ช่วงสายวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องจารึกว่า ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยืนอ่านแผ่นเอกสารที่คัดลอกต่อๆ กันโดยเรียกว่านโยบายรัฐบาลในรัฐสภานั้น ทางหนึ่งตำรวจที่ลงมือปฏิบัติการตั้งแต่เช้าตรู่ก็ยังไม่ได้หยุดยั้งที่จะใช้อาวุธร้ายแรงสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่อาศัยสิทธิตามรัฐธรรมนูญอย่างสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธอยู่หน้ารัฐสภา
เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจอย่างสมบูรณ์ นายสมชาย และพรรคร่วมรัฐบาลไม่สนใจว่าการใช้กำลังประทุษร้ายต่อประชาชนของตำรวจจะเป็นไปอย่างไร ตั้งหน้าตั้งตาแถลงนโยบายของตนไป
ผลการปราบปรามของตำรวจส่งผลให้เป็นเช้าวัน “อังคารทมิฬ” ของประชาชนพันธมิตรฯ ที่ถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนโหดร้ายบาดเจ็บจำนวนมาก
อาวุธของตำรวจที่พยายามจะบอกว่ามีแค่ “แก๊สน้ำตา” แต่ทำไม?... ทำให้ชายผู้หนึ่งนั่งทรุดอยู่กับพื้นถนนท่ามกลางกองเลือด ขาของเขาขาดเสมอเข่า คนหนึ่งต้องเสียดวงตา คนหนึ่งนิ้วมือ นิ้วเท้าฉีกขาด ผู้หญิงคนหนึ่งเลือดอาบใบหน้า และอีกหลายๆ คนอาการสาหัส ร่างของผู้บาดเจ็บคนแล้วคนเล่าถูกลำเลียงนำส่งโรงพยาบาลละแวกใกล้เคียง
ภาพดังกล่าวนี้ปรากฏเป็นข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก!
ประชาคมสังคมโลกได้รับรู้พฤติกรรม ธาตุแท้จากการกระทำของนายสมชายอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงจากหลายฝ่ายรุมประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ทว่า.. นายสมชายและพรรคพวกไม่แยแส
นายสมชายยังคงรีบเร่งอ่านแผ่นกระดาษในมืออย่างลุกลี้ลุกลน อ่านผิดอ่านถูกเพื่ออ่านให้จบโดยเร็ว
นายสมชายอ่านแผ่นกระดาษไปเรื่อยเปื่อย อ่านเองฟังเองในหมู่พวก ไม่ต้องถามหานโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ วิกฤตการเงินสหรัฐฯ ที่กำลังส่งผลกระทบลุกลามซึมลึกอยู่ในเวลานี้ ยิ่งไม่ต้องถามหานโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะไม่มีอะไรใหม่ไปกว่ารัฐบาลนอมินีสมัคร สุนทรเวช ที่นายสมชายเซ้งต่อมา
ราว 3 ชั่วโมงที่สั้นที่สุดในแถลงนโยบายรัฐบาลเท่าที่เคยมีมา นโยบายที่เห็นชัดเจนในทางปฏิบัติของพวกเขา คือ นโยบายเข่นฆ่าประชาชน! โดยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์นอกรัฐสภา
นี่หรือคือความสง่างามของประชาธิปไตยที่นายสมชาย และระบอบทักษิณนิยมชมชอบ!!?
พิธีการแถลงนโยบายวานนี้ของนายสมชายและพวกจึงนับเป็นการแถลงนโยบายบนคราบเลือดและน้ำตาของรัฐบาลเถื่อนต่อรัฐสภาที่เรียกได้ว่า เป็นทรราชเผด็จการรวบอำนาจอย่างสมบูรณ์
แม้นายสมชาย และพรรคพวกจะแถลงนโยบายได้สำเร็จ จากนี้ไปจะอ้างตัวว่าเป็นรัฐบาลโดยความชอบธรรม แต่ถามว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นพวกเขามีสิทธิอะไรที่สั่งตำรวจทำกับประชาชนเช่นนั้น
ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกคนต่างหากที่มีสิทธิที่จะแสดงออกด้วยการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลนายสมชายได้ใช้อำนาจบริหารประเทศ
ต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลนายสมชาย ที่จัดตั้งขึ้นเป็นการสืบทอดอำนาจการบริหารจากรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ นายสมัคร สุนทรเวช ที่ถูกกระชากลงจากเก้าอี้ด้วยกระบวนการศาลสถิตยุติธรรม ขณะนี้นั้นพรรคพลังประชาชนอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะถูกยุบพรรค เพราะนายยงยุทธ ติยะไพรัช กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสินโดยคำพิพากษาของศาลฎีกาว่า ทุจริตการเลือกตั้งไปแล้ว
ความชอบธรรมในการจัดตั้งของพรรคพลังประชาชนยังอยู่ในชั้นศาล!
