ในช่วงกลางปีที่ผ่านมาราคานำมันได้ทะยานสูงขึ้นมากแตะระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะในธุรกิจรถยนต์เช่าที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่เช่นเดียวกันจนแทบจะปรับตัวกันไม่ทัน แต่พอเข้าสู่ช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ของปีปัจจัยความเสี่ยงด้านราคาน้ำมันได้ลดลงไปเพราะราคาน้ำมันปรับลดลงมาต่ำกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรลแต่กลับต้องมาเผชิญกับความเสี่ยงที่น่าวิตกยิ่งกว่าเดิมคือปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย
ซึ่งสภาวะเช่นนี้ที่ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปหลายองค์กรจึงต้องปรับตัวเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปได้อย่างสอดคล้องกันกับภาวะเศรษฐกิจด้วย โดยในตลาดรถยนต์เช่าเองผู้เล่นรายใหญ่อย่าง บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) PL ก็ต้องปรับตัวเองให้อยู่รอดและยังต้องแข่งขันกับคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันให้ได้ด้วย “เกริกชัย ศิริภักดี” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ภัทร ลิสซิ่ง จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังดังนี้
Q : สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อธุรกิจนี้เพียงใด
A : การเติบโตของธุรกิจรถยนต์เช่าซึ่งเป็นธุรกิจหลักของภัทร ลิสซิ่ง จะผูกติดกับอัตราการเติบโตของยอดขายรถยนต์ซึ่งภาวะในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างโชคดีที่แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเผชิญปัญหาสภาพคล่องในระบบที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันได้ผ่อนคลายความร้อนแรงของอุตสาหกรรมรถยนต์ลงไปได้บ้าง แต่อัตราการเติบโตของตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้อาจลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงคือปีหน้าที่ตลาดจะขยายตัวติดลบมากกว่า 10%
ในส่วนการทำธุรกิจของเราเองหลักๆ แล้วก็จะเป็นรถยนต์เช่าถึง 95% ที่เหลืออีก 5% เป็นการให้เช่าเรือ เครื่องบินและเครื่องจักร โดยส่วนของรถยนต์ก็ยังสามารถเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ แต่ในส่วนของเครื่องบินและเรือก็ผูกติดกับตลาดท่องเที่ยวซึ่งผู้ประกอบการที่เช่าเครื่องบินจากเราไปก็เริ่มได้รับผลกระทบแล้วแต่ยังไม่มาถึงเรา ซึ่งในขณะนี้บริษัทก็กำลังเตรียมแผนการทำธุรกิจในปีหน้าอยู่และเตรียมเสนอให้บอร์ดพิจารณาแผนต่อไป
Q : บริษัทรับมือกับปัจจัยเสี่ยงนี้อย่างไร
A : สิ่งที่เราทำคือการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดควบคุมต้นทุนเรื่องดอกเบี้ยให้ได้รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมา รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงที่มีอยู่แน่แต่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าจะเพิ่มหรือลด ซึ่งยอมรับว่าเราเองได้รับผลกระทบเช่นกันแต่ไม่ถือว่ารุนแรงมาก ซึ่งในส่วนของลูกค้าเองก็ยังส่งค่าเช่าตรงตามปกติยังไม่มีสัญญาณว่าจะขาดส่งหรือสะดุดแต่อย่างใดเพราะบริษัทเองต้องบริหารสภาพคล่องในส่วนนี้ให้ดีเพื่อรักษาเครดิตในการระดมทุนด้วย
แต่ในวิกฤตก็ยังมีโอกาสอยู่เสมอโดยเฉพาะลูกค้าองค์กรทั่วไปที่ต้องรัดเข็มขัดเพื่อให้บริษัทอยู่รอดจะเริ่มคิดแล้วว่าหากซื้อรถเองนั้นจะต้องมีต้นทุนในด้านต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นทั้ง ค่าบำรุงรักษา อะไหล่ ค่าเสื่อมที่ต้องหักออกทุกปี ค่าประกันภัยและอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเพื่อการใช้ประโยชน์จากรถ 1 คันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นการเช่าจึงเป็นคำตอบที่ดีเป็นทางเลือกที่อาจมองว่าเหมาะสมกว่าในสถานการณ์เช่นนี้
Q : แนวทางระดมทุนในช่วงที่สภาพคล่องเริ่มมีปัญหา
