ผู้จัดการรายวัน –ผงะ! ผลทดสอบแก๊สน้ำตาตำรวจ หลักฐานชัดของจีนโคตรอันตราย เผยแรงระเบิดแบบยิงทำให้เกิดหลุมขนาดกว้าง 8 ซม. ลึก 3 ซม. ขณะที่แบบขว้างทำให้เกิดหลุมกว้าง 16 ซม. ลึก 5-8 ซม.ประธานอนุฯตรวจสอบสยอง ถ้าโดนคนเนื้อคนสงสัยเละ ด้าน“หมอพรทิพย์” ขอ 2 วันสรุปผล
วานนี้(12 ต.ค.) แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะได้เดินทางมายัง บริเวณที่ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเบื้องต้นทราบว่าได้ประสานกับนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เพื่อขอเข้ามาตรวจสอบและเก็บหลักฐานที่ทางการ์ดพันธมิตรฯ ระบุว่าได้เก็บเอาไว้ได้ ภายหลังจากที่มีการเคลียร์พื้นที่ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทั้งด้านหน้ารัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จาก 5 จุดเกิดเหตุการณ์ประกอบด้วย
จุดที่1 ลานพระบรมรูปทรงม้ามีระเบิดขวดที่ทำด้วยขวดสปอร์นเซอร์และขวดกระทิงแดงอย่างละ 1 ขวดและระเบิดเพลิงทำจากกระป๋องสีพันเทปสีแดง จุดที่ 2 แยกขัตติยานีกระสุนแก๊สน้ำตา 2 ลูกจุดที่ 3 แยกอู่ทองในปอกกระสุนแก๊สน้ำตา 7 ลูกจุดที่ 4 แยกการเรือนปอกกระสุนแก๊สน้ำตา 5 ลูกและ จุดที่ 5 แยกพิชัยปอกกระสุนแก๊สน้ำตา 7 ลูกและระเบิดควัน 1 กระป๋องชนิดMP BD 2 C-CN จำนวน1 กระป๋องนอกจากนี้ ยังมีเศษกระเดื่องระเบิดและเศษกระบอกกระสุนแก๊สน้ำตาอีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ คณะของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชนิดอย่างละเอียด ทั้งลูกแก๊สน้ำตา ระเบิดแก๊สน้ำตา รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางการ์ดพันธมิตรฯ เก็บได้ โดยเมื่อมีการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว หลักฐานทั้งหมดได้ถูกผนึกเก็บไว้ในซองอย่างแน่นหนา แล้วนำไปเก็บไว้ที่ สน.พันธมิตรฯ เช่นเดิม ทั้งนี้ การเดินทางมาตรวจสอบในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจหาเพื่อหาดีเอ็นเอ ซึ่งคุณหญิงพรทิพย์ให้ความเห็นระหว่างตรวจหลักฐานต่างๆ ว่า เสียดายที่ไม่มีดีเอ็นเอติดอยู่ที่หลักฐาน จึงไม่รู้ว่าใครนำอุปกรณ์เหล่านี้มา
จากนั้น ในเวลา 14.00 น.ที่ สนามยิงปืนมณฑลทหารบกที่ 11 ถ.อำนวยสงคราม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ,พล.ท.ดนัยธร วงษ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สนว.ตร.) และพล.ท.อุทิศ สุนทร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ที่ 11 ร่วมกันทดสอบการยิงแก๊สน้ำตา ทุกชนิดที่มีในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบว่าแก๊สน้ำตาที่ตำรวจใช้สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้ารัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาสามารถทำให้เกิดอันตรายได้หรือไม่
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่าในการทดสอบวันนี้ได้นำแก๊สน้ำตาทั้งหมด ประกอบด้วยแก๊สน้ำตาประเภทลูกยิง 4 รุ่น ซึ่งผลิตในประเทศจีนและสเปน อย่างละ 1 รุ่น และผลิตในสหรัฐอเมริกา 2 รุ่น แก๊สน้ำตาชนิดขว้าง 2 รุ่นซึ่งผลิตจาก จีน และสหรัฐอเมริกา โดยจะทดสอบด้วยการยิงใส่ผ้าดิบเพื่อเก็บสารเคมีไปตรวจหาสารประกอบวัตถุระเบิด โดย สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ และ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะแยกกันไปตรวจสอบและนำผลมาเปรียบเทียบกันอีกครั้ง
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่าการทำสอบในครั้งนี้ไม่ได้ทดสอบเรื่องความรุนแรงของแก๊สน้ำตา แต่ทำเพื่อหาที่มาของสารประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งโดยทั่วไป แก๊สน้ำตาที่ได้มาตรฐานจะไม่มีสารประกอบวัตถุระเบิด
“แก๊สน้ำตาที่ทำการทดสอบทั้ง 6 รุ่น รุ่นที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกาถือว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุด ส่วนรุ่นที่คาดว่าอาจมีสารประกอบวัตถุระเบิดคือ รุ่นที่ผลิตจากจีนซึ่งมีคุณภาพต่ำ แต่จะต้องรอผลการทดสอบอีก 2 วัน ซึ่งนายสุรสีห์ โกศลนาวิน นายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์สลายการชุมนุม จะเป็นผู้แถลงผลการทดสอบต่อสาธารณชน ” ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าว
