ผู้จัดการรายวัน - บิ๊กจิ๋วยันไม่ได้นัดคุยพันธมิตรฯ 9 ต.ค. "จำลอง" เผยคุยทางโทรศัพท์ 2 ครั้ง ยอมรับคืบหน้า คาดสัปดาห์หน้าร่วมถกแกนนำหลังรัฐบาลแถลงนโยบาย ดันการเมืองใหม่นักการเมืองมีเกษียณ-ซื้อเสียงโดนตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต “สนธิ” ทวงถามความคืบหน้าคดีทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิ 2 ปีเงียบหาย ด้านองค์กรแรงงานฟิลิปปินส์-ไต้หวัน จี้ยกเลิกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯในข้อหากบฏ “เหลิม” ยกธงขาว ไม่ไปเปิดงานไข้เลือดออกที่ภูเก็ต
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (2 ก.ย.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งใช้เป็นสถานที่ทำงานรัฐบาลชั่วคราว เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการติดตามช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิตปฎิเสธข่าวที่ว่ามีการนัดหารือกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 9 ต.ค.นี้
"ใครเขียนก็ไม่รู้ เราไม่รู้หรอก อันนี้จริงๆแล้วการเจรจากับพันธมิตรฯ ก็เจรจามานานแล้ว" จากนั้นพล.อ.ชวลิต เดินเข้าห้องประชุมทันทีหลังการประชุมพล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าเรื่องพันธมิตรฯขอให้ใจเย็นๆ ใครไปบอกผู้สื่อข่าวว่าจะมีการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 9 ต.ค. ตนไม่ได้บอก แต่การติดต่อกันมีความคืบหน้า ซึ่งการที่จะมาบอกผู้สื่อข่าวทุกวันคงจะไม่ดี ขอให้เข้าใจด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่คุยกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯเป็นอย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไขอะไร ทำอย่างไรให้ไปสู่จุดมุ่งหมาย ที่เราต้องการร่วมกัน คือการเมืองที่ดีขึ้น เมื่อถามว่าเป็นการหาพื้นที่รองรับใหม่ หรือเป็นการตั้งข้อหากบฎใช่หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เพราะพันธมิตรฯไม่ได้คิดถึงตัวเขาเอง แต่ความถูกต้องชอบธรรม ต้องดูให้เขาเท่านั้นเอง
**จำลองคุยจิ๋วทางโทรศัพท์2ครั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมแถลงถึงกรณีที่พล.อ.ชวลิตได้รับมอบหมายจากนายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นตัวแทนของรัฐบาลเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ ถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศชาติว่า ขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ 2 ครั้งแล้ว ซึ่งท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นกันเอง มีอะไรก็จะโทรศัพท์มา โดยทางพล.อ.ชวลิต ได้บอกว่า หากตนมีเรื่องอะไรก็สามารถโทรศัพท์ติดต่อได้ทันที และถ้า พล.อ.ชวลิต มีอะไรก็โทรมาเช่นกัน
"ในการพบปะหารือกับแกนนำทั้ง 5 คน ตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดเวลาแน่นอน รอให้ท่านว่างเมื่อไร ก็สามารถมาหารือกันได้ ผมว่าคุยกันทางโทรศัพท์สะดวกรวดเร็วกว่าการมาพบกัน แต่มีข้อแม้ที่ผมได้เรียนพล.อ.ชวลิตไปว่า เมื่อท่านแนะนำอะไรมา ต้องนำไปแจ้ง 4 แกนนำรับทราบพร้อมกัน เพื่อหารือ จะได้นำไปตัดสินใจอีกครั้ง"
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า ในระดับการเจรจาก็มีพล.อ.ชวลิต ติดต่อมาพูดคุยด้วย โดยติดต่อมาทางตนโดยตรง ท่านเสนอความคิดเห็นด้วยตนเองไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาลพูดแทน ขณะนี้ยังไม่ได้ลงไปในรายละเอียด เพราะตอนนี้ท่านไม่ได้มีเฉพาะเรื่องพูดคุยกับพันธมิตรฯอย่างเดียว แต่มีเรื่องอื่นๆให้ดำเนินการอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภา วันที่ 6-8 ต.ค.นี้ ถ้าพล.อ.ชวลิต คิดอะไรได้ บอกมาเลย เราเปิดเผยทุกอย่าง เพราะสุดท้ายจะต้องบอกผู้ชุมนุมด้วยว่าจะตัดสินใจอย่างไร
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า พล.อ.ชวลิต เป็นรุ่นพี่เตรียมทหารที่ตนนับถือมาก และตนเคยเป็นลูกน้องท่านมาก่อน แต่จะไม่เอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทำให้ส่วนรวมเสียหาย เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ พล.อ.ชวลิต จะยังไม่พบกับแกนนำพันธมิตรฯ แน่นอน น่าจะเป็นสัปดาห์หน้าจะเหมาะสม เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลแถลงนโยบายไปแล้ว
