เอเอฟพี/รอยเตอร์/ไฟแนนเชียล ไทมส์ – นักลงทุนทั่วโลกหวาดผวาหนัก ตลาดหุ้นดิ่งฮวบฮาบ กลัววิกฤตการเงินแผ่ลามยั้งไม่อยู่ในยุโรป เมื่อรัฐบาลหลายประเทศต้องวิ่งวุ่นป้องกันไม่ให้ธนาคารล้ม นอกจากนั้นแผน700,000ล้านเหรียญช่วยแบงก์ของสหรัฐฯแม้ออกมาแล้ว แต่ก็ยังระแวงกันว่าจะใช้ไม่ได้ผล
แผนการของทางการเยอรมนีที่ใช้เงิน 50,000 ล้านยูโร (68,000 ล้านดอลลาร์) ช่วยชีวิตธนาคาร ไฮโป เรียลเอสเตท และการที่แบงก์ยักษ์ฝรั่งเศส บีเอ็นพี ปาริบาส์ เข้าเทคโอเวอร์แบงก์ฟอร์ทิส ของเบลเยียม-ดัตช์ แทบไม่ช่วยให้ความปั่นป่วนผันผวนคลี่คลายลงเลย
“มีแต่ความแตกตื่นหวั่นผวาเต็มไปหมด” เป็นคำกล่าวของ เอเดรียน ฟอน ติกเกเลน นักยุทธศาสตร์อาวุโสของแบงก์ไอเอ็นจี ในกรุงเฮก
ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกดำดิ่งอย่างแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขายรอบสัปดาห์นี้ที่แถบเอเชีย โดยตอนปิดวานนี้ หุ้นโตเกียว –4.25%, ฮ่องกง –5.0%, สิงคโปร์ –5.61%, เซี่ยงไฮ้ –5.23%, มุมไบ –5.78%
ข้ามมาถึงฟากยุโรป ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน, แฟรงเฟิร์ต, หรือปารีส ดัชนีราคาหุ้นต่างก็ทรุดลงมากกว่า 5% ขณะที่วอลล์สตรีทเปิดทำการช่วงแรกๆ ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ก็หล่นลงมา 2.7%
มันเป็นการตีลังกาปักหัวกันทั่วโลกจริงๆ เมื่อการซื้อขายของตลาดหุ้นรัสเซียต้องถูกระงับไป ภายหลังดัชนีลงเหวกว่า 15% ส่วนที่อินโดนีเซียก็ติดลบ 10% , บราซิล –9.5%, และออสโล –9.0%
เศรษฐกิจที่ได้รับผลดีมากที่สุดจากความต้องการอันสูงลิ่วในสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนจากการขยายตัวอย่างลิ่วทะยานของทั่วโลกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดูจะกำลังอยู่ในอาการดำดิ่งหนักกว่าเพื่อน
ทั้งนี้นอกจากจากรัสเซียแล้ว หุ้นของประเทศแถบอ่าวเปอร์เซียก็หล่นพรวดพราด จากความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของยุโรปและสหรัฐฯจะส่งผลกระทบมาถึงภูมิภาคแถบนี้
สกุลเงิน “คราวน์”ของไอซ์แลนด์ มีค่าหล่นหายไปถึง 20% เมื่อเทียบกับ “ยูโร” หลังจากรัฐบาลของประเทศนั้นล้มเหลวไม่สามารถจัดทำแผนการสร้างเสถียรภาพออกมาได้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเทศนี้เคยเป็นเป้าหมายหลักดูดซับเงินฝากจากต่างประเทศในระยะสองสามปีนี้มานี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง ทว่าเงินเหล่านี้กำลังถูกถอนออกมาอย่างรวดเร็ว ในเมื่อพวกนักลงทุนพร้อมที่จะวิ่งหนีอะไรก็ตามที่ถูกพิจารณาว่ามีความเสี่ยง
ทางด้านรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงินของทั่วโลก ต่างกำลังวิ่งเต้นหาทางฟื้นฟูความเชื่อมั่น
ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นเสนอให้เงินกู้ 1 ล้านล้านเยน (9,680 ล้านดอลลาร์) แก่แบงก์และสถาบันการเงินต่างๆ ในการจัดประมูลเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด
เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) แถลงว่าจะเริ่มจ่ายดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกให้แก่เงินที่พวกแบงก์นำมาฝากไว้ นอกจากนั้นยังขยายปฏิบัติการอัดฉีดเงินให้แก่พวกแบงก์พาณิชย์เป็น 600,000 ล้านดอลลาร์
**ยุโรปเร่งอุ้มธนาคาร**
ทางยุโรปนั้น เยอรมนีประกาศมาตรการประกันบัญชีเงินฝากของเอกชนทุกประเภทที่อยู่ในธนาคารพาณิชย์ซึ่งมีมูลค่าถึง 568,000 ล้านยูโร ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (5) เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนตื่นตระหนกแห่กันไปถอนเงินออกจากธนาคาร หลังจากเยอรมนีได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการเงินที่ลุกลามมาจากสหรัฐฯ
“เราต้องการบอกประชาชนว่าเงินออมของพวกเขายังคงปลอดภัย” แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวในการแถลงข่าวฉุกเฉินเมื่อวันอาทิตย์ และกล่าวด้วยว่านอกจากจะคุ้มครองบัญชีที่มีอยู่ในขณะนี้แล้วก็ยังรวมไปถึงบัญชีเงินฝากที่อาจจะเปิดขึ้นในอนาคตด้วย
รัฐบาลเยอรมนียังได้ประกาศด้วยว่าบรรดาธนาคารพาณิชย์ของประเทศได้ร่วมมือกันอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตทซึ่งกำลังประสบปัญหาหนักเป็นมูลค่าถึง 15,000 ล้านยูโร ซึ่งทำให้ปริมาณเงินอัดฉีดเข้ามาสู่ธนาคารปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์แห่งนี้สูงถึง 50,000 ล้านยูโรแล้ว
การตัดสินใจเข้าอุ้มไฮโป เรียลเอสเตทของทางการเบอร์ลินจะทำให้แผนการประกันเงินฝากที่ใช้อยู่ในปัจจุบันต้องสิ้นสุดลง เพราะแผนนี้ประกันแค่ 90% ของเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ และยอดสูงสุดไม่เกิน 20,000 ยูโรเท่านั้น
ขณะที่ทางการอังกฤษและฝรั่งเศสพยายามขอข้อมูลและทำความเข้าใจกับมาตรการที่เยอรมนีประกาศออกมา ท่ามกลางความวิตกที่ว่ารัฐบาลประเทศสมาชิกอียูอาจต้องเดินตามแนวทางนี้ และให้ข้อเสนอคุ้มครองเงินฝากแก่ประชาชนเพื่อมิให้ตื่นตระหนกและพันไปถอนเงินออกจากธนาคารที่ยังมีสถานะการเงินดีทั้งหลาย และทำให้ธนาคารทรุดลง
“เราไม่แน่ใจว่ามาตรการนี้มีรายละเอียดอะไรบ้าง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของอังกฤษกล่าว และบอกว่ามีความไม่สบายใจอย่างมากที่นายกรัฐมนตรีแมร์เคิลประกาศมาตรการโดยไม่หารือกับประเทศอื่น ๆ ทั้ง ๆที่ในการประชุมสุดยอดที่ปารีสเมื่อวันเสาร์ แมร์เคิลเห็นพ้องว่าควรมีการประสานงานกันมากขึ้นระหว่างทั้งรัฐบาลต่าง ๆในการออกมาตรการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้
ในขณะเดียวกันรัฐบาลเดนมาร์กก็ออกมาประกาศในช่วงเช้าวานนี้ว่าจะประกันเงินฝากในธนาคารในประเทศทั้งหมดเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่กับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายที่จะก่อตั้งกองทุนอัดฉีดมูลค่า 35,000 ล้านโครน ปัจจุบันนี้มาตรการประกันเงินฝากของเดนมาร์กนั้นคุ้มครองบัญชีที่มีเงินอยู่ไม่เกิน 300,000 โครนเท่านั้น
