ศูนย์ข่าวศรีราชา -ประธานชมรมธนาคารพาณิชย์อำเภอศรีราชา เผยวิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐฯยังไม่ทำลูกค้ารายใหญ่และรายย่อยแห่ถอนเงิน แต่พฤติกรรมการออมเริ่มเปลี่ยนหันลงทุนในพันธบัตรและเก็งกำไรทองคำ เตือนกลุ่มผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบธุรกิจส่งออก ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงให้เตรียมรับมือ หากคำสั่งซื้อสินค้าลด ซึ่งอาจเห็นภาพการปิดตัวโรงงานอุตสาหกรรมของกลุ่มทุนต่างชาติมากขึ้น
นายสุรศักดิ์ จงเกื้อตระกูล เจ้าหน้าที่บริหาร และผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) สาขาศรีราชา ในฐานะประธานชมรมธนาคารพาณิชย์อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เผยว่า วิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ยังไม่กระทบต่อจิตวิทยาของกลุ่มผู้ฝากเงินรายใหญ่และย่อยในจังหวัด แต่ขณะนี้ก็เริ่มมีการสอบถามข้อมูลของสถาบันการเงินที่รับฝากเงินมากขึ้น เห็นได้จากกลุ่มผู้ฝากเงินของธนาคารกรุงเทพ สาขาศรีราชา ที่มีการโทรศัพท์สอบถามถึงผลกระทบที่จะได้รับจากการฝากเงินว่ามีหรือไม่
ทั้งนี้เนื่องจากธนาคารฯได้ลงทุนในพันธบัตรมูลค่า 3.5 พันล้านบาท กับธนาคารเลห์แมน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของสถาบันการเงินสหรัฐฯที่ได้รับผล กระทบจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว โดยธนาคารฯได้ยืนยันต่อกลุ่มผู้ฝากเงินทั่วประเทศว่า หากมีปัญหาเกิดขึ้นผู้ฝากจะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวอย่างแน่นอน เพราะธนาคารกรุงเทพ มีหลักทรัพย์และทรัพย์สินมูลค่านับแสนล้านบาทและมีกำไรจากการดำเนินธุรกิจปีละไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้าน
ดังนั้น การลงทุนในสถาบันการเงินสหรัฐฯเพียง 3.5 พันล้านบาท จึงถือเป็นการลงทุนเพียงเล็กน้อยและกลุ่มผู้ฝากจะไม่ได้รับผลกระทบจากการลงทุน
อย่างไรก็ดี กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือกลุ่มผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งขายยังต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ และขณะนี้มีแนวโน้มว่าผู้ส่งออกสินค้าจะได้รับผลกระทบจากการชะลอคำสั่งซื้อไม่น้อยกว่า 80%
“ การเข้ามาถอนเงินเพื่อเก็บไว้ของกลุ่มผู้ฝากในพื้นที่ตอนนี้ไม่มีให้เห็น แต่จะเป็นในรูปของการถอนเงินเพื่อนำไปลงทุนในพันธบัตร ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าและเก็งกำไรทองคำ ซึ่งเราก็ถือว่าเป็นการออมเงินชนิดหนึ่ง แต่สิ่งที่กังวลก็คือการถอนเงินของกลุ่มทุนต่างชาติ ซึ่งหากเขาไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ก็จะถอนเงินและปิดกิจการเดินทางกลับประเทศทันทีเนื่องจากทุนส่วนหนึ่งเขากู้จากต่างประเทศ ดังนั้น เมื่อขาดสภาพคล่องก็จะปิดกิจการ ผลที่ตามมาก็คือกลุ่มผู้ใช้แรงงานจะถูกลอยแพถึงตอนนั้นวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศเราก็จะแย่ยิ่งขึ้น”
นายสุรศักดิ์ ยังฝากเตือนไปยังกลุ่มผู้ใช้แรงงานและพนักงานกินเงินเดือนว่า จะต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถอยู่รอดในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศอาจได้รับผลกระทบ ขณะที่การดำเนินธุรกิจของกลุ่มธนาคาร ปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่ามีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งที่อยู่อาศัยหรือการลงทุนมากขึ้นและจะพิจารณาประวัติของผู้กู้มากกว่าที่เคย เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดปัญหา NPLs เช่นปี 2540 โดยภาพการเกิดใหม่ของโครงการบ้านจัดสรรในอำเภอศรีราชา ขณะนี้พบว่าลดลงจากปีก่อน ตามภาวะการจ้างงานที่เริ่มลดลง เช่นเดียวกับการขอสนับสนุนเงินกู้ เพื่อซื้อขายที่ดินที่ขณะนี้ก็ลดลงแล้วถึง 50% เช่นกัน
“ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจของภาคตะวันออก กำลังได้รับผลกระทบจากปัจจัยรอบด้านทั้งราคาน้ำมัน รายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง รวมถึงผลกระทบจากการจ้างงาน ซึ่งเมื่อดูจากยอดเปิดบัญชีธนาคารใหม่ของกลุ่มผู้ใช้แรงงานในพื้นที่ที่ปัจจุบันลดลงจากปีก่อนแล้วถึง 50%ในอนาคตคงต้องดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่า จะช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างไร ขณะที่ผู้กู้ซื้อบ้านในช่วงนี้คงจะยากสักนิด เพราะการปล่อยเงินกู้ของแบงก์จะเข้มงวดขึ้นเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว” นายสุรศักดิ์ กล่าว