**การเมืองใหม่เป็นเรื่องคนทั้งชาติ
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯ ยังไม่ได้มีการจำกัดประเด็น แต่พร้อมที่จะหารือทุกหัวข้อที่เป็นปัญหาของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองใหม่ การแก้ไขวิกฤติของชาติ การปฏิรูปการเมือง การตั้ง ส.ส.ร.3 แม้แต่การยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ มีเหตุผลที่ต้องบอกประชาชนทุกปัญหาให้สาธารณะชนได้รับทราบอย่างกว้างขวาง เพราะพันธมิตรฯไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง หรือหวังตำแหน่งทางการเมือง หรือการเข้าสู่อำนาจใดๆ ทางการเมือง
ส่วนเรื่องการเมืองใหม่ ไม่ใช่ของพันธมิตรฯจะต้องเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ที่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น พันธมิตรฯเองก็ได้มีการร่างแนวคิดและคืบหน้าไปมาก ขณะที่ ส.ส.ร.3 ยังไม่รู้ทิศทางว่ามาจากไหนบ้าง เท่าที่เห็นข่าวรัฐบาลเองยังหลงทางอยู่ ว่าการเมืองใหม่มีหน้าตาเป็นอย่างไร ทำให้เห็นว่าเป็นความคิดของการเมืองแบบเก่า นักการเมืองเก่าที่ยึดติดอำนาจ ซึ่งแนวทางของพันธมิตรฯ ต้องการให้นักการเมืองมีการเกษียณอายุเหมือนอาชีพอื่นๆ เพราะจะแก้ปัญหาการผูกขาดของบรรดา เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ในท้องถิ่น ซึ่งจะต้องกำหนดให้เกษียณอายุทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
นอกจากนี้ ในส่วนนักการเมืองที่โดนตัดสิทธิ์ 5 ปี เพราะโดนใบแดงคดีซื้อเสียง สมควรตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตไปเลย เพราะเมื่อพ้น 5 ปี ก็กลับมาซื้อเสียงอีก เมื่อคิดซื้อเสียงแล้วจะต้องลงโทษให้ถึงที่สุดด้วย ซึ่งได้มีแนวคิดการใช้มาตรฐานทางสังคม ในการตรวจสอบการทุจริต คือให้รางวัลนำจับผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งด้วย เรื่องนี้อาจจะมีปัญหาในหลายๆด้าน เพราะอาจจะมีการกลั่นแกล้งต้องมาคิดอีกว่าจะใช้มาตรการอย่างไรที่จะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบนักการเมืองให้มากที่สุด
**"จำลอง"ยัน"ป๋า"จำแม่น
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อเย็นวันที่ 1 ต.ค. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ว่า ตนขอแนะนำ นายกรัฐมนตรี หากเข้าพบกับพล.อ.เปรม แล้วยังมีการแต่งตั้งคนที่เคยนำผู้คนไปถล่ม ยืนด่าเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงที่บริเวณหน้าบ้านของ พล.อ.เปรม มามีตำแหน่งโฆษกรัฐบาล พล.อ.เปรมจะว่าอย่างไร เพราะนายสมชาย ไปขอคำแนะนำในฐานะที่ พล.อ.เปรมเป็นอดีตนายกฯ แต่เมื่อกลับออกมาแล้วตั้งคนที่ใส่ร้ายป้ายสีทำให้ พล.อ.เปรม เสียหาย ท่านคงไม่ว่าหรือโทรศัพท์ไปต่อว่านายสมชาย แต่ท่านคงจะบ่นกับคนสนิทเท่านั้น ซึ่งตนเคยอยู่กับพล.อ.เปรม มานาน ท่านเป็นคนจำแม่นมาก ว่าใครเคยทำให้ท่านเสื่อมเสีย ท่านจะจำได้แต่ท่านอาจจะไม่พูดว่าชั่ว หรือเลว แต่ท่านจะพูดอย่างมากก็เพียงว่าแย่มากเท่านั้น และรู้สึกเป็นห่วงเรื่องนี้
**"เสธ.หมึก"ขอพบ"จำลอง"
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ (เสธ.หมึก) ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต และเป็นเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ของพล.ต.จำลอง และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอพบพล.ต.จำลอง พร้อมด้วยกระเช้าผลไม้ โดยกล่าวเพียงว่า เห็นว่าพันธมิตรฯทำงานเพื่อบ้านเมือง จึงอยากมาให้กำลังใจ และตนไม่ได้พบปะพล.ต.จำลอง มานานหลายปีแล้ว จึงถือโอกาสนี้มาเยี่ยมเยือนพบปะพูดคุย
ทั้งนี้ เสธ.หมึก ปฏิเสธว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ไม่ได้เป็นใบสั่งมาจาก พล.อ.ชวลิต เพื่อปูทางก่อนที่จะมีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติปัญหาของบ้านเมืองกับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างเป็นทางการ
ต่อมา พล.ต.จำลองได้ออกมาพบกับ พล.ท.พิรัช เมื่อเห็นหน้าพล.ท.พิรัช ทางพล.ต.จำลอง ก็กล่าวทักทายว่า "สวัสดีเพื่อน" จากนั้นได้พา เสธ.หมึก เดินไปนั่งคุยกันโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวตามไป โดยบอกเพียงว่า "อยากคุยกับเพื่อนก่อน" และใช้เวลานั่งคุยกันประมาณ 20 นาที