นายสุรสีห์กล่าวภายหลังร่วมสังเกตการณ์การทดสอบยิงแก๊สน้ำตา ว่า สิ่งที่เห็นชัดเจนนั้นพบว่าแก๊สน้ำตาจากประเทศจีน ทั้งชนิดยิงและขว้างมีความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากกระสอบที่ใช้เป็นเป้ายังได้รับความเสียหาย แต่หากไปตกอยู่บนตัวคนจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เมื่อดูจากเขม่าแก๊สน้ำตาจากจีนนั้นตรงกับที่พบในตัวผู้บาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนจะนำข้อมูลที่ได้ไปรวบรวมและสรุปผลอีกครั้ง ขณะที่ผลการยิงแก๊สน้ำตานั้นพบว่าชนิดยิงลูกที่ 1 รหัส 261 CN มีเสียงเบาและไปได้ไม่ไกล ซึ่งพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 2 ชื่อนันเลเทอเทคโนโลยี มีเสียงดัง เมื่อยิงถูกเป้ามีไฟลุกท่วม ซึ่งลูกที่ 1 และ 2 นี้เป็นชนิดยิงผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ลูกที่ 3 ชนิดยิงชื่อคาทูโช่ จากประเทศสเปน มีเสียงดังพร้อมควันจำนวนมาก ลูกที่ 4 ชนิดยิง ลักษณะปลอกสีเขียวจากประเทศจีน มีเสียงดังและพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 5 ชนิดขว้างจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีเสียงดังน้อย และลูกที่ 6 ชนิดขว้างจากประเทศจีน มีเสียงดังมากและพบในที่เกิดเหตุ ซึ่งชนิดนี้มีปลอกสีขาวตรงกับภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถือไว้ในมือในวันเกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่น่าสังเกตว่า แบบขว้างและยิงจากจีน มีอานุภาพความรุนแรงทั้งเวลายิงและถอดสลัก มีการระเบิดเป็น 2 จังหวะ และเกิดแรงสะเทือนจนรู้สึกได้ หากมีคนไปสัมผัสระเบิดครั้งที่ 1 เพราะคิดว่าระเบิดไปแล้ว ก็อาจได้รับอันตรายจากการระเบิดครั้งที่ 2 และหลังระเบิดจะมีควันขาวฟุ้งกระจายโดยรอบ ทั้งนี้แรงระเบิดแบบยิงจากจีน ทำให้เกิดหลุมขนาดกว้าง 8 เซนติเมตร ลึก 3 เซนติเมตร แบบขว้างจากจีน แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้าง 16 เซนติเมตร ลึก 5-8 เซนติเมตร
วานนี้(12 ต.ค.) แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะได้เดินทางมายัง บริเวณที่ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเบื้องต้นทราบว่าได้ประสานกับนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ เพื่อขอเข้ามาตรวจสอบและเก็บหลักฐานที่ทางการ์ดพันธมิตรฯ ระบุว่าได้เก็บเอาไว้ได้ ภายหลังจากที่มีการเคลียร์พื้นที่ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทั้งด้านหน้ารัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จาก 5 จุดเกิดเหตุการณ์ประกอบด้วย
จุดที่1 ลานพระบรมรูปทรงม้ามีระเบิดขวดที่ทำด้วยขวดสปอร์นเซอร์และขวดกระทิงแดงอย่างละ 1 ขวดและระเบิดเพลิงทำจากกระป๋องสีพันเทปสีแดง จุดที่ 2 แยกขัตติยานีกระสุนแก๊สน้ำตา 2 ลูกจุดที่ 3 แยกอู่ทองในปอกกระสุนแก๊สน้ำตา 7 ลูกจุดที่ 4 แยกการเรือนปอกกระสุนแก๊สน้ำตา 5 ลูกและ จุดที่ 5 แยกพิชัยปอกกระสุนแก๊สน้ำตา 7 ลูกและระเบิดควัน 1 กระป๋องชนิดMP BD 2 C-CN จำนวน1 กระป๋องนอกจากนี้ ยังมีเศษกระเดื่องระเบิดและเศษกระบอกกระสุนแก๊สน้ำตาอีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ คณะของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชนิดอย่างละเอียด ทั้งลูกแก๊สน้ำตา ระเบิดแก๊สน้ำตา รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางการ์ดพันธมิตรฯ เก็บได้ โดยเมื่อมีการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว หลักฐานทั้งหมดได้ถูกผนึกเก็บไว้ในซองอย่างแน่นหนา แล้วนำไปเก็บไว้ที่ สน.พันธมิตรฯ เช่นเดิม ทั้งนี้ การเดินทางมาตรวจสอบในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจหาเพื่อหาดีเอ็นเอ ซึ่งคุณหญิงพรทิพย์ให้ความเห็นระหว่างตรวจหลักฐานต่างๆ ว่า เสียดายที่ไม่มีดีเอ็นเอติดอยู่ที่หลักฐาน จึงไม่รู้ว่าใครนำอุปกรณ์เหล่านี้มา