รัฐบาลออสเตรียก็ประกาศมาตรการคล้ายคลึงกันตามไปอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้โครงการประกันเงินฝากของออสเตรียนั้นคุ้มครองบัญชีที่มีเงินไม่เกิน 20,000 ยูโรเท่านั้น แต่โฆษกของกระทรวงการคลังก็ออกมาบอกว่ายังไม่แน่ชัดว่ามาตรการใหม่จะประกันเงินฝากที่เพดานเท่าใด
ก่อนหน้านี้ ผู้นำของฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลีและอังกฤษได้ร่วมเข้าประชุมสุดยอดฉุกเฉินที่กรุงปารีส แหล่งข่าวกล่าวว่าทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าจะไม่ปล่อยให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่ในประเทศต่าง ๆต้องพังทลายลงมา
เจ้าหน้าที่ของทางการเยอรมนีกล่าวว่าที่รัฐบาลต้องอนุมัติมาตรการเช่นนี้ออกมาก็เพราะวิตกว่าวิกฤตจากไฮโป เรียลเอสเตทก่อให้เกิดความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ในหมู่ประชาชนหลังจากความปั่นป่วนในช่วงสุดสัปดาห์
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเบลเยียมก็บรรลุข้อตกลงกับธนาคารบีเอ็นพี บารีปาส์แห่งฝรั่งเศสเพื่อให้ธนาคารเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในสินทรัพย์ของฟอร์ทิสที่อยู่ในเบลเยี่ยม ฟอร์ทิสนั้นเป็น ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจประกันและการธนาคารของกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ที่ถูกวิกฤตสินเชื่อเล่นงานอย่างรุนแรง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธุรกิจของฟอร์ทิสที่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ก็เพิ่งถูกทางการประเทศดังกล่าวควบรวมเข้าเป็นของรัฐหลังส่ออาการขาดสภาพคล่องรุนแรงจนเป็นอันตราย
แผนการของทางการเยอรมนีที่ใช้เงิน 50,000 ล้านยูโร (68,000 ล้านดอลลาร์) ช่วยชีวิตธนาคาร ไฮโป เรียลเอสเตท และการที่แบงก์ยักษ์ฝรั่งเศส บีเอ็นพี ปาริบาส์ เข้าเทคโอเวอร์แบงก์ฟอร์ทิส ของเบลเยียม-ดัตช์ แทบไม่ช่วยให้ความปั่นป่วนผันผวนคลี่คลายลงเลย
“มีแต่ความแตกตื่นหวั่นผวาเต็มไปหมด” เป็นคำกล่าวของ เอเดรียน ฟอน ติกเกเลน นักยุทธศาสตร์อาวุโสของแบงก์ไอเอ็นจี ในกรุงเฮก
ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกดำดิ่งอย่างแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขายรอบสัปดาห์นี้ที่แถบเอเชีย โดยตอนปิดวานนี้ หุ้นโตเกียว –4.25%, ฮ่องกง –5.0%, สิงคโปร์ –5.61%, เซี่ยงไฮ้ –5.23%, มุมไบ –5.78%
ข้ามมาถึงฟากยุโรป ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน, แฟรงเฟิร์ต, หรือปารีส ดัชนีราคาหุ้นต่างก็ทรุดลงมากกว่า 5% ขณะที่วอลล์สตรีทเปิดทำการช่วงแรกๆ ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ก็หล่นลงมา 2.7%
มันเป็นการตีลังกาปักหัวกันทั่วโลกจริงๆ เมื่อการซื้อขายของตลาดหุ้นรัสเซียต้องถูกระงับไป ภายหลังดัชนีลงเหวกว่า 15% ส่วนที่อินโดนีเซียก็ติดลบ 10% , บราซิล –9.5%, และออสโล –9.0%