หลังจากนั้น พล.ต.จำลอง และพล.ท. พิรัช ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ชวลิต มอบหมายให้ พล.ท.พิรัช มาดูว่าพันธมิตรฯมีความเป็นอยู่อย่างไร และการที่ เสธหมึก มาวันนี้ มาในฐานะเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิต จะมาเจรจากับพันธมิตรฯ ในวันที่ 9 ต.ค. เป็นเพียงการคาดการณ์ของพันธมิตรฯเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากให้สัมภาษณ์จบ พล.ต.จำลองได้เดินไปส่งพล.ท.พิรัช โดยเดินจูงมือกันไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
**ชี้"จิ๋ว-พันธมิตรฯ" สุดท้ายเหลว
ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผอ.รมน.ในฐานะเพื่อน จปร. 7 กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพล.ต.จำลอง ถึงแนวทางในการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะแนวความคิดของตน กับพล.ต.จำลอง ไม่เหมือนกัน แนวทางของตนคือ ต้องการรบ ส่วนของพล.ต.จำลอง คือแนวอหิงสา
"ผมว่าเรื่องคงจบลงไม่ได้ง่ายๆ เพราะข้อเรียกร้องที่กลุ่มพันธมิตรฯ เสนอไปให้รัฐบาลของนายสมชาย คงทำไม่ได้ ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยึดพาสปอร์ตของพ.ต.ท.ทักษิณ เงื่อนไขที่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องทางรัฐบาลรับไม่ได้หรอก แม้ว่ารัฐบาลจะส่งพล.อ.ชวลิต มาเคลียร์ปัญหาก็ตาม" พล.อ.พัลลภ กล่าว
**”สนธิ”จี้คดีทุจริตสุวรรณภูมิ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีฯว่า พันธมิตรทั้งหลายที่ดูเอเอสทีวีทั่วไทย สิ่งที่พวกเราได้ทำมา 100 กว่าวัน ได้เปลี่ยนฐานความคิดของคนส่วนใหญ่ไปแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้สู้ด้วยปัญญา ต่อสู้ 130-140 กว่าวันคนที่หมุนเวียนมาเป็นล้าน พวกนี้แม้ไม่สามารถมาร่วมกับเราแต่ฐานความคิดได้เปลี่ยนไปแล้ว
สังคมไทยถึงไม่เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวนี้มีคนเห็นร่วมกับเรามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนปี 2549 ปี2550 แม้กระทั่งต้นปี 2551 ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ถึงวันนี้สังคมไทยเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน พวกเราไม่ได้คาดคิดเพราะไม่ได้สังเกตุ วันนี้ผลสำรวจของเอซีนีลสัน ที่สำรวจการดูทีวีของคนไทย ที่ต่างชาติให้การเชื่อฟัง เขาทำการสำรวจระยะเวลา 30 วัน เมื่อ 3 เดือนที่แล้วก่อนมีการชุมนุม เขาเอาเอเอสทีวีเปรียบเทียบกับฟรีทีวี เขาบอกว่า ในบรรดาข่าวทั้ง 24 ช.ม.ที่คนดูทีวีอยู่
เอเอสทีวีมาอันดับ 3 ที่หนึ่งคือช่อง 3 ที่สองคือช่อง 7 ส่วนเอเอสทีวีมาที่สาม ช่อง 5, 9, 11 สู้ไม่ได้ ก่อน 25 พ.ค. ถ้าทำตอนนี้ใหม่ จะเห็นได้นี่มันเกิดจากฐานของคนมันเริ่มเปลี่ยน เราแข่งกับช่อง 3, 7 ตอน 6 โมง- 4 ทุ่ม เขาเป็นรายการบันเทิง ละครทั้งนั้น เรายังมาอันดับ 3 ส่วนเอ็นบีทียังบ๊วยเหมือนเดิม นั่นคือความสำเร็จ ที่พี่น้องไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่าสังคมไทยเปลี่ยนไปแล้วแต่เรายังไมรู้เท่านั้นเอง
นายสนธิกล่าวต่อถึงคดีความทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิด้วยว่า สงสัยว่า ตอนนี้ปปช.ทำอะไร ตอบผมหน่อยคดีทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิผ่านไปแล้ว 24 เดือนไม่มีออกมาแม้แต่คดีเดียว
“มีคนโทรมาต่อว่า กรรมการปปช.ว่านี่ไงเป็นพวกพันธมิตรแล้วเขาก็ด่า เราบอกไม่ต้องมาเป็นพวกผม ไม่ต้องมารักพวกเรา รักชาติพอแล้ว ทำงานอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว พอแล้ว พันธมิตรฯไม่ใช่คนที่ถ้าใครมาเชียร์แล้ว คนเชียร์สามารถทำชั่วได้ ไม่ต้องมาเชียร์ กำลังใจ เอาแค่เรื่องอะไรที่อยู่ในมือท่านทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เอาชาติเป็นตัวตั้งไม่รับเงินรับทองใคร แค่นั้นพอแล้ว พวกนี้ยังคิดแบบการเมืองเก่าอยู่ ผมเป็นพวกคุณ เชียร์แล้วคุณมาว่าผมได้อย่างไง คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไง”
นายสนธิกล่าวว่า ใครละที่นั่งอยู่ บอกชื่อให้ก็ได้ ก็นายภักดี โพธิศิริ ถ้าคุณรู้ ขอให้ปปช.ถามเขา ว่าคุณภักดี ทำไมคุณรับผิดชอบเรื่องนี้แล้วปล่อยให้เขามาด่าเราได้ แล้วจริงหรือไม่ที่ไม่ได้ทำออกมาเลยแม้แต่คดีเดียว ท่านประธานปปช. ไปถามเขาเลย อย่ามาแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน ให้คำตอบหน่อยว่าทำไม่คดีทุจริตสุวรรณภูมิเกี่ยวข้องหลายคน รวมทั้งเจ๊แดง (เยาวภา วงศ์สวัสดิ์) สมชาย( วงศ์สวัสดิ์) ด้วย 2 ปี ผ่านไปแล้ว ทำไมไม่มีออกมาสักเรื่อง ให้กรรมการปปช.ไปสอบถามดู ว่าหนึ่งในกรรมการใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องสุวรรณภูมิแล้วไปเช็คบิลกันเองได้ไหม
