06.30 น.วันที่ 7 ตุลาคม 2551 อาวุธร้ายแรงสารพัดชนิดถูกระดมยิงราวห่าฝน จากน้ำมือฆาตกรในคราบตำรวจใส่ประชาชนสองมือเปล่าอย่างหฤโหด!
เช้าวันเดียวกันนั้นเอง..สมเด็จพระบรมราชินีนาถ “แม่ของแผ่นดิน” ที่ปวงชนชาวไทยเคารพเทิดทูน ได้ทรงรับผู้บาดเจ็บทุกคนไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทั้งยังทรงมอบพระราชทรัพย์ให้กับโรงพยาบาลหลายแห่งกว่าล้านบาทอีกด้วย
แต่นักการเมืองและตำรวจชั่ว ยังคงใช้อาวุธสงครามกระหน่ำใส่อย่างไม่ยั้งต่อไป ทำให้พสกนิกรของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ต้องตายและบาดเจ็บกว่า 400 คน แถมตำรวจไทยยังยิงทหารเสนารักษ์ ที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ส่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอีกด้วย
9 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ให้ตัวแทนพระองค์ท่านนำพวกมาลาพระราชทานวางหน้าศพ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่เสียชีวิตเพราะการเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ของตำรวจภายใต้รัฐบาลฆาตกร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
วันที่13 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่วัดศรีประวัติ จังหวัดนนทบุรี
16.00 น. ทันทีที่รถพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ แล่นเข้าสู่วัดศรีประวัติ ประชาชนราวครึ่งแสนคน ก็พร้อมใจกันตะโกนเสียงดังลั่นสนั่นฟ้าตลอดเวลาว่า..
ทรงพระเจริญ-ทรงพระเจริญ-ทรงพระเจริญ..!!!
พ่อของน้องโบว์เปิดเผยภายหลังงานพระราชทางเพลิงศพว่า...
สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงชื่นชมน้องโบว์ เป็นเด็กดีที่ออกมาปกป้องชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์!
ผมคงไม่ต้องกล่าวต่อนะครับว่า ประชาชนผู้กล้าสู้ด้วยสองมือเปล่า กับรัฐบาลอธรรมและเถื่อนที่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยการซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้ง จนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคนนั้น ทำหน้าที่ปกป้องชาติและพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิตแล้ว และยังจะต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะชนะ
ทหารใหญ่บางท่านกล่าวถึง ผบ.ทบ.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เทียบกับน.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ “น้องโบว์” ผู้หญิงร่างเล็กๆ ที่สู้ด้วย 2 มือเปล่าว่า ใครกล้าหาญและรักชาติรักพระมหากษัตริย์มากกว่ากัน?
โอ้ย..เรื่องนี้พิสูจน์ชัดแล้วล่ะว่า “น้องโบว์” ใจถึง-ใจกล้า-รักชาติ-รักพระมหากษัตริย์-รักพระราชินี เอ..แล้ว “ป๊อก” อนุพงษ์ เผ่าจินดา น่ะมันรักชาติ-รักสถาบันพระมหากษัตริย์ไหมหว่า? แต่เรื่องใจน่ะ“ป๊อก” เทียบชั้น“น้องโบว์” ไม่ได้เลยล่ะ เพราะ ผบ.ทบ.“ป๊อกแป๊ก” คนนี้ ได้ทำให้กองทัพอันทรงเกียรติไร้ค่าลงอย่างน่าใจหาย ด้วย ผบ.ทบ.ผู้นี้ถนัดนำกองทัพยืนเคียงข้างศพประชาชนมากกว่าจะยืนปกป้องประชาชนตัวเป็นๆ ว่ะ..ฮ่าฮ่าฮ่า..