A : เราเตรียมพร้อมรับปัญหาทุกอย่างจากประสบการณ์ที่เคยได้รับเมื่อวิกฤตปี 40 ทำให้เรามีความพร้อมรับมือกับปัญหาอยู่เสมอ ซึ่งในเรื่องของสภาพคล่องในระบบที่เกิดขึ้นนั้นเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เตรียมแหล่งเงินสำรองที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีจำนวน 50% ของวงเงินกู้ทั้งหมดที่เรากู้มาเพื่อให้สภาพคล่องเราไม่สะดุดหากต้องมีการใช้เงินอย่างเร่งด่วนขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ บริษัทก็เตรียมรับมือกับเหตุการณ์นี้เนื่องจากยังมีบทเรียนจากปี 40 อยู่
ในขณะที่การออกหุ้นกู้ในขณะนี้คงต้องชะลอออกไปก่อนและในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีความชัดเจนออกมาว่าจะออกตราสารประเภทใดมาระดมทุน ซึ่งในขณะนี้ต้องยอมรับว่าตลาดไม่ตอบรับหุ้นกู้ที่มีอายุเกิน 1 ปีเพราะมองว่าเป็นความเสี่ยง เงินส่วนใหญ่จะอยู่ในตราสารที่มีอายุสั้นๆ และกดดันให้ดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับที่ต่ำ หากตลาดยอมให้อายุตราสารยาวบ้างก็จะช่วยให้ผลตอบแทนดีขึ้นบ้าง ที่สำคัญในฐานที่เราเป็นผู้กู้จะต้องบริหารจัดการแหล่งเงินกู้และการใช้เงินให้เหมาะสม
Q : มองการเติบโตในปีหน้าอย่างไร
A : การเติบโตของปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้วแต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อยเนื่องจากในช่วงกลางปีราคาน้ำมันพุ่งเร็วและแรงมากและสถานการณ์คลี่คลายลงในช่วงท้ายปี โดยสินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 4.8 พันล้านบาทมาอยู่ที่ 5.4 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้(ใช้ระบบปีงบประมาณ 1 ต.ค.50 – 30 ก.ย.51) ทั้งนี้แม้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีเข้ามาอย่างมากมายแต่การดำเนินงานของบริษัทต้องก้าวหน้าต่อไปและต้องขยายตัวโดยมีความเสี่ยงที่ต่ำตามความต้องการของผู้ถือหุ้น
และสิ่งที่จะทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งจะมาจากการผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้โดยอาศัยกลไกภาครัฐเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่มีเครื่องมือในการบริหารจัดการสภาพคล่องในระบบให้หมุนเวียนได้อย่างสม่ำเสมอโดยอาศัยนโยบายการเงินและนโยบายการคลังเข้ามากระตุ้น และหากปัจจัยทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้สามารถคลี่คลายได้และระบอบการปกครองได้มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้วทุกอย่างก็น่าจะออกมาดีซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็หวังให้สถานการณ์เป็นเช่นนั้น
ซึ่งสภาวะเช่นนี้ที่ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปหลายองค์กรจึงต้องปรับตัวเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปได้อย่างสอดคล้องกันกับภาวะเศรษฐกิจด้วย โดยในตลาดรถยนต์เช่าเองผู้เล่นรายใหญ่อย่าง บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) PL ก็ต้องปรับตัวเองให้อยู่รอดและยังต้องแข่งขันกับคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันให้ได้ด้วย “เกริกชัย ศิริภักดี” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ภัทร ลิสซิ่ง จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังดังนี้
Q : สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อธุรกิจนี้เพียงใด
A : การเติบโตของธุรกิจรถยนต์เช่าซึ่งเป็นธุรกิจหลักของภัทร ลิสซิ่ง จะผูกติดกับอัตราการเติบโตของยอดขายรถยนต์ซึ่งภาวะในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างโชคดีที่แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเผชิญปัญหาสภาพคล่องในระบบที่กำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันได้ผ่อนคลายความร้อนแรงของอุตสาหกรรมรถยนต์ลงไปได้บ้าง แต่อัตราการเติบโตของตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้อาจลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงคือปีหน้าที่ตลาดจะขยายตัวติดลบมากกว่า 10%
ในส่วนการทำธุรกิจของเราเองหลักๆ แล้วก็จะเป็นรถยนต์เช่าถึง 95% ที่เหลืออีก 5% เป็นการให้เช่าเรือ เครื่องบินและเครื่องจักร โดยส่วนของรถยนต์ก็ยังสามารถเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ แต่ในส่วนของเครื่องบินและเรือก็ผูกติดกับตลาดท่องเที่ยวซึ่งผู้ประกอบการที่เช่าเครื่องบินจากเราไปก็เริ่มได้รับผลกระทบแล้วแต่ยังไม่มาถึงเรา ซึ่งในขณะนี้บริษัทก็กำลังเตรียมแผนการทำธุรกิจในปีหน้าอยู่และเตรียมเสนอให้บอร์ดพิจารณาแผนต่อไป
