ผู้จัดการรายวัน – บิ๊กซี ฉวยเศรษฐกิจชะลอตัว - เร่งเพิ่มสัดส่วนเสื้อผ้าเฮาส์แบรนด์ในช่วง 3 ปี รับกำลังซื้อหด พร้อมรับมือคู่แข่งเพิ่มไลน์เสื้อผ้าเฮาส์แบรนด์ ทุ่ม 15 ล้านบาท เปิดตัวคอลเลกชันต้อนรับฤดูหนาว หวังดันยอดขายเสื้อผ้าเฮาส์แบรนด์โตไม่ต่ำกว่า 20% สิ้นปีรายได้รวมโต 6% เท่าปีที่ผ่านมา
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการแข่งขันของโมเดิร์นเทรด นอกจากจะมุ่งกลยุทธ์ด้านราคาแล้ว ขณะนี้ผู้ประกอบการยังมุ่งเน้นทำสินค้าเฮาส์แบรนด์กลุ่มเสื้อผ้ามากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างความแตกต่างให้กับสโตร์
อย่างไรก็ตามบิ๊กซี ซึ่งถือมีความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์เสื้อผ้า มุ่งตอกย้ำด้านราคา “แต่งตามสไตล์ที่เป็นคุณกับราคาที่ประหยัดกว่า” และทำให้เฮาส์แบรนด์เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภค โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มเสื้อผ้าจาก 55% เป็น 80% จากแผนกเสื้อผ้าในช่วง 3 ปีนี้
“แม้ว่าภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจหดตัว ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย แต่เชื่อว่าตลาดเสื้อผ้าเฮาส์แบรนด์จะเติบโตได้ ส่วนหนึ่งเพราะวางราคาไม่สูงสอดคล้องกับกำลังการซื้อของผู้บริโภค สำหรับบิ๊กซีมีสินค้าที่เริ่มต้นไม่ถึง 100 บาท สัดส่วน 25% และสินค้าที่ราคาต่ำกว่า 400 บาท สัดส่วน 95% ซึ่งถือว่าราคาสินค้าใกล้เคียงกับตลาดนัด เช่น กางเกงยีนส์ ราคา 299 บาท “
สำหรับในปีหน้าวางแผนเปิดตัวสินค้าเฮาส์แบรนด์เสื้อผ้าใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลาย จากปัจจุบันมีทั้งหมด 6 แบรนด์ อาทิ เดอะโคฟ ซี-โซน และดีไลน์ ฯลฯ ภายใต้อัมเบลล่าแบรนด์ Only @ Big C ส่วนการโฆษณาประชาสัมพันธ์เน้นผ่านทางโบรชัวร์ เป็นหลัก ซึ่งในปีนี้ได้ใช้งบราว 15 ล้านบาท พร้อมกับจัดกิจกรรม โปรโมชันในรูปแบบต่างๆ โดยเสื้อผ้าในแต่ละปีมีด้วยกัน 3 คอลเลกชัน ได้แก่ ฤดูร้อน ฝน และหนาว ล่าสุดได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาท เปิดตัวคอลเลกชันเพื่อต้อนรับฤดูหนาว เน้นคอนเซปต์มิกซ์แอนด์แมท โดยชูกลยุทธ์ราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท ทั้งนี้ยอดขายสิ้นปีนี้สินค้ากลุ่ม Only @ Big C มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นางสาวจริยา กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มสินค้าซอฟต์ไลน์ ประกอบด้วย เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ มีสัดส่วนรายได้ 15% จากยอดขายรวม สำหรับในช่วงที่ผ่านมาสินค้าเฮาส์แบรนด์เสื้อผ้ามีอัตราการเติบโต 10% โดยกลุ่มแบรนด์เดอะโคฟ มีอัตราการเติบโตมากที่สุด 16% กลุ่มเสื้อผ้าวัยรุ่น-ทำงาน โต 8% ขณะที่สินค้าดี-ไลน์ เป็นแบรนด์ที่เติบโตไว เนื่องจากแฟชั่นสอดคล้องกับความต้องการกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตามผลประกอบการสิ้นปีตั้งเป้าโต 6% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 61,600 ล้านบาท โดยกำไรเติบโต 17.8%
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการแข่งขันของโมเดิร์นเทรด นอกจากจะมุ่งกลยุทธ์ด้านราคาแล้ว ขณะนี้ผู้ประกอบการยังมุ่งเน้นทำสินค้าเฮาส์แบรนด์กลุ่มเสื้อผ้ามากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างความแตกต่างให้กับสโตร์
อย่างไรก็ตามบิ๊กซี ซึ่งถือมีความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์เสื้อผ้า มุ่งตอกย้ำด้านราคา “แต่งตามสไตล์ที่เป็นคุณกับราคาที่ประหยัดกว่า” และทำให้เฮาส์แบรนด์เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภค โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มเสื้อผ้าจาก 55% เป็น 80% จากแผนกเสื้อผ้าในช่วง 3 ปีนี้
“แม้ว่าภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจหดตัว ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย แต่เชื่อว่าตลาดเสื้อผ้าเฮาส์แบรนด์จะเติบโตได้ ส่วนหนึ่งเพราะวางราคาไม่สูงสอดคล้องกับกำลังการซื้อของผู้บริโภค สำหรับบิ๊กซีมีสินค้าที่เริ่มต้นไม่ถึง 100 บาท สัดส่วน 25% และสินค้าที่ราคาต่ำกว่า 400 บาท สัดส่วน 95% ซึ่งถือว่าราคาสินค้าใกล้เคียงกับตลาดนัด เช่น กางเกงยีนส์ ราคา 299 บาท “
สำหรับในปีหน้าวางแผนเปิดตัวสินค้าเฮาส์แบรนด์เสื้อผ้าใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลาย จากปัจจุบันมีทั้งหมด 6 แบรนด์ อาทิ เดอะโคฟ ซี-โซน และดีไลน์ ฯลฯ ภายใต้อัมเบลล่าแบรนด์ Only @ Big C ส่วนการโฆษณาประชาสัมพันธ์เน้นผ่านทางโบรชัวร์ เป็นหลัก ซึ่งในปีนี้ได้ใช้งบราว 15 ล้านบาท พร้อมกับจัดกิจกรรม โปรโมชันในรูปแบบต่างๆ โดยเสื้อผ้าในแต่ละปีมีด้วยกัน 3 คอลเลกชัน ได้แก่ ฤดูร้อน ฝน และหนาว ล่าสุดได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาท เปิดตัวคอลเลกชันเพื่อต้อนรับฤดูหนาว เน้นคอนเซปต์มิกซ์แอนด์แมท โดยชูกลยุทธ์ราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท ทั้งนี้ยอดขายสิ้นปีนี้สินค้ากลุ่ม Only @ Big C มีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นางสาวจริยา กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มสินค้าซอฟต์ไลน์ ประกอบด้วย เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ มีสัดส่วนรายได้ 15% จากยอดขายรวม สำหรับในช่วงที่ผ่านมาสินค้าเฮาส์แบรนด์เสื้อผ้ามีอัตราการเติบโต 10% โดยกลุ่มแบรนด์เดอะโคฟ มีอัตราการเติบโตมากที่สุด 16% กลุ่มเสื้อผ้าวัยรุ่น-ทำงาน โต 8% ขณะที่สินค้าดี-ไลน์ เป็นแบรนด์ที่เติบโตไว เนื่องจากแฟชั่นสอดคล้องกับความต้องการกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตามผลประกอบการสิ้นปีตั้งเป้าโต 6% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 61,600 ล้านบาท โดยกำไรเติบโต 17.8%