ขอขอบคุณแกนนำพันธมิตรฯ และประชาชนทุกคนไว้ ณ ที่นี้
ที่ยังคงยึดมั่นแนวทางการต่อสู้อย่างสันติอหิงสา ทั้งๆ ที่โดนกระทำอย่างป่าเถื่อนจากอำนาจรัฐธรรม เพราะหากแกนนำพันธมิตรฯ ละทิ้ง แนวทางต่อสู้สันติอหิงสาเมื่อใด สังคมไทยจะลื่นไถลสู่หนทางรุนแรง ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน อันจะก่อเกิดสงครามกลางเมืองผุดขึ้นทั่วทุกหย่อมหญ้า
จนหาความสงบสุขมิได้ทั้งสังคม..เพราะพันธมิตรฯ มิใช่คณะบุคคลเพียงไม่กี่คนที่ชุมนุมกันอยู่ในทำเนียบรัฐบาล หากแต่มีประชาชนและพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ที่ไม่ได้เผยหน้าค่าตาอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคนให้การสนับสนุนอยู่
ขอประณามอย่างรุนแรงต่อความอำมหิต และป่าเถื่อนของรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ฆาตกรมือเปื้อนเลือด..ที่สั่งตำรวจฆ่าประชาชนสองมือเปล่า ซึ่งต่อสู้อย่างสันติอหิงสาตามสิทธิกฎหมายรัฐธรรมนูญ จนบาดเจ็บล้มตายไปหลายร้อยคน เพื่อให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงแถลงนโยบายของรัฐบาลเถื่อน
สันติอหิงสา-ถือเป็นแนวทางการต่อสู้ของพันธมิตรฯ นับแต่เริ่มต้นตราบถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จากเวลาและปฏิบัติการต่อสู้อันยาวนาน ด้วยวิธีสันติอหิงสาเป็นสรณะของพันธมิตรฯ แม้จะมีการจัดตั้งอันธพาลการเมืองของรัฐบาลอย่าง นปก.มารังแกทำร้ายพันธมิตรฯ ถึงขั้นบาดเจ็บและสิ้นชีวิตเสมอมา จนบางครั้งผู้ร่วมชุมนุมยังถึงกับอึดอัด หงุดหงิดกับแกนนำพันธมิตรฯ ที่เอาแต่นั่งงอมืองอเท้า ให้ฝ่ายรัฐบาลเข่นฆ่าข้างเดียวมาโดยตลอด
โดยธรรมชาติแล้ว..ไม่มีมนุษย์คนไหน ยอมให้ใครมาทำร้ายตนอยู่เพียงข้างเดียวหรอก ทุกคนอยากตาต่อตา-ฟันต่อฟัน แถมบางคนยังถือสูตร มึงทำพวกกูตายหนึ่ง-พวกมึงต้องตายสอง..สาม..สี่..ห้า...
สังคมที่เกิดความรุนแรงฆ่าฟันกันนั้น เกิดขึ้นเพราะสังคมไร้ความยุติธรรม กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย หรือผู้ใช้กฎหมายโดยไม่เท่าเทียมกัน สังคมมีการเอารัดเอาเปรียบกันมากเกินไป ผู้มีอำนาจเหนือกว่าใช้อาวุธ เข้าเข่นฆ่าทำร้ายคนที่ด้อยกว่า หรือมีเพียงสองมือเปล่าอย่างป่าเถื่อน ฯลฯ
ประเทศไทยเกิดความรุนแรงถึงขั้นเข่นฆ่ากัน ทางการเมืองใหญ่ๆ อยู่หลายครั้งหลายครา ทุกครั้งเกิดขึ้นเพราะสังคมเต็มไปด้วยความอยุติธรรม ผู้มีอำนาจทางการเมืองมุ่งแต่คอร์รัปชัน แสวงหาแต่ผลประโยชน์ในหมู่พรรคพวกไม่กี่คน
เมื่อมีผู้เห็นต่างและออกมาเปิดโปงต่อสู้ขับไล่ นักธุรกิจการเมืองที่ฉ้อฉลซึ่งคุมอำนาจรัฐ ก็มักใช้กำลังทหาร-ตำรวจนำอาวุธร้ายแรง ออกเข่นฆ่าผู้เห็นต่างทางการเมืองเรื่อยมา
ทั้งในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 รวมทั้ง 17 พฤษภาคม 2535 จนกระทั่งเหตุการณ์หมาดๆ 7 ตุลาคม 2551 ที่พันธมิตรฯ กับประชาชนคนไทยหลายแสนคน ลุกขึ้นต่อสู้ขับไล่รัฐบาลน้องเขยหุ่นเชิด ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีเถื่อนที่บัลลังก์เปื้อนเลือดตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวขึ้นนั่ง!
บุรุษหน้าเนื้อ-ใจเสืออย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่สั่งสังหารโหดประชาชนคนไทย ซึ่งมีเพียง 2 มือเปล่านั้น เป็นสิ่งที่สังคมทั้งในและต่างประเทศไม่อาจรับได้
เฮ้อ..ฟันธงได้เลยว่า บัดนี้รัฐบาลฆาตกรใจอำมหิต สมชาย วงศ์สวัสดิ์ หุ่นเชิดของตระกูล “ชินวัตร”
ชะตาขาดแล้ว..แค่รอวันประกาศ..มรณะแบบไหน? วันไหน? เท่านั้นเองครับ!