เศรษฐกิจที่ได้รับผลดีมากที่สุดจากความต้องการอันสูงลิ่วในสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนจากการขยายตัวอย่างลิ่วทะยานของทั่วโลกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ดูจะกำลังอยู่ในอาการดำดิ่งหนักกว่าเพื่อน
ทั้งนี้นอกจากจากรัสเซียแล้ว หุ้นของประเทศแถบอ่าวเปอร์เซียก็หล่นพรวดพราด จากความหวาดกลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของยุโรปและสหรัฐฯจะส่งผลกระทบมาถึงภูมิภาคแถบนี้
สกุลเงิน “คราวน์”ของไอซ์แลนด์ มีค่าหล่นหายไปถึง 20% เมื่อเทียบกับ “ยูโร” หลังจากรัฐบาลของประเทศนั้นล้มเหลวไม่สามารถจัดทำแผนการสร้างเสถียรภาพออกมาได้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเทศนี้เคยเป็นเป้าหมายหลักดูดซับเงินฝากจากต่างประเทศในระยะสองสามปีนี้มานี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง ทว่าเงินเหล่านี้กำลังถูกถอนออกมาอย่างรวดเร็ว ในเมื่อพวกนักลงทุนพร้อมที่จะวิ่งหนีอะไรก็ตามที่ถูกพิจารณาว่ามีความเสี่ยง
ทางด้านรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงินของทั่วโลก ต่างกำลังวิ่งเต้นหาทางฟื้นฟูความเชื่อมั่น
ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นเสนอให้เงินกู้ 1 ล้านล้านเยน (9,680 ล้านดอลลาร์) แก่แบงก์และสถาบันการเงินต่างๆ ในการจัดประมูลเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด
เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) แถลงว่าจะเริ่มจ่ายดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกให้แก่เงินที่พวกแบงก์นำมาฝากไว้ นอกจากนั้นยังขยายปฏิบัติการอัดฉีดเงินให้แก่พวกแบงก์พาณิชย์เป็น 600,000 ล้านดอลลาร์
**ยุโรปเร่งอุ้มธนาคาร**
ทางยุโรปนั้น เยอรมนีประกาศมาตรการประกันบัญชีเงินฝากของเอกชนทุกประเภทที่อยู่ในธนาคารพาณิชย์ซึ่งมีมูลค่าถึง 568,000 ล้านยูโร ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (5) เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนตื่นตระหนกแห่กันไปถอนเงินออกจากธนาคาร หลังจากเยอรมนีได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการเงินที่ลุกลามมาจากสหรัฐฯ
“เราต้องการบอกประชาชนว่าเงินออมของพวกเขายังคงปลอดภัย” แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวในการแถลงข่าวฉุกเฉินเมื่อวันอาทิตย์ และกล่าวด้วยว่านอกจากจะคุ้มครองบัญชีที่มีอยู่ในขณะนี้แล้วก็ยังรวมไปถึงบัญชีเงินฝากที่อาจจะเปิดขึ้นในอนาคตด้วย
รัฐบาลเยอรมนียังได้ประกาศด้วยว่าบรรดาธนาคารพาณิชย์ของประเทศได้ร่วมมือกันอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ธนาคารไฮโป เรียลเอสเตทซึ่งกำลังประสบปัญหาหนักเป็นมูลค่าถึง 15,000 ล้านยูโร ซึ่งทำให้ปริมาณเงินอัดฉีดเข้ามาสู่ธนาคารปล่อยกู้อสังหาริมทรัพย์แห่งนี้สูงถึง 50,000 ล้านยูโรแล้ว
การตัดสินใจเข้าอุ้มไฮโป เรียลเอสเตทของทางการเบอร์ลินจะทำให้แผนการประกันเงินฝากที่ใช้อยู่ในปัจจุบันต้องสิ้นสุดลง เพราะแผนนี้ประกันแค่ 90% ของเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ และยอดสูงสุดไม่เกิน 20,000 ยูโรเท่านั้น