**แรงงานเทศท้วงรัฐบาลไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านองค์กรแรงงานในต่างประเทศ ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ยกเลิกข้อหากบฏ และยกเลิกการออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ (ITF) ได้ส่งหนังสือเรียกร้องถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ตามด้วยการออกมาเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นแล้ว
ต่อมาได้มีการเคลื่อนไหวขององค์กรแรงงานในฟิลิปปินส์ 2 องค์กร คือ ศูนย์สมานฉันท์แรงานฟิลิปปินส์-ICLS (Bukluran ng Manggagawang Pilipno (BMP)-ICLS) และสภาแรงงาน Pagkakaisa ng mga Manggagawasa Transportasyon (PMT) องค์กรตัวแทนของผู้ใช้แรงงานในฟิลิปปินส์ ได้จัดชุมนุมประท้วงต่อต้านการตั้งข้อหากบฏ และต่อต้านการออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ที่สถานทูตไทยในกรุงมะนิลา พร้อมกับส่งจดหมาย ถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผ่านเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า การแจ้งข้อกล่าวหากบฏนั้น ถือเป็นคดีอาญาที่มีโทษสูงสุด คือประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต แต่สิ่งที่แกนนำเหล่านี้ได้กระทำไปนั้น ไม่ได้เป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ แต่เป็นการต่อสู้ตามกฎหมาย เพื่อที่จะยับยั้งรัฐบาลที่ทำการทุจริตคอร์รัปชั่น ปกป้องรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และกำจัดรัฐบาลทุจริตขี้โกงออกไป ฉะนั้นการออกหมายจับต่อแกนนำเหล่านี้ ถือเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดอย่างยิ่ง ในการที่จะยุติการต่อสู้ของประชาชนชาวไทย
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลต้องการเป็นผู้ชนะในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงไปพร้อมๆ กับประชาชนชาวไทยทุกคน นายกรัฐมนตรีก็ต้องเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำโดยทันที
หนังสื่อดังกล่าวยังระบุด้วยว่า หากนายกรัฐมนตรี ยังคงทำเป็นหูหนวก ไม่สนใจต่อเสียงเรียกร้อง ทางกลุ่มแรงงานก็จะไม่ยุติการให้ความสนับสนุนต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ในการที่จะต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง และรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า สหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไต้หวัน (Taiwan Railway Labour Union: TRLU) ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 30 ก.ย. 51 ถึงนายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อแสดงความไม่พอใจ และยอมรับไม่ได้กรณีที่รัฐบาลไทยออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตร และเรียกร้องให้เพิกถอนหมายจับทันที
**เป็ดเหลิมหัวหด
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข กล่าวในการตรวจเยี่ยมการทำงานของกรมควบคุมโรค ต่อกรณีได้รับเชิญไปเป็นประธานในการประชุมวิชาการเรื่องโรคไข้เลือดออกระดับนานาชาติครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรม ฮิลตัน ภูเก็ตอาเคเดียรีสอร์ทว่า มีข่าวว่าจะเชิญตนไปเป็นประธานจัดงาน แล้วอาจจะมีชาวภูเก็ต 2 พันคน เตรียมจัดชุมนุมขับไล่นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ปลัดสธ. รับหน้าที่ไปเป็นประธานเปิดงานแทนแล้ว
“ผมเป็นคนจริง คนดัง แต่พันธมิตรไม่ชอบ และผมไม่ได้กลัวเสียหน้า แต่หากความคิดทางการเมืองยังไม่ลงรอยกันมีการปะทะจะเป็นที่อับอายไปทั่วโลก ในฐานะที่ผมเป็นนักการเมืองก็ขอหลีกเลี่ยงจะอับอายก็ไม่เป็นไร แต่ไม่อยากให้ประเทศเสียหายอับอายคงไม่ดี เพราะมีผู้ร่วมประชุมเป็นชาวต่างชาติจำนวนมากและหากสถานการณ์การเมืองดีขึ้นก็จะก็จะปฎิบัติภารกิจด้วยตัวเอง” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ขณะนี้บางพื้นที่มีความแตกแยกเกิดขึ้นมาก จะเดินทางไปเองก็คงไม่ดี จึงต้องมอบหมายให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข หรือปลัด สธ. ทำหน้าที่แทน ซึ่งจะต้องพิจารณาเรื่องการลงพื้นที่เป็นกรณีๆ ไป อย่างไรก็ตามในวันที่ 10-11 ตุลาคมนี้ ตนจะเดินทางไป จ.หนองคาย เพื่อเข้าร่วมพิธีแข่งเรือ.
