ได้ 3-4 วัน โดยหลังจากที่ข่าวแพร่ออกไปวันที่ 2 เท่านั้นยอดขายลดลง 10% ซึ่งขณะนี้บริษัทสูญเสียโอกาสการขาย 3 ล้านบาท และคาดว่าวิกฤติการสารเมลามีนปนเปื้อนในนมจะกระทบต่ออุตสาหกรรมเบเกอรี่โดยรวม โดยเฉพาะช่วงเทศกาลส่งท้ายปลายปี ซึ่งผู้บริโภคนิยมซื้อไปเป็นของขวัญ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจ และการเมือง ทำให้บริษัทคาดเดาไม่ได้ว่าปลายปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นตามปกติเมื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซันหรือไม่
นายประเวศวุฒิ กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นผลิตภัณฑ์คุ๊กกี้ในปลายปีนี้ บริษัทเตรียมทุ่มงบการตลาด10 ล้านบาท มากกว่าสถานการณ์ปกติ โดยเน้นสื่อสารถึงการเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารปนเปื้อนเมลามีน ส่วนผลประกอบการปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโตเกิน 10% จากเป้าหมายเดิมตั้งเป้าเติบโต 14% โดยปัจจุบันเอสแอนด์พีมีสินค้าร่วม 1,000 รายการ แบ่งเป็นรายได้ คุ๊กกี้ 10% อีก 90% เป็นเบเกอรี่และอื่นๆ
***สธ.ชี้ลักลอบใช้นมผิดวัตถุประสงค์**
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอความร่วมมือให้ด่านศุลกากรทั่วประเทศตรวจสอบการนำเข้านมจากประเทศจีน ที่แจ้งวัตถุประสงค์เพื่อนำมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรแจ้งข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ของอย.ประจำด่านอาหารและยา เพื่อสุ่มตรวจนมที่มีการนำเข้าทุกลอตซ้ำ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า มีการนำนมดังกล่าวมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้เกิดการปนเปื้อนสารเมลามีนในผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เบเกอรี่ ที่คนนำมาบริโภค ขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือกระทรวงเกษตรฯ ให้เจ้าหน้าที่ด่านปศุสัตว์ทั่วประเทศส่งนมและผลิตภัณฑ์นมที่นำเข้าเป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ ให้เจ้าหน้าที่อย.ทำการตรวจสอบเช่นเดียวกัน
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ประจำด่านอาหารและยาทั่วประเทศ ประสานกับเจ้าหน้าที่ของด่านศุลกากรและด่านปศุสัตว์ เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์จากนมต่างประเทศ โดยเฉพาะของจีนอย่างเข้มงวด และให้รอผลการตรวจหากการปนเปื้อนสารเมลามีนจากกรมวิทย์ฯ ก่อนที่จะนำสินค้าออกจากด่าน ซึ่งมีระบบการเฝ้าระวังที่กระชับรัดกุมและมีความชัดเจนโดยด่านอาหารและยาทั้ง 32 ด่านมีความพร้อมอยู่แล้ว รวมถึงมีการส่งเจ้าหน้าที่ในการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดย้อนหลังด้วย
“ขณะนี้ได้มีการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์นมตรามะลิแล้ว 50 รายการ ซึ่งอย.ได้ทำการตรวจแล้วจำนวน 30 รายการ แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนก หากบริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ตรามะลิ ระบุว่า จากการตรวจวิเคราะห์จากห้อปฏิบัติการเอกชนแล้วตรวจไม่พบนั้น ก็มีคำถามว่า การตรวจวิเคราะห์มาจากผลิตภัณฑ์ในล็อตการผลิตไหน เนื่องจากอย.ได้ทำการอายัดผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 3 แสน กระป๋อง แต่ถ้าเป็นล็อตอื่นก็มีความเป็นไปได้ที่จะไม่พบการปนเปื้อนเมลามีน ส่วนวัตถุดิบกว่า 4 แสน กิโลกรัมขณะนี้ผลการวิเคราะห์ยังไม่ออก ต้องรอผลอย่างเป็นการอีกประมาณ 5 วัน ทั้งนี้ หากผลตรวจตรงกันคงไม่เป็นไร แต่หากไม่ตรงกันในทางกฎหมายแล้วจะต้องยึดผลการตรวจวิเคราะห์ของกรมวิทย์ฯ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือแน่นอน ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่สุ่มตรวจเบื้องต้นยังไม่พบสารเมลามีนปนเปื้อน”นพ.พิพัฒน์ กล่าว