ขณะที่ทางการอังกฤษและฝรั่งเศสพยายามขอข้อมูลและทำความเข้าใจกับมาตรการที่เยอรมนีประกาศออกมา ท่ามกลางความวิตกที่ว่ารัฐบาลประเทศสมาชิกอียูอาจต้องเดินตามแนวทางนี้ และให้ข้อเสนอคุ้มครองเงินฝากแก่ประชาชนเพื่อมิให้ตื่นตระหนกและพันไปถอนเงินออกจากธนาคารที่ยังมีสถานะการเงินดีทั้งหลาย และทำให้ธนาคารทรุดลง
“เราไม่แน่ใจว่ามาตรการนี้มีรายละเอียดอะไรบ้าง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของอังกฤษกล่าว และบอกว่ามีความไม่สบายใจอย่างมากที่นายกรัฐมนตรีแมร์เคิลประกาศมาตรการโดยไม่หารือกับประเทศอื่น ๆ ทั้ง ๆที่ในการประชุมสุดยอดที่ปารีสเมื่อวันเสาร์ แมร์เคิลเห็นพ้องว่าควรมีการประสานงานกันมากขึ้นระหว่างทั้งรัฐบาลต่าง ๆในการออกมาตรการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้
ในขณะเดียวกันรัฐบาลเดนมาร์กก็ออกมาประกาศในช่วงเช้าวานนี้ว่าจะประกันเงินฝากในธนาคารในประเทศทั้งหมดเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่กับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายที่จะก่อตั้งกองทุนอัดฉีดมูลค่า 35,000 ล้านโครน ปัจจุบันนี้มาตรการประกันเงินฝากของเดนมาร์กนั้นคุ้มครองบัญชีที่มีเงินอยู่ไม่เกิน 300,000 โครนเท่านั้น
รัฐบาลออสเตรียก็ประกาศมาตรการคล้ายคลึงกันตามไปอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้โครงการประกันเงินฝากของออสเตรียนั้นคุ้มครองบัญชีที่มีเงินไม่เกิน 20,000 ยูโรเท่านั้น แต่โฆษกของกระทรวงการคลังก็ออกมาบอกว่ายังไม่แน่ชัดว่ามาตรการใหม่จะประกันเงินฝากที่เพดานเท่าใด
ก่อนหน้านี้ ผู้นำของฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลีและอังกฤษได้ร่วมเข้าประชุมสุดยอดฉุกเฉินที่กรุงปารีส แหล่งข่าวกล่าวว่าทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าจะไม่ปล่อยให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่ในประเทศต่าง ๆต้องพังทลายลงมา
เจ้าหน้าที่ของทางการเยอรมนีกล่าวว่าที่รัฐบาลต้องอนุมัติมาตรการเช่นนี้ออกมาก็เพราะวิตกว่าวิกฤตจากไฮโป เรียลเอสเตทก่อให้เกิดความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ในหมู่ประชาชนหลังจากความปั่นป่วนในช่วงสุดสัปดาห์
ขณะเดียวกัน รัฐบาลเบลเยียมก็บรรลุข้อตกลงกับธนาคารบีเอ็นพี บารีปาส์แห่งฝรั่งเศสเพื่อให้ธนาคารเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในสินทรัพย์ของฟอร์ทิสที่อยู่ในเบลเยี่ยม ฟอร์ทิสนั้นเป็น ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจประกันและการธนาคารของกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ที่ถูกวิกฤตสินเชื่อเล่นงานอย่างรุนแรง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธุรกิจของฟอร์ทิสที่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ก็เพิ่งถูกทางการประเทศดังกล่าวควบรวมเข้าเป็นของรัฐหลังส่ออาการขาดสภาพคล่องรุนแรงจนเป็นอันตราย