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (2 ก.ย.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งใช้เป็นสถานที่ทำงานรัฐบาลชั่วคราว เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการติดตามช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิตปฎิเสธข่าวที่ว่ามีการนัดหารือกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 9 ต.ค.นี้
"ใครเขียนก็ไม่รู้ เราไม่รู้หรอก อันนี้จริงๆแล้วการเจรจากับพันธมิตรฯ ก็เจรจามานานแล้ว" จากนั้นพล.อ.ชวลิต เดินเข้าห้องประชุมทันทีหลังการประชุมพล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าเรื่องพันธมิตรฯขอให้ใจเย็นๆ ใครไปบอกผู้สื่อข่าวว่าจะมีการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 9 ต.ค. ตนไม่ได้บอก แต่การติดต่อกันมีความคืบหน้า ซึ่งการที่จะมาบอกผู้สื่อข่าวทุกวันคงจะไม่ดี ขอให้เข้าใจด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่คุยกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯเป็นอย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไขอะไร ทำอย่างไรให้ไปสู่จุดมุ่งหมาย ที่เราต้องการร่วมกัน คือการเมืองที่ดีขึ้น เมื่อถามว่าเป็นการหาพื้นที่รองรับใหม่ หรือเป็นการตั้งข้อหากบฎใช่หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เพราะพันธมิตรฯไม่ได้คิดถึงตัวเขาเอง แต่ความถูกต้องชอบธรรม ต้องดูให้เขาเท่านั้นเอง
**จำลองคุยจิ๋วทางโทรศัพท์2ครั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมแถลงถึงกรณีที่พล.อ.ชวลิตได้รับมอบหมายจากนายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้เป็นตัวแทนของรัฐบาลเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ ถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศชาติว่า ขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ 2 ครั้งแล้ว ซึ่งท่านเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นกันเอง มีอะไรก็จะโทรศัพท์มา โดยทางพล.อ.ชวลิต ได้บอกว่า หากตนมีเรื่องอะไรก็สามารถโทรศัพท์ติดต่อได้ทันที และถ้า พล.อ.ชวลิต มีอะไรก็โทรมาเช่นกัน
"ในการพบปะหารือกับแกนนำทั้ง 5 คน ตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดเวลาแน่นอน รอให้ท่านว่างเมื่อไร ก็สามารถมาหารือกันได้ ผมว่าคุยกันทางโทรศัพท์สะดวกรวดเร็วกว่าการมาพบกัน แต่มีข้อแม้ที่ผมได้เรียนพล.อ.ชวลิตไปว่า เมื่อท่านแนะนำอะไรมา ต้องนำไปแจ้ง 4 แกนนำรับทราบพร้อมกัน เพื่อหารือ จะได้นำไปตัดสินใจอีกครั้ง"
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า ในระดับการเจรจาก็มีพล.อ.ชวลิต ติดต่อมาพูดคุยด้วย โดยติดต่อมาทางตนโดยตรง ท่านเสนอความคิดเห็นด้วยตนเองไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาลพูดแทน ขณะนี้ยังไม่ได้ลงไปในรายละเอียด เพราะตอนนี้ท่านไม่ได้มีเฉพาะเรื่องพูดคุยกับพันธมิตรฯอย่างเดียว แต่มีเรื่องอื่นๆให้ดำเนินการอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภา วันที่ 6-8 ต.ค.นี้ ถ้าพล.อ.ชวลิต คิดอะไรได้ บอกมาเลย เราเปิดเผยทุกอย่าง เพราะสุดท้ายจะต้องบอกผู้ชุมนุมด้วยว่าจะตัดสินใจอย่างไร
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า พล.อ.ชวลิต เป็นรุ่นพี่เตรียมทหารที่ตนนับถือมาก และตนเคยเป็นลูกน้องท่านมาก่อน แต่จะไม่เอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทำให้ส่วนรวมเสียหาย เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ พล.อ.ชวลิต จะยังไม่พบกับแกนนำพันธมิตรฯ แน่นอน น่าจะเป็นสัปดาห์หน้าจะเหมาะสม เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลแถลงนโยบายไปแล้ว
**การเมืองใหม่เป็นเรื่องคนทั้งชาติ
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯ ยังไม่ได้มีการจำกัดประเด็น แต่พร้อมที่จะหารือทุกหัวข้อที่เป็นปัญหาของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองใหม่ การแก้ไขวิกฤติของชาติ การปฏิรูปการเมือง การตั้ง ส.ส.ร.3 แม้แต่การยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ มีเหตุผลที่ต้องบอกประชาชนทุกปัญหาให้สาธารณะชนได้รับทราบอย่างกว้างขวาง เพราะพันธมิตรฯไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง หรือหวังตำแหน่งทางการเมือง หรือการเข้าสู่อำนาจใดๆ ทางการเมือง