ไหนจะพรรคร่วม พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตยที่มีปัญหาในการได้มาซึ่งคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่สุจริตจะถูกยุบพรรคอีกเช่นกัน
ดังนั้น ผิดด้วยหรือประชาชนที่ออกมาขับไล่ปักหลักพักค้างที่ทำเนียบรัฐบาลก็ดี ล้อมรัฐสภาก็ดี
ยิ่งหากย้อนดูที่ผ่านมาซึ่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน สังคมที่ใจเป็นธรรมก็จะเห็นได้ว่า เป็นการต่อสู้ต่อต้านกับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชัน เทิดทูน ปกป้องสถาบัน ที่ระบอบทักษิณจาบจ้วงมาตลอด
พันธมิตรฯ ได้ต่อสู้กับระบอบทักษิณจนทักษิณ ชินวัตรต้องระเห็จขอลี้ภัยที่อังกฤษโดยไม่กล้ามาสู้คดีทุจริตโกงชาติในชั้นศาล ต่อมาต่อสู้กับนายสมัคร นอมินีที่พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ และ พรรคพลังประชาชนจนมีอันเป็นไป
ทุกย่างก้าว ทุกการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เป็นไปอย่างอารยะตามกติกาของประชาธิปไตยที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
ในทางตรงกันข้ามระบอบทักษิณ หรือการเมืองแบบเก่าทำให้ประชาชนหมดความหวัง พรรคการเมืองที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ซื้อเสียงเข้ามา มาแบบไม่สุจริตเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดินแล้วก็จากไป วนไปเวียนมาเหมือนสัมภเวสีสร้างความสะอิดสะเอียนเบื่อหน่ายไปทั่วย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่จะชุมนุมต่อต้าน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการจะอ้างว่า อยู่ใต้บังคับบัญชารัฐบาลจำต้องรับคำสั่งถือเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเหตุการณ์มันฟ้องว่า พวกคุณได้กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ
ขอย้ำว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุจนเป็นเหตุให้ประชาชนอันตรายทั้งกายและใจแสนสาหัส!
ประการสำคัญ การรับใช้รัฐบาลที่มีที่มาไม่ชอบธรรม ลุแก่อำนาจไม่ชอบธรรมในการสั่งการ ตำรวจที่ทำตามก็รับอำนาจที่ไม่ชอบ หรือทำตามคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายตามไปด้วย
จากนี้จึงเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากนายสมชาย และนายตำรวจผู้สั่งการ ต้องรับผิดชอบเท่านั้น!.
ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก
http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจอย่างสมบูรณ์ นายสมชาย และพรรคร่วมรัฐบาลไม่สนใจว่าการใช้กำลังประทุษร้ายต่อประชาชนของตำรวจจะเป็นไปอย่างไร ตั้งหน้าตั้งตาแถลงนโยบายของตนไป
ผลการปราบปรามของตำรวจส่งผลให้เป็นเช้าวัน “อังคารทมิฬ” ของประชาชนพันธมิตรฯ ที่ถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนโหดร้ายบาดเจ็บจำนวนมาก
อาวุธของตำรวจที่พยายามจะบอกว่ามีแค่ “แก๊สน้ำตา” แต่ทำไม?... ทำให้ชายผู้หนึ่งนั่งทรุดอยู่กับพื้นถนนท่ามกลางกองเลือด ขาของเขาขาดเสมอเข่า คนหนึ่งต้องเสียดวงตา คนหนึ่งนิ้วมือ นิ้วเท้าฉีกขาด ผู้หญิงคนหนึ่งเลือดอาบใบหน้า และอีกหลายๆ คนอาการสาหัส ร่างของผู้บาดเจ็บคนแล้วคนเล่าถูกลำเลียงนำส่งโรงพยาบาลละแวกใกล้เคียง
ภาพดังกล่าวนี้ปรากฏเป็นข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก!
ประชาคมสังคมโลกได้รับรู้พฤติกรรม ธาตุแท้จากการกระทำของนายสมชายอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงจากหลายฝ่ายรุมประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ทว่า.. นายสมชายและพรรคพวกไม่แยแส
นายสมชายยังคงรีบเร่งอ่านแผ่นกระดาษในมืออย่างลุกลี้ลุกลน อ่านผิดอ่านถูกเพื่ออ่านให้จบโดยเร็ว
นายสมชายอ่านแผ่นกระดาษไปเรื่อยเปื่อย อ่านเองฟังเองในหมู่พวก ไม่ต้องถามหานโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ วิกฤตการเงินสหรัฐฯ ที่กำลังส่งผลกระทบลุกลามซึมลึกอยู่ในเวลานี้ ยิ่งไม่ต้องถามหานโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะไม่มีอะไรใหม่ไปกว่ารัฐบาลนอมินีสมัคร สุนทรเวช ที่นายสมชายเซ้งต่อมา
ราว 3 ชั่วโมงที่สั้นที่สุดในแถลงนโยบายรัฐบาลเท่าที่เคยมีมา นโยบายที่เห็นชัดเจนในทางปฏิบัติของพวกเขา คือ นโยบายเข่นฆ่าประชาชน! โดยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์นอกรัฐสภา
นี่หรือคือความสง่างามของประชาธิปไตยที่นายสมชาย และระบอบทักษิณนิยมชมชอบ!!?
