2 ค่ายรถยักษ์ใหญ่ "โตโยต้า-ฮอนด้า" ประสานเสียง เชื่อวิกฤตการเงินโลก บวกการเมืองวุ่น ฉุดกำลังซื้อ คาดปีหน้าตลาดรถยนต์ซบเซา ส่วนยอดขายรวมทุกยี่ห้อปีนี้น่าจะทำได้ 6.3 -6.5 แสนคัน วืดเป้าหมายเดิม 7 แสนคัน
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดการขายรถ 9 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 4.6 แสนคันโตขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้เป็นผลมาจากความวิตกกังวลจากราคาน้ำมันสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคช็อกและชะลอการซื้อรถออกไป แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดต่ำลง แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกกลับมีปัญหา ประกอบกับสถานการณ์การเมืองของไทยกำลังวุ่นวาย จึงทำให้เป้ายอดขายรถรวมทั้งปีที่คาดไว้ประมาณ 7 แสนคัน น่าจะทำได้เพียง 6.3-6.5 แสนคันเท่านั้น
นอกจากนี้วิกฤตการเงินโลก จะส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างแน่นอน แม้ยังไม่ใช่เวลานี้แต่อนาคตมีแน่ หากเปรียบวิกฤตของอเมริกาขณะนี้กับของไทยเมื่อปี 2540 จะเห็นว่ามีลักษณะกำลังดำเนินตามรอยกัน โดยเริ่มจาก ภาคอสังหาริมทรัพย์ล้ม แล้วภาคการเงินมีปัญหา จากนั้นถึงจะลามมาสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ แล้วไปจบลงที่ภาคอุตสาหกรรมในครัวเรือนจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตามไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีและมีความแข็งแกร่งกว่าเมื่อปี 2540 รวมถึงการเคยผ่านวิกฤตการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ทำให้มีการเตรียมรับมืออย่างดี แต่อาจมีการตระหนกตกใจของนักลงทุนบ้าง ดังนั้นภาครัฐไม่ควรชะล่าใจและควรออกมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
นายนินนาท กล่าวว่า ในส่วนของโตโยต้าเองคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากไม่มีภาระหนี้สิน และมีตลาดทั้งในประเทศและส่งออกรองรับ ส่วนแผนการลงทุนต่างๆ ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะอีโคคาร์มีความคืบหน้าไปมาก กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับภาครัฐเพื่อขอลดเงื่อนไขบางประการลงซึ่งจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ด้านนายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รอง ประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงต้นปีสภาพตลาดรถยนต์ดีมากทำให้มีการคาดว่ายอดขายจะถึง 7 แสนคัน แต่เวลานี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งจากราคาน้ำมันสูงเมื่อช่วงกลางปี วิกฤตการเงินโลกและการเมืองวุ่นของไทย จึงเชื่อว่า สิ้นปีตลาดรวมจะอยู่ประมาณ 6.3 แสนคัน
"แม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่องราคาน้ำมันลดลง แต่ปัญหาวิกฤตการเงินโลกและการเมืองวุ่นวายของไทยทำให้กำลังซื้อหด ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเงิน เนื่องจากเคยมีบทเรียนจากวิกฤตของไทยเมื่อปี 2540 ผู้ผลิตจะต้องบริหารต้นทุนให้ดี โดยปีหน้าคาดว่า ยอดขายรถคงดูไม่สดใส ขณะที่เวลานี้ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก"
สำหรับแผนการลงทุนของฮอนด้ายังเดินหน้าต่อไป ไม่มีการชะลอ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งแผนการขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2.4 แสนคัน ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วและโรงงานใหม่พร้อมขึ้นไลน์ผลิตในสัปดาห์หน้า
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดการขายรถ 9 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 4.6 แสนคันโตขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้เป็นผลมาจากความวิตกกังวลจากราคาน้ำมันสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคช็อกและชะลอการซื้อรถออกไป แม้ว่าราคาน้ำมันจะลดต่ำลง แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกกลับมีปัญหา ประกอบกับสถานการณ์การเมืองของไทยกำลังวุ่นวาย จึงทำให้เป้ายอดขายรถรวมทั้งปีที่คาดไว้ประมาณ 7 แสนคัน น่าจะทำได้เพียง 6.3-6.5 แสนคันเท่านั้น
นอกจากนี้วิกฤตการเงินโลก จะส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างแน่นอน แม้ยังไม่ใช่เวลานี้แต่อนาคตมีแน่ หากเปรียบวิกฤตของอเมริกาขณะนี้กับของไทยเมื่อปี 2540 จะเห็นว่ามีลักษณะกำลังดำเนินตามรอยกัน โดยเริ่มจาก ภาคอสังหาริมทรัพย์ล้ม แล้วภาคการเงินมีปัญหา จากนั้นถึงจะลามมาสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ แล้วไปจบลงที่ภาคอุตสาหกรรมในครัวเรือนจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตามไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีและมีความแข็งแกร่งกว่าเมื่อปี 2540 รวมถึงการเคยผ่านวิกฤตการณ์ดังกล่าวมาแล้ว ทำให้มีการเตรียมรับมืออย่างดี แต่อาจมีการตระหนกตกใจของนักลงทุนบ้าง ดังนั้นภาครัฐไม่ควรชะล่าใจและควรออกมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
นายนินนาท กล่าวว่า ในส่วนของโตโยต้าเองคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากไม่มีภาระหนี้สิน และมีตลาดทั้งในประเทศและส่งออกรองรับ ส่วนแผนการลงทุนต่างๆ ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะอีโคคาร์มีความคืบหน้าไปมาก กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับภาครัฐเพื่อขอลดเงื่อนไขบางประการลงซึ่งจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ด้านนายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รอง ประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงต้นปีสภาพตลาดรถยนต์ดีมากทำให้มีการคาดว่ายอดขายจะถึง 7 แสนคัน แต่เวลานี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งจากราคาน้ำมันสูงเมื่อช่วงกลางปี วิกฤตการเงินโลกและการเมืองวุ่นของไทย จึงเชื่อว่า สิ้นปีตลาดรวมจะอยู่ประมาณ 6.3 แสนคัน
"แม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่องราคาน้ำมันลดลง แต่ปัญหาวิกฤตการเงินโลกและการเมืองวุ่นวายของไทยทำให้กำลังซื้อหด ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเงิน เนื่องจากเคยมีบทเรียนจากวิกฤตของไทยเมื่อปี 2540 ผู้ผลิตจะต้องบริหารต้นทุนให้ดี โดยปีหน้าคาดว่า ยอดขายรถคงดูไม่สดใส ขณะที่เวลานี้ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก"
สำหรับแผนการลงทุนของฮอนด้ายังเดินหน้าต่อไป ไม่มีการชะลอ เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งแผนการขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2.4 แสนคัน ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วและโรงงานใหม่พร้อมขึ้นไลน์ผลิตในสัปดาห์หน้า