บิ๊กซี เร่งเครื่องสตาร์ทใหม่ปีหน้า โหมลงทุนเพิ่มสาขาใหม่อีกรอบ 3-5 สาขา ด้วยงบ 1,500 ล้านบาท หลังจากที่ปีนี้เหยียบเบรกผุดสาขาเดียว คุยโวครึ่งปีแรกยอดขายเติบโต 4%
นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้า (2553) บิ๊กซีมีแผนที่จะกลับมาลงทุนขยายสาขาเพิ่มอีก ประมาณ 3-5 แห่ง ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนจะเป็นรูปแบบใดแล้วแต่ความเหมาะสมของทำเลและพื้นที่ที่ได้มา
หลังจากที่ปีนี้ ได้ชะลอการขยายสาขา โดยปีนี้เปิดสาขาใหม่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นคือที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อปีที่แล้วบริษัทฯได้เร่งการขยายสาขาอย่างมาก เปิดไปแล้วทั้งหมด 12 สาขา ด้วยงบลงทุนกว่า 5,500 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้บิ๊กซีมีสาขารวมกันทั้งสิ้น 67 สาขา รวมกันทุกรูปแบบทั้งแบบมาตรฐาน แบบคอมแพ็ค และแบบมินิคอมแพ็ค และร้านเพรียวที่ปัจจุบันมี 7 สาขาแล้ว
สาเหตุที่ปีนี้ชะลอการลงทุนเปิดสาขาเพราะว่า สภาพเศรษฐกิจยังไม่ดี และยังไม่มีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจว่าจะเอื้อต่อการลงทุนหรือไม่ ทำให้เราทำงานหนักมากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หายไปทำให้สาขาที่อยู่ตามหัวเมืองท่องเที่ยวได้รับผลกระทบด้วย สินค้าที่ไม่มีความจำเป็นยอดขายก็ลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบิ๊กซีมีรายได้จากการขาย 34,332 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 1,274 ล้านบาท ที่มี 33,058 ล้านบาท หรือเติบโต 4% และมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ 2,069 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่มี 1,800 ล้านบาท เติบโต 14.9% และมีกำไรสุทธิ 1,319 ล้านบาท แต่หากมองเฉพาะไตรมาสสองเทียบไตรมาสแรกปี 2552 เติบโต 4% อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะเติบโต 5%
จากปีที่แล้วเติบโต 9%
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร กล่าวว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังจะยังไม่ดีขึ้น แต่เราได้เตรียมแผนการรับมือเอาไว้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าที่หันมาจับจ่ายสินค้ามากขึ้น โดยจะทำตลาด 4 โปรแกรมหลักคือ 1.รอยัลตี้โปรแกรม 2.กลยุทธ์ทำตลาดสินค้าไพรเวทเลเบล 3.การให้บริการทางการเงิน 4.การสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า
โดยบิ๊กซีได้จัดโครงการ “บิ๊กซีจัดให้” ในช่วงครึ่งปีหลังประกอบด้วย 1.บิ๊กซีจัดให้ด้วยใจและรอยยิ้ม เน้นป้ายราคาถูกต้อง มั่นใจได้รับสินค้า รับประกันคืนได้หากไม่พอใจและชำระเงินไม่ต้องรอรับรองไม่เกิน 2 คิว 2.บิ๊กซีจัดให้ช่วยครอบครัวกู้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยโปรโมชั่นต่างๆเริ่มจาก รายการแฟนราคา-แบรนด์แฟร์ ถึงวันที่ 29 ส.ค.นี้ และ3.บิ๊กซีจัดให้บริการด้านการเงิน ภายใต้โครงการผ่อนสั้นผ่อนยาว
นางสาวจริยากล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้สินค้าเงินผ่อนมีสัดส่วนประมาณ 28-30% ซึ่งจะเป็นสินค้าที่ขนาดใหญ่และมีราคามากกว่า 3,000 บาทขึ้นไป หรือพวกสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เครื่องออกกำลังกาย รถจักรยาน เป็นต้น ซึ่งกลุ่มนี้สร้างรายได้ในสัดส่วนให้กับบิ๊กซีประมาณ 20-25% ทั้งนี้ปริมาณการใช้จ่ายของลูกค้าเฉลี่ย 550 บาทต่อครั้ง