Q : บริษัทรับมือกับปัจจัยเสี่ยงนี้อย่างไร
A : สิ่งที่เราทำคือการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดควบคุมต้นทุนเรื่องดอกเบี้ยให้ได้รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมา รวมทั้งค่าซ่อมบำรุงที่มีอยู่แน่แต่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าจะเพิ่มหรือลด ซึ่งยอมรับว่าเราเองได้รับผลกระทบเช่นกันแต่ไม่ถือว่ารุนแรงมาก ซึ่งในส่วนของลูกค้าเองก็ยังส่งค่าเช่าตรงตามปกติยังไม่มีสัญญาณว่าจะขาดส่งหรือสะดุดแต่อย่างใดเพราะบริษัทเองต้องบริหารสภาพคล่องในส่วนนี้ให้ดีเพื่อรักษาเครดิตในการระดมทุนด้วย
แต่ในวิกฤตก็ยังมีโอกาสอยู่เสมอโดยเฉพาะลูกค้าองค์กรทั่วไปที่ต้องรัดเข็มขัดเพื่อให้บริษัทอยู่รอดจะเริ่มคิดแล้วว่าหากซื้อรถเองนั้นจะต้องมีต้นทุนในด้านต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นทั้ง ค่าบำรุงรักษา อะไหล่ ค่าเสื่อมที่ต้องหักออกทุกปี ค่าประกันภัยและอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นเพื่อการใช้ประโยชน์จากรถ 1 คันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นการเช่าจึงเป็นคำตอบที่ดีเป็นทางเลือกที่อาจมองว่าเหมาะสมกว่าในสถานการณ์เช่นนี้
Q : แนวทางระดมทุนในช่วงที่สภาพคล่องเริ่มมีปัญหา
A : เราเตรียมพร้อมรับปัญหาทุกอย่างจากประสบการณ์ที่เคยได้รับเมื่อวิกฤตปี 40 ทำให้เรามีความพร้อมรับมือกับปัญหาอยู่เสมอ ซึ่งในเรื่องของสภาพคล่องในระบบที่เกิดขึ้นนั้นเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เตรียมแหล่งเงินสำรองที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีจำนวน 50% ของวงเงินกู้ทั้งหมดที่เรากู้มาเพื่อให้สภาพคล่องเราไม่สะดุดหากต้องมีการใช้เงินอย่างเร่งด่วนขึ้นมา ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ บริษัทก็เตรียมรับมือกับเหตุการณ์นี้เนื่องจากยังมีบทเรียนจากปี 40 อยู่
ในขณะที่การออกหุ้นกู้ในขณะนี้คงต้องชะลอออกไปก่อนและในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีความชัดเจนออกมาว่าจะออกตราสารประเภทใดมาระดมทุน ซึ่งในขณะนี้ต้องยอมรับว่าตลาดไม่ตอบรับหุ้นกู้ที่มีอายุเกิน 1 ปีเพราะมองว่าเป็นความเสี่ยง เงินส่วนใหญ่จะอยู่ในตราสารที่มีอายุสั้นๆ และกดดันให้ดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับที่ต่ำ หากตลาดยอมให้อายุตราสารยาวบ้างก็จะช่วยให้ผลตอบแทนดีขึ้นบ้าง ที่สำคัญในฐานที่เราเป็นผู้กู้จะต้องบริหารจัดการแหล่งเงินกู้และการใช้เงินให้เหมาะสม
Q : มองการเติบโตในปีหน้าอย่างไร
A : การเติบโตของปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้วแต่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เล็กน้อยเนื่องจากในช่วงกลางปีราคาน้ำมันพุ่งเร็วและแรงมากและสถานการณ์คลี่คลายลงในช่วงท้ายปี โดยสินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 4.8 พันล้านบาทมาอยู่ที่ 5.4 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้(ใช้ระบบปีงบประมาณ 1 ต.ค.50 – 30 ก.ย.51) ทั้งนี้แม้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีเข้ามาอย่างมากมายแต่การดำเนินงานของบริษัทต้องก้าวหน้าต่อไปและต้องขยายตัวโดยมีความเสี่ยงที่ต่ำตามความต้องการของผู้ถือหุ้น
และสิ่งที่จะทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งจะมาจากการผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้โดยอาศัยกลไกภาครัฐเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่มีเครื่องมือในการบริหารจัดการสภาพคล่องในระบบให้หมุนเวียนได้อย่างสม่ำเสมอโดยอาศัยนโยบายการเงินและนโยบายการคลังเข้ามากระตุ้น และหากปัจจัยทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้สามารถคลี่คลายได้และระบอบการปกครองได้มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้วทุกอย่างก็น่าจะออกมาดีซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็หวังให้สถานการณ์เป็นเช่นนั้น