พิธีการแถลงนโยบายวานนี้ของนายสมชายและพวกจึงนับเป็นการแถลงนโยบายบนคราบเลือดและน้ำตาของรัฐบาลเถื่อนต่อรัฐสภาที่เรียกได้ว่า เป็นทรราชเผด็จการรวบอำนาจอย่างสมบูรณ์
แม้นายสมชาย และพรรคพวกจะแถลงนโยบายได้สำเร็จ จากนี้ไปจะอ้างตัวว่าเป็นรัฐบาลโดยความชอบธรรม แต่ถามว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นพวกเขามีสิทธิอะไรที่สั่งตำรวจทำกับประชาชนเช่นนั้น
ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกคนต่างหากที่มีสิทธิที่จะแสดงออกด้วยการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลนายสมชายได้ใช้อำนาจบริหารประเทศ
ต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลนายสมชาย ที่จัดตั้งขึ้นเป็นการสืบทอดอำนาจการบริหารจากรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ นายสมัคร สุนทรเวช ที่ถูกกระชากลงจากเก้าอี้ด้วยกระบวนการศาลสถิตยุติธรรม ขณะนี้นั้นพรรคพลังประชาชนอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะถูกยุบพรรค เพราะนายยงยุทธ ติยะไพรัช กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสินโดยคำพิพากษาของศาลฎีกาว่า ทุจริตการเลือกตั้งไปแล้ว
ความชอบธรรมในการจัดตั้งของพรรคพลังประชาชนยังอยู่ในชั้นศาล!
ไหนจะพรรคร่วม พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตยที่มีปัญหาในการได้มาซึ่งคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่สุจริตจะถูกยุบพรรคอีกเช่นกัน
ดังนั้น ผิดด้วยหรือประชาชนที่ออกมาขับไล่ปักหลักพักค้างที่ทำเนียบรัฐบาลก็ดี ล้อมรัฐสภาก็ดี
ยิ่งหากย้อนดูที่ผ่านมาซึ่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน สังคมที่ใจเป็นธรรมก็จะเห็นได้ว่า เป็นการต่อสู้ต่อต้านกับรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชัน เทิดทูน ปกป้องสถาบัน ที่ระบอบทักษิณจาบจ้วงมาตลอด
พันธมิตรฯ ได้ต่อสู้กับระบอบทักษิณจนทักษิณ ชินวัตรต้องระเห็จขอลี้ภัยที่อังกฤษโดยไม่กล้ามาสู้คดีทุจริตโกงชาติในชั้นศาล ต่อมาต่อสู้กับนายสมัคร นอมินีที่พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ และ พรรคพลังประชาชนจนมีอันเป็นไป
ทุกย่างก้าว ทุกการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ เป็นไปอย่างอารยะตามกติกาของประชาธิปไตยที่ทั่วโลกให้การยอมรับ
ในทางตรงกันข้ามระบอบทักษิณ หรือการเมืองแบบเก่าทำให้ประชาชนหมดความหวัง พรรคการเมืองที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ซื้อเสียงเข้ามา มาแบบไม่สุจริตเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดินแล้วก็จากไป วนไปเวียนมาเหมือนสัมภเวสีสร้างความสะอิดสะเอียนเบื่อหน่ายไปทั่วย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนที่จะชุมนุมต่อต้าน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการจะอ้างว่า อยู่ใต้บังคับบัญชารัฐบาลจำต้องรับคำสั่งถือเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเหตุการณ์มันฟ้องว่า พวกคุณได้กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ
ขอย้ำว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุจนเป็นเหตุให้ประชาชนอันตรายทั้งกายและใจแสนสาหัส!
ประการสำคัญ การรับใช้รัฐบาลที่มีที่มาไม่ชอบธรรม ลุแก่อำนาจไม่ชอบธรรมในการสั่งการ ตำรวจที่ทำตามก็รับอำนาจที่ไม่ชอบ หรือทำตามคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายตามไปด้วย
จากนี้จึงเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากนายสมชาย และนายตำรวจผู้สั่งการ ต้องรับผิดชอบเท่านั้น!.
ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก
http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th