ผู้จัดการรายวัน-นิคมฯ อมตะหั่นงบลงทุนระบบสาธารณูปโภคลง 300 ล้านบาท รับผลพวงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลพวงจากวิกฤติการเงินสหรัฐฯ ที่ลามไปทั่วโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดแผนการลงทุนเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตลงประมาณ 300 ล้านบาทจากงบลงทุนรวมปีนี้ 1,000 ล้านบาท
โดยยอมรับว่าลูกค้าที่เดิมเจรจาซื้อที่ดินในนิคมฯเพื่อลงทุน ได้ตัดสินใจชะลอการซื้อที่ดินดังกล่าวไปแล้ว 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งผลพวงจากวิกฤติการเงินโลก การเมืองไม่มั่นคง จะมีผลให้เกิดการชะลอตัวของการลงทุนเพิ่มอีกในอนาคตอันสั้นนี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปี 2552 หากเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นเช่นนี้การลงทุนย่อมชะลอตัวอย่างแน่นอน แต่จะมากน้อยเพียงใดยังยากที่จะคาดเดาได้ จึงรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่งเพื่อปรับแผนงานรองรับใหม่ในปี 2552
“มีงบลงทุนเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัญหาวิกฤติการเงินโลกทำให้ต้องพยายามลดการลงทุนที่ไม่จำเป็นบางอย่าง เราลงทุนล่วงหน้าเพื่อให้ลูกค้ามาดู เราก็ลดไปเมื่อถึงเวลาเราก็สัญญาว่าจะทำให้ทัน ส่วนการพัฒนาที่จำเป็นสำหรับลูกค้าก็ยังเดินหน้าต่อ การชะลอการลงทุนคงจะมีเพิ่มมาก เพราะเศรษฐกิจโลกทรุด สหรัฐฯ ลามไปยุโรป ญี่ปุ่นแล้ว ต้องดูว่ากระทบนานแค่ไหน 2 หรือ 3 ปี การลดลงทุนก็เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เช่นนี้กระแสเงินสดจะตึงตัว อะไรไม่จำเป็นก็หยุดเอาไว้ก่อน”นายวิบูลย์กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีพื้นที่พัฒนาประมาณ 7,000-8,000 ไร่ พร้อมขายเลยทันที 1,200-1,300 ไร่ โดยปีนี้ยอดขายเฉลี่ยทั้งปีคงจะอยู่ที่ 1,200 ไร่ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้ปรับลดลงแล้วจากเดิมที่กำหนดเป้าไว้ 1,700 ไร่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่รายได้คาดว่าจะอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงปีที่แล้ว สาเหตุรายได้ยังคงสูงอยู่ เนื่องจากราคาขายที่ดินได้มีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่บริษัทฯไม่มีนโยบายที่จะลดราคาขายพื้นที่เพื่อการแข่งขัน เนื่องจากการลดราคาเท่ากับเป็นการลดเครดิตของบริษัท
นายวิบูลย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัท อมตะ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ว่าไม่เคยมีแนวคิดที่จะเข้าไปดำเนินการใดๆ กับบริษัทดังกล่าว และยืนยันว่าบริษัทนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเครืออมตะทั้งสิ้น
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลพวงจากวิกฤติการเงินสหรัฐฯ ที่ลามไปทั่วโลกและปัญหาการเมืองภายในประเทศส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดแผนการลงทุนเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคตลงประมาณ 300 ล้านบาทจากงบลงทุนรวมปีนี้ 1,000 ล้านบาท
โดยยอมรับว่าลูกค้าที่เดิมเจรจาซื้อที่ดินในนิคมฯเพื่อลงทุน ได้ตัดสินใจชะลอการซื้อที่ดินดังกล่าวไปแล้ว 4 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งผลพวงจากวิกฤติการเงินโลก การเมืองไม่มั่นคง จะมีผลให้เกิดการชะลอตัวของการลงทุนเพิ่มอีกในอนาคตอันสั้นนี้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปี 2552 หากเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นเช่นนี้การลงทุนย่อมชะลอตัวอย่างแน่นอน แต่จะมากน้อยเพียงใดยังยากที่จะคาดเดาได้ จึงรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่งเพื่อปรับแผนงานรองรับใหม่ในปี 2552
“มีงบลงทุนเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัญหาวิกฤติการเงินโลกทำให้ต้องพยายามลดการลงทุนที่ไม่จำเป็นบางอย่าง เราลงทุนล่วงหน้าเพื่อให้ลูกค้ามาดู เราก็ลดไปเมื่อถึงเวลาเราก็สัญญาว่าจะทำให้ทัน ส่วนการพัฒนาที่จำเป็นสำหรับลูกค้าก็ยังเดินหน้าต่อ การชะลอการลงทุนคงจะมีเพิ่มมาก เพราะเศรษฐกิจโลกทรุด สหรัฐฯ ลามไปยุโรป ญี่ปุ่นแล้ว ต้องดูว่ากระทบนานแค่ไหน 2 หรือ 3 ปี การลดลงทุนก็เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เช่นนี้กระแสเงินสดจะตึงตัว อะไรไม่จำเป็นก็หยุดเอาไว้ก่อน”นายวิบูลย์กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีพื้นที่พัฒนาประมาณ 7,000-8,000 ไร่ พร้อมขายเลยทันที 1,200-1,300 ไร่ โดยปีนี้ยอดขายเฉลี่ยทั้งปีคงจะอยู่ที่ 1,200 ไร่ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้ปรับลดลงแล้วจากเดิมที่กำหนดเป้าไว้ 1,700 ไร่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่รายได้คาดว่าจะอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงปีที่แล้ว สาเหตุรายได้ยังคงสูงอยู่ เนื่องจากราคาขายที่ดินได้มีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่บริษัทฯไม่มีนโยบายที่จะลดราคาขายพื้นที่เพื่อการแข่งขัน เนื่องจากการลดราคาเท่ากับเป็นการลดเครดิตของบริษัท
นายวิบูลย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัท อมตะ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ว่าไม่เคยมีแนวคิดที่จะเข้าไปดำเนินการใดๆ กับบริษัทดังกล่าว และยืนยันว่าบริษัทนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเครืออมตะทั้งสิ้น