ส่วนเรื่องการเมืองใหม่ ไม่ใช่ของพันธมิตรฯจะต้องเป็นเรื่องของคนทั้งประเทศ ที่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น พันธมิตรฯเองก็ได้มีการร่างแนวคิดและคืบหน้าไปมาก ขณะที่ ส.ส.ร.3 ยังไม่รู้ทิศทางว่ามาจากไหนบ้าง เท่าที่เห็นข่าวรัฐบาลเองยังหลงทางอยู่ ว่าการเมืองใหม่มีหน้าตาเป็นอย่างไร ทำให้เห็นว่าเป็นความคิดของการเมืองแบบเก่า นักการเมืองเก่าที่ยึดติดอำนาจ ซึ่งแนวทางของพันธมิตรฯ ต้องการให้นักการเมืองมีการเกษียณอายุเหมือนอาชีพอื่นๆ เพราะจะแก้ปัญหาการผูกขาดของบรรดา เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ในท้องถิ่น ซึ่งจะต้องกำหนดให้เกษียณอายุทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ
นอกจากนี้ ในส่วนนักการเมืองที่โดนตัดสิทธิ์ 5 ปี เพราะโดนใบแดงคดีซื้อเสียง สมควรตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตไปเลย เพราะเมื่อพ้น 5 ปี ก็กลับมาซื้อเสียงอีก เมื่อคิดซื้อเสียงแล้วจะต้องลงโทษให้ถึงที่สุดด้วย ซึ่งได้มีแนวคิดการใช้มาตรฐานทางสังคม ในการตรวจสอบการทุจริต คือให้รางวัลนำจับผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้งด้วย เรื่องนี้อาจจะมีปัญหาในหลายๆด้าน เพราะอาจจะมีการกลั่นแกล้งต้องมาคิดอีกว่าจะใช้มาตรการอย่างไรที่จะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบนักการเมืองให้มากที่สุด
**"จำลอง"ยัน"ป๋า"จำแม่น
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงสวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อเย็นวันที่ 1 ต.ค. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ว่า ตนขอแนะนำ นายกรัฐมนตรี หากเข้าพบกับพล.อ.เปรม แล้วยังมีการแต่งตั้งคนที่เคยนำผู้คนไปถล่ม ยืนด่าเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมงที่บริเวณหน้าบ้านของ พล.อ.เปรม มามีตำแหน่งโฆษกรัฐบาล พล.อ.เปรมจะว่าอย่างไร เพราะนายสมชาย ไปขอคำแนะนำในฐานะที่ พล.อ.เปรมเป็นอดีตนายกฯ แต่เมื่อกลับออกมาแล้วตั้งคนที่ใส่ร้ายป้ายสีทำให้ พล.อ.เปรม เสียหาย ท่านคงไม่ว่าหรือโทรศัพท์ไปต่อว่านายสมชาย แต่ท่านคงจะบ่นกับคนสนิทเท่านั้น ซึ่งตนเคยอยู่กับพล.อ.เปรม มานาน ท่านเป็นคนจำแม่นมาก ว่าใครเคยทำให้ท่านเสื่อมเสีย ท่านจะจำได้แต่ท่านอาจจะไม่พูดว่าชั่ว หรือเลว แต่ท่านจะพูดอย่างมากก็เพียงว่าแย่มากเท่านั้น และรู้สึกเป็นห่วงเรื่องนี้
**"เสธ.หมึก"ขอพบ"จำลอง"
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ (เสธ.หมึก) ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต และเป็นเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ของพล.ต.จำลอง และพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รอง ผอ.รมน.) ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอพบพล.ต.จำลอง พร้อมด้วยกระเช้าผลไม้ โดยกล่าวเพียงว่า เห็นว่าพันธมิตรฯทำงานเพื่อบ้านเมือง จึงอยากมาให้กำลังใจ และตนไม่ได้พบปะพล.ต.จำลอง มานานหลายปีแล้ว จึงถือโอกาสนี้มาเยี่ยมเยือนพบปะพูดคุย
ทั้งนี้ เสธ.หมึก ปฏิเสธว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ไม่ได้เป็นใบสั่งมาจาก พล.อ.ชวลิต เพื่อปูทางก่อนที่จะมีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติปัญหาของบ้านเมืองกับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างเป็นทางการ
ต่อมา พล.ต.จำลองได้ออกมาพบกับ พล.ท.พิรัช เมื่อเห็นหน้าพล.ท.พิรัช ทางพล.ต.จำลอง ก็กล่าวทักทายว่า "สวัสดีเพื่อน" จากนั้นได้พา เสธ.หมึก เดินไปนั่งคุยกันโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวตามไป โดยบอกเพียงว่า "อยากคุยกับเพื่อนก่อน" และใช้เวลานั่งคุยกันประมาณ 20 นาที
หลังจากนั้น พล.ต.จำลอง และพล.ท. พิรัช ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ชวลิต มอบหมายให้ พล.ท.พิรัช มาดูว่าพันธมิตรฯมีความเป็นอยู่อย่างไร และการที่ เสธหมึก มาวันนี้ มาในฐานะเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ชวลิต จะมาเจรจากับพันธมิตรฯ ในวันที่ 9 ต.ค. เป็นเพียงการคาดการณ์ของพันธมิตรฯเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากให้สัมภาษณ์จบ พล.ต.จำลองได้เดินไปส่งพล.ท.พิรัช โดยเดินจูงมือกันไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