นางสาวรำภา คำหอมรื่น รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้า (2553) บิ๊กซีมีแผนที่จะกลับมาลงทุนขยายสาขาเพิ่มอีก ประมาณ 3-5 แห่ง ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 1,500 ล้านบาท ส่วนจะเป็นรูปแบบใดแล้วแต่ความเหมาะสมของทำเลและพื้นที่ที่ได้มา
หลังจากที่ปีนี้ ได้ชะลอการขยายสาขา โดยปีนี้เปิดสาขาใหม่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นคือที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่เมื่อปีที่แล้วบริษัทฯได้เร่งการขยายสาขาอย่างมาก เปิดไปแล้วทั้งหมด 12 สาขา ด้วยงบลงทุนกว่า 5,500 ล้านบาท ทำให้ขณะนี้บิ๊กซีมีสาขารวมกันทั้งสิ้น 67 สาขา รวมกันทุกรูปแบบทั้งแบบมาตรฐาน แบบคอมแพ็ค และแบบมินิคอมแพ็ค และร้านเพรียวที่ปัจจุบันมี 7 สาขาแล้ว
สาเหตุที่ปีนี้ชะลอการลงทุนเปิดสาขาเพราะว่า สภาพเศรษฐกิจยังไม่ดี และยังไม่มีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจว่าจะเอื้อต่อการลงทุนหรือไม่ ทำให้เราทำงานหนักมากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หายไปทำให้สาขาที่อยู่ตามหัวเมืองท่องเที่ยวได้รับผลกระทบด้วย สินค้าที่ไม่มีความจำเป็นยอดขายก็ลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบิ๊กซีมีรายได้จากการขาย 34,332 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 1,274 ล้านบาท ที่มี 33,058 ล้านบาท หรือเติบโต 4% และมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ 2,069 ล้านบาท เพิ่มจากเดิมที่มี 1,800 ล้านบาท เติบโต 14.9% และมีกำไรสุทธิ 1,319 ล้านบาท แต่หากมองเฉพาะไตรมาสสองเทียบไตรมาสแรกปี 2552 เติบโต 4% อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้ทั้งปีจะเติบโต 5%
จากปีที่แล้วเติบโต 9%
นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร กล่าวว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังจะยังไม่ดีขึ้น แต่เราได้เตรียมแผนการรับมือเอาไว้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าที่หันมาจับจ่ายสินค้ามากขึ้น โดยจะทำตลาด 4 โปรแกรมหลักคือ 1.รอยัลตี้โปรแกรม 2.กลยุทธ์ทำตลาดสินค้าไพรเวทเลเบล 3.การให้บริการทางการเงิน 4.การสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า
โดยบิ๊กซีได้จัดโครงการ “บิ๊กซีจัดให้” ในช่วงครึ่งปีหลังประกอบด้วย 1.บิ๊กซีจัดให้ด้วยใจและรอยยิ้ม เน้นป้ายราคาถูกต้อง มั่นใจได้รับสินค้า รับประกันคืนได้หากไม่พอใจและชำระเงินไม่ต้องรอรับรองไม่เกิน 2 คิว 2.บิ๊กซีจัดให้ช่วยครอบครัวกู้วิกฤตเศรษฐกิจ โดยโปรโมชั่นต่างๆเริ่มจาก รายการแฟนราคา-แบรนด์แฟร์ ถึงวันที่ 29 ส.ค.นี้ และ3.บิ๊กซีจัดให้บริการด้านการเงิน ภายใต้โครงการผ่อนสั้นผ่อนยาว
นางสาวจริยากล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้สินค้าเงินผ่อนมีสัดส่วนประมาณ 28-30% ซึ่งจะเป็นสินค้าที่ขนาดใหญ่และมีราคามากกว่า 3,000 บาทขึ้นไป หรือพวกสินค้าเฟอร์นิเจอร์ เครื่องออกกำลังกาย รถจักรยาน เป็นต้น ซึ่งกลุ่มนี้สร้างรายได้ในสัดส่วนให้กับบิ๊กซีประมาณ 20-25% ทั้งนี้ปริมาณการใช้จ่ายของลูกค้าเฉลี่ย 550 บาทต่อครั้ง