เช้าวันเดียวกันนั้นเอง..สมเด็จพระบรมราชินีนาถ “แม่ของแผ่นดิน” ที่ปวงชนชาวไทยเคารพเทิดทูน ได้ทรงรับผู้บาดเจ็บทุกคนไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ทั้งยังทรงมอบพระราชทรัพย์ให้กับโรงพยาบาลหลายแห่งกว่าล้านบาทอีกด้วย
แต่นักการเมืองและตำรวจชั่ว ยังคงใช้อาวุธสงครามกระหน่ำใส่อย่างไม่ยั้งต่อไป ทำให้พสกนิกรของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ต้องตายและบาดเจ็บกว่า 400 คน แถมตำรวจไทยยังยิงทหารเสนารักษ์ ที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ส่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอีกด้วย
9 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระบรมราชินีนาถได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ให้ตัวแทนพระองค์ท่านนำพวกมาลาพระราชทานวางหน้าศพ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่เสียชีวิตเพราะการเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ของตำรวจภายใต้รัฐบาลฆาตกร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
วันที่13 ตุลาคม 2551 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่วัดศรีประวัติ จังหวัดนนทบุรี
16.00 น. ทันทีที่รถพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ แล่นเข้าสู่วัดศรีประวัติ ประชาชนราวครึ่งแสนคน ก็พร้อมใจกันตะโกนเสียงดังลั่นสนั่นฟ้าตลอดเวลาว่า..
ทรงพระเจริญ-ทรงพระเจริญ-ทรงพระเจริญ..!!!
พ่อของน้องโบว์เปิดเผยภายหลังงานพระราชทางเพลิงศพว่า...
สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงชื่นชมน้องโบว์ เป็นเด็กดีที่ออกมาปกป้องชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์!
ผมคงไม่ต้องกล่าวต่อนะครับว่า ประชาชนผู้กล้าสู้ด้วยสองมือเปล่า กับรัฐบาลอธรรมและเถื่อนที่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยการซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้ง จนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคนนั้น ทำหน้าที่ปกป้องชาติและพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิตแล้ว และยังจะต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะชนะ
ทหารใหญ่บางท่านกล่าวถึง ผบ.ทบ.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เทียบกับน.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือ “น้องโบว์” ผู้หญิงร่างเล็กๆ ที่สู้ด้วย 2 มือเปล่าว่า ใครกล้าหาญและรักชาติรักพระมหากษัตริย์มากกว่ากัน?
โอ้ย..เรื่องนี้พิสูจน์ชัดแล้วล่ะว่า “น้องโบว์” ใจถึง-ใจกล้า-รักชาติ-รักพระมหากษัตริย์-รักพระราชินี เอ..แล้ว “ป๊อก” อนุพงษ์ เผ่าจินดา น่ะมันรักชาติ-รักสถาบันพระมหากษัตริย์ไหมหว่า? แต่เรื่องใจน่ะ“ป๊อก” เทียบชั้น“น้องโบว์” ไม่ได้เลยล่ะ เพราะ ผบ.ทบ.“ป๊อกแป๊ก” คนนี้ ได้ทำให้กองทัพอันทรงเกียรติไร้ค่าลงอย่างน่าใจหาย ด้วย ผบ.ทบ.ผู้นี้ถนัดนำกองทัพยืนเคียงข้างศพประชาชนมากกว่าจะยืนปกป้องประชาชนตัวเป็นๆ ว่ะ..ฮ่าฮ่าฮ่า..