**ชี้"จิ๋ว-พันธมิตรฯ" สุดท้ายเหลว
ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รองผอ.รมน.ในฐานะเพื่อน จปร. 7 กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพล.ต.จำลอง ถึงแนวทางในการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะแนวความคิดของตน กับพล.ต.จำลอง ไม่เหมือนกัน แนวทางของตนคือ ต้องการรบ ส่วนของพล.ต.จำลอง คือแนวอหิงสา
"ผมว่าเรื่องคงจบลงไม่ได้ง่ายๆ เพราะข้อเรียกร้องที่กลุ่มพันธมิตรฯ เสนอไปให้รัฐบาลของนายสมชาย คงทำไม่ได้ ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยึดพาสปอร์ตของพ.ต.ท.ทักษิณ เงื่อนไขที่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องทางรัฐบาลรับไม่ได้หรอก แม้ว่ารัฐบาลจะส่งพล.อ.ชวลิต มาเคลียร์ปัญหาก็ตาม" พล.อ.พัลลภ กล่าว
**”สนธิ”จี้คดีทุจริตสุวรรณภูมิ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีฯว่า พันธมิตรทั้งหลายที่ดูเอเอสทีวีทั่วไทย สิ่งที่พวกเราได้ทำมา 100 กว่าวัน ได้เปลี่ยนฐานความคิดของคนส่วนใหญ่ไปแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้สู้ด้วยปัญญา ต่อสู้ 130-140 กว่าวันคนที่หมุนเวียนมาเป็นล้าน พวกนี้แม้ไม่สามารถมาร่วมกับเราแต่ฐานความคิดได้เปลี่ยนไปแล้ว
สังคมไทยถึงไม่เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวนี้มีคนเห็นร่วมกับเรามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนปี 2549 ปี2550 แม้กระทั่งต้นปี 2551 ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ถึงวันนี้สังคมไทยเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน พวกเราไม่ได้คาดคิดเพราะไม่ได้สังเกตุ วันนี้ผลสำรวจของเอซีนีลสัน ที่สำรวจการดูทีวีของคนไทย ที่ต่างชาติให้การเชื่อฟัง เขาทำการสำรวจระยะเวลา 30 วัน เมื่อ 3 เดือนที่แล้วก่อนมีการชุมนุม เขาเอาเอเอสทีวีเปรียบเทียบกับฟรีทีวี เขาบอกว่า ในบรรดาข่าวทั้ง 24 ช.ม.ที่คนดูทีวีอยู่
เอเอสทีวีมาอันดับ 3 ที่หนึ่งคือช่อง 3 ที่สองคือช่อง 7 ส่วนเอเอสทีวีมาที่สาม ช่อง 5, 9, 11 สู้ไม่ได้ ก่อน 25 พ.ค. ถ้าทำตอนนี้ใหม่ จะเห็นได้นี่มันเกิดจากฐานของคนมันเริ่มเปลี่ยน เราแข่งกับช่อง 3, 7 ตอน 6 โมง- 4 ทุ่ม เขาเป็นรายการบันเทิง ละครทั้งนั้น เรายังมาอันดับ 3 ส่วนเอ็นบีทียังบ๊วยเหมือนเดิม นั่นคือความสำเร็จ ที่พี่น้องไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่าสังคมไทยเปลี่ยนไปแล้วแต่เรายังไมรู้เท่านั้นเอง
นายสนธิกล่าวต่อถึงคดีความทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิด้วยว่า สงสัยว่า ตอนนี้ปปช.ทำอะไร ตอบผมหน่อยคดีทุจริตสนามบินสุวรรณภูมิผ่านไปแล้ว 24 เดือนไม่มีออกมาแม้แต่คดีเดียว
“มีคนโทรมาต่อว่า กรรมการปปช.ว่านี่ไงเป็นพวกพันธมิตรแล้วเขาก็ด่า เราบอกไม่ต้องมาเป็นพวกผม ไม่ต้องมารักพวกเรา รักชาติพอแล้ว ทำงานอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว พอแล้ว พันธมิตรฯไม่ใช่คนที่ถ้าใครมาเชียร์แล้ว คนเชียร์สามารถทำชั่วได้ ไม่ต้องมาเชียร์ กำลังใจ เอาแค่เรื่องอะไรที่อยู่ในมือท่านทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เอาชาติเป็นตัวตั้งไม่รับเงินรับทองใคร แค่นั้นพอแล้ว พวกนี้ยังคิดแบบการเมืองเก่าอยู่ ผมเป็นพวกคุณ เชียร์แล้วคุณมาว่าผมได้อย่างไง คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไง”
นายสนธิกล่าวว่า ใครละที่นั่งอยู่ บอกชื่อให้ก็ได้ ก็นายภักดี โพธิศิริ ถ้าคุณรู้ ขอให้ปปช.ถามเขา ว่าคุณภักดี ทำไมคุณรับผิดชอบเรื่องนี้แล้วปล่อยให้เขามาด่าเราได้ แล้วจริงหรือไม่ที่ไม่ได้ทำออกมาเลยแม้แต่คดีเดียว ท่านประธานปปช. ไปถามเขาเลย อย่ามาแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน ให้คำตอบหน่อยว่าทำไม่คดีทุจริตสุวรรณภูมิเกี่ยวข้องหลายคน รวมทั้งเจ๊แดง (เยาวภา วงศ์สวัสดิ์) สมชาย( วงศ์สวัสดิ์) ด้วย 2 ปี ผ่านไปแล้ว ทำไมไม่มีออกมาสักเรื่อง ให้กรรมการปปช.ไปสอบถามดู ว่าหนึ่งในกรรมการใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องสุวรรณภูมิแล้วไปเช็คบิลกันเองได้ไหม