จากนั้น ในเวลา 14.00 น.ที่ สนามยิงปืนมณฑลทหารบกที่ 11 ถ.อำนวยสงคราม พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ,พล.ท.ดนัยธร วงษ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สนว.ตร.) และพล.ท.อุทิศ สุนทร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ที่ 11 ร่วมกันทดสอบการยิงแก๊สน้ำตา ทุกชนิดที่มีในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบว่าแก๊สน้ำตาที่ตำรวจใช้สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้ารัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาสามารถทำให้เกิดอันตรายได้หรือไม่
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่าในการทดสอบวันนี้ได้นำแก๊สน้ำตาทั้งหมด ประกอบด้วยแก๊สน้ำตาประเภทลูกยิง 4 รุ่น ซึ่งผลิตในประเทศจีนและสเปน อย่างละ 1 รุ่น และผลิตในสหรัฐอเมริกา 2 รุ่น แก๊สน้ำตาชนิดขว้าง 2 รุ่นซึ่งผลิตจาก จีน และสหรัฐอเมริกา โดยจะทดสอบด้วยการยิงใส่ผ้าดิบเพื่อเก็บสารเคมีไปตรวจหาสารประกอบวัตถุระเบิด โดย สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ และ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะแยกกันไปตรวจสอบและนำผลมาเปรียบเทียบกันอีกครั้ง
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่าการทำสอบในครั้งนี้ไม่ได้ทดสอบเรื่องความรุนแรงของแก๊สน้ำตา แต่ทำเพื่อหาที่มาของสารประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งโดยทั่วไป แก๊สน้ำตาที่ได้มาตรฐานจะไม่มีสารประกอบวัตถุระเบิด
“แก๊สน้ำตาที่ทำการทดสอบทั้ง 6 รุ่น รุ่นที่ผลิตจากสหรัฐอเมริกาถือว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุด ส่วนรุ่นที่คาดว่าอาจมีสารประกอบวัตถุระเบิดคือ รุ่นที่ผลิตจากจีนซึ่งมีคุณภาพต่ำ แต่จะต้องรอผลการทดสอบอีก 2 วัน ซึ่งนายสุรสีห์ โกศลนาวิน นายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์สลายการชุมนุม จะเป็นผู้แถลงผลการทดสอบต่อสาธารณชน ” ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าว
นายสุรสีห์กล่าวภายหลังร่วมสังเกตการณ์การทดสอบยิงแก๊สน้ำตา ว่า สิ่งที่เห็นชัดเจนนั้นพบว่าแก๊สน้ำตาจากประเทศจีน ทั้งชนิดยิงและขว้างมีความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากกระสอบที่ใช้เป็นเป้ายังได้รับความเสียหาย แต่หากไปตกอยู่บนตัวคนจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เมื่อดูจากเขม่าแก๊สน้ำตาจากจีนนั้นตรงกับที่พบในตัวผู้บาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนจะนำข้อมูลที่ได้ไปรวบรวมและสรุปผลอีกครั้ง ขณะที่ผลการยิงแก๊สน้ำตานั้นพบว่าชนิดยิงลูกที่ 1 รหัส 261 CN มีเสียงเบาและไปได้ไม่ไกล ซึ่งพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 2 ชื่อนันเลเทอเทคโนโลยี มีเสียงดัง เมื่อยิงถูกเป้ามีไฟลุกท่วม ซึ่งลูกที่ 1 และ 2 นี้เป็นชนิดยิงผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ลูกที่ 3 ชนิดยิงชื่อคาทูโช่ จากประเทศสเปน มีเสียงดังพร้อมควันจำนวนมาก ลูกที่ 4 ชนิดยิง ลักษณะปลอกสีเขียวจากประเทศจีน มีเสียงดังและพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 5 ชนิดขว้างจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีเสียงดังน้อย และลูกที่ 6 ชนิดขว้างจากประเทศจีน มีเสียงดังมากและพบในที่เกิดเหตุ ซึ่งชนิดนี้มีปลอกสีขาวตรงกับภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถือไว้ในมือในวันเกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่น่าสังเกตว่า แบบขว้างและยิงจากจีน มีอานุภาพความรุนแรงทั้งเวลายิงและถอดสลัก มีการระเบิดเป็น 2 จังหวะ และเกิดแรงสะเทือนจนรู้สึกได้ หากมีคนไปสัมผัสระเบิดครั้งที่ 1 เพราะคิดว่าระเบิดไปแล้ว ก็อาจได้รับอันตรายจากการระเบิดครั้งที่ 2 และหลังระเบิดจะมีควันขาวฟุ้งกระจายโดยรอบ ทั้งนี้แรงระเบิดแบบยิงจากจีน ทำให้เกิดหลุมขนาดกว้าง 8 เซนติเมตร ลึก 3 เซนติเมตร แบบขว้างจากจีน แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมกว้าง 16 เซนติเมตร ลึก 5-8 เซนติเมตร