ขอขอบคุณแกนนำพันธมิตรฯ และประชาชนทุกคนไว้ ณ ที่นี้
ที่ยังคงยึดมั่นแนวทางการต่อสู้อย่างสันติอหิงสา ทั้งๆ ที่โดนกระทำอย่างป่าเถื่อนจากอำนาจรัฐธรรม เพราะหากแกนนำพันธมิตรฯ ละทิ้ง แนวทางต่อสู้สันติอหิงสาเมื่อใด สังคมไทยจะลื่นไถลสู่หนทางรุนแรง ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน อันจะก่อเกิดสงครามกลางเมืองผุดขึ้นทั่วทุกหย่อมหญ้า
จนหาความสงบสุขมิได้ทั้งสังคม..เพราะพันธมิตรฯ มิใช่คณะบุคคลเพียงไม่กี่คนที่ชุมนุมกันอยู่ในทำเนียบรัฐบาล หากแต่มีประชาชนและพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ ที่ไม่ได้เผยหน้าค่าตาอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคนให้การสนับสนุนอยู่
ขอประณามอย่างรุนแรงต่อความอำมหิต และป่าเถื่อนของรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ฆาตกรมือเปื้อนเลือด..ที่สั่งตำรวจฆ่าประชาชนสองมือเปล่า ซึ่งต่อสู้อย่างสันติอหิงสาตามสิทธิกฎหมายรัฐธรรมนูญ จนบาดเจ็บล้มตายไปหลายร้อยคน เพื่อให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงแถลงนโยบายของรัฐบาลเถื่อน
สันติอหิงสา-ถือเป็นแนวทางการต่อสู้ของพันธมิตรฯ นับแต่เริ่มต้นตราบถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จากเวลาและปฏิบัติการต่อสู้อันยาวนาน ด้วยวิธีสันติอหิงสาเป็นสรณะของพันธมิตรฯ แม้จะมีการจัดตั้งอันธพาลการเมืองของรัฐบาลอย่าง นปก.มารังแกทำร้ายพันธมิตรฯ ถึงขั้นบาดเจ็บและสิ้นชีวิตเสมอมา จนบางครั้งผู้ร่วมชุมนุมยังถึงกับอึดอัด หงุดหงิดกับแกนนำพันธมิตรฯ ที่เอาแต่นั่งงอมืองอเท้า ให้ฝ่ายรัฐบาลเข่นฆ่าข้างเดียวมาโดยตลอด
โดยธรรมชาติแล้ว..ไม่มีมนุษย์คนไหน ยอมให้ใครมาทำร้ายตนอยู่เพียงข้างเดียวหรอก ทุกคนอยากตาต่อตา-ฟันต่อฟัน แถมบางคนยังถือสูตร มึงทำพวกกูตายหนึ่ง-พวกมึงต้องตายสอง..สาม..สี่..ห้า...
สังคมที่เกิดความรุนแรงฆ่าฟันกันนั้น เกิดขึ้นเพราะสังคมไร้ความยุติธรรม กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย หรือผู้ใช้กฎหมายโดยไม่เท่าเทียมกัน สังคมมีการเอารัดเอาเปรียบกันมากเกินไป ผู้มีอำนาจเหนือกว่าใช้อาวุธ เข้าเข่นฆ่าทำร้ายคนที่ด้อยกว่า หรือมีเพียงสองมือเปล่าอย่างป่าเถื่อน ฯลฯ
ประเทศไทยเกิดความรุนแรงถึงขั้นเข่นฆ่ากัน ทางการเมืองใหญ่ๆ อยู่หลายครั้งหลายครา ทุกครั้งเกิดขึ้นเพราะสังคมเต็มไปด้วยความอยุติธรรม ผู้มีอำนาจทางการเมืองมุ่งแต่คอร์รัปชัน แสวงหาแต่ผลประโยชน์ในหมู่พรรคพวกไม่กี่คน
เมื่อมีผู้เห็นต่างและออกมาเปิดโปงต่อสู้ขับไล่ นักธุรกิจการเมืองที่ฉ้อฉลซึ่งคุมอำนาจรัฐ ก็มักใช้กำลังทหาร-ตำรวจนำอาวุธร้ายแรง ออกเข่นฆ่าผู้เห็นต่างทางการเมืองเรื่อยมา
ทั้งในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 รวมทั้ง 17 พฤษภาคม 2535 จนกระทั่งเหตุการณ์หมาดๆ 7 ตุลาคม 2551 ที่พันธมิตรฯ กับประชาชนคนไทยหลายแสนคน ลุกขึ้นต่อสู้ขับไล่รัฐบาลน้องเขยหุ่นเชิด ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีเถื่อนที่บัลลังก์เปื้อนเลือดตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวขึ้นนั่ง!
บุรุษหน้าเนื้อ-ใจเสืออย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่สั่งสังหารโหดประชาชนคนไทย ซึ่งมีเพียง 2 มือเปล่านั้น เป็นสิ่งที่สังคมทั้งในและต่างประเทศไม่อาจรับได้
เฮ้อ..ฟันธงได้เลยว่า บัดนี้รัฐบาลฆาตกรใจอำมหิต สมชาย วงศ์สวัสดิ์ หุ่นเชิดของตระกูล “ชินวัตร”
ชะตาขาดแล้ว..แค่รอวันประกาศ..มรณะแบบไหน? วันไหน? เท่านั้นเองครับ!