**แรงงานเทศท้วงรัฐบาลไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านองค์กรแรงงานในต่างประเทศ ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ยกเลิกข้อหากบฏ และยกเลิกการออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ (ITF) ได้ส่งหนังสือเรียกร้องถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ตามด้วยการออกมาเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นแล้ว
ต่อมาได้มีการเคลื่อนไหวขององค์กรแรงงานในฟิลิปปินส์ 2 องค์กร คือ ศูนย์สมานฉันท์แรงานฟิลิปปินส์-ICLS (Bukluran ng Manggagawang Pilipno (BMP)-ICLS) และสภาแรงงาน Pagkakaisa ng mga Manggagawasa Transportasyon (PMT) องค์กรตัวแทนของผู้ใช้แรงงานในฟิลิปปินส์ ได้จัดชุมนุมประท้วงต่อต้านการตั้งข้อหากบฏ และต่อต้านการออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ที่สถานทูตไทยในกรุงมะนิลา พร้อมกับส่งจดหมาย ถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผ่านเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า การแจ้งข้อกล่าวหากบฏนั้น ถือเป็นคดีอาญาที่มีโทษสูงสุด คือประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต แต่สิ่งที่แกนนำเหล่านี้ได้กระทำไปนั้น ไม่ได้เป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ แต่เป็นการต่อสู้ตามกฎหมาย เพื่อที่จะยับยั้งรัฐบาลที่ทำการทุจริตคอร์รัปชั่น ปกป้องรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และกำจัดรัฐบาลทุจริตขี้โกงออกไป ฉะนั้นการออกหมายจับต่อแกนนำเหล่านี้ ถือเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดอย่างยิ่ง ในการที่จะยุติการต่อสู้ของประชาชนชาวไทย
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลต้องการเป็นผู้ชนะในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงไปพร้อมๆ กับประชาชนชาวไทยทุกคน นายกรัฐมนตรีก็ต้องเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำโดยทันที
หนังสื่อดังกล่าวยังระบุด้วยว่า หากนายกรัฐมนตรี ยังคงทำเป็นหูหนวก ไม่สนใจต่อเสียงเรียกร้อง ทางกลุ่มแรงงานก็จะไม่ยุติการให้ความสนับสนุนต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ในการที่จะต่อสู้ เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่แท้จริง และรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า สหภาพแรงงานรถไฟแห่งประเทศไต้หวัน (Taiwan Railway Labour Union: TRLU) ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 30 ก.ย. 51 ถึงนายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อแสดงความไม่พอใจ และยอมรับไม่ได้กรณีที่รัฐบาลไทยออกหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตร และเรียกร้องให้เพิกถอนหมายจับทันที
**เป็ดเหลิมหัวหด
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข กล่าวในการตรวจเยี่ยมการทำงานของกรมควบคุมโรค ต่อกรณีได้รับเชิญไปเป็นประธานในการประชุมวิชาการเรื่องโรคไข้เลือดออกระดับนานาชาติครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรม ฮิลตัน ภูเก็ตอาเคเดียรีสอร์ทว่า มีข่าวว่าจะเชิญตนไปเป็นประธานจัดงาน แล้วอาจจะมีชาวภูเก็ต 2 พันคน เตรียมจัดชุมนุมขับไล่นั้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้ปลัดสธ. รับหน้าที่ไปเป็นประธานเปิดงานแทนแล้ว
“ผมเป็นคนจริง คนดัง แต่พันธมิตรไม่ชอบ และผมไม่ได้กลัวเสียหน้า แต่หากความคิดทางการเมืองยังไม่ลงรอยกันมีการปะทะจะเป็นที่อับอายไปทั่วโลก ในฐานะที่ผมเป็นนักการเมืองก็ขอหลีกเลี่ยงจะอับอายก็ไม่เป็นไร แต่ไม่อยากให้ประเทศเสียหายอับอายคงไม่ดี เพราะมีผู้ร่วมประชุมเป็นชาวต่างชาติจำนวนมากและหากสถานการณ์การเมืองดีขึ้นก็จะก็จะปฎิบัติภารกิจด้วยตัวเอง” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ขณะนี้บางพื้นที่มีความแตกแยกเกิดขึ้นมาก จะเดินทางไปเองก็คงไม่ดี จึงต้องมอบหมายให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข หรือปลัด สธ. ทำหน้าที่แทน ซึ่งจะต้องพิจารณาเรื่องการลงพื้นที่เป็นกรณีๆ ไป อย่างไรก็ตามในวันที่ 10-11 ตุลาคมนี้ ตนจะเดินทางไป จ.หนองคาย เพื่อเข้าร่วมพิธีแข่งเรือ.