xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ยื้อชี้ชะตาวิฑูรย์เจ๊สดติดทำวีซีไปสหรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนการร้องคัดค้านนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า หลังจากที่นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนได้เสนออเรื่อองเข้าสู่วาระการประชุมของ กกต.เพื่อลงมติ แต่ขณะนี้ที่ประชุมยังไม่ได้ลงมติ เนื่องจากนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง ติดภารกิจทำวีซ่าเพื่อเดินทางไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา จึงไม่ได้เข้าร่วมประชุม ซึ่งกกต.คนอื่นเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญควรรอ ให้อยู่ครบทั้งหมด ตนจึงได้พยายามติดต่อนางสดศรี ว่าจะสามารถกลับมาร่วมประชุมในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ได้หรือไม่
ด้านนางสดศรี สัตยธรรม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า กำลังทำเรื่องขอวีซ่า เพื่อเดินทางไปดูงานระหว่างวันที่ 7-16 ต.ค. และยังต้องเตรียมเอกสารสำคัญหลายรายการจึงอยากจะจัดการเรื่องตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน เพื่อให้ทันกับกำหนดการการเดินทาง ซึ่งการประชุม กกต. แม้ไม่มีตน ก็ยังเหลือกรรมการอีก 4 คนถือว่าครบองค์ประชุมสามารถลงมติได้ออยู่แล้ว
ขอตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนสำนวนดังกล่าวในชั้นอนุกรรมการนั้น มีเหลือเพียง 3 คน จากเดิมที่มีอยู่ 5 คน ก็ยังสามารถสรุปสำนวนส่งมาถึง กกต.ได้ แล้วเหตุใด กกต.ที่เหลือ 4 คน จะลงมติไม่ได้ เพราะตามกฎหมายก็ถือว่าครบองค์ประชุมแล้ว ดิฉันยืนยันว่าคงไม่สามารถกลับเข้าไปร่วมประชุมในวันเดียวกันนี้ได้แน่ เพราะการเตรียมตัวเดินทางต้องใช้เวลาทั้งวัน และประสานไปยังเลขาธิการ กกต.แล้ว โดยเสนอให้จัดประชุมนัดพิเศษเพื่อลงมติเรื่องนี้ในวันนี้ ( 3 ต.ค.) ได้หรือไม่ เพราะ ดิฉันว่าง แต่ปรากฏว่ามี กกต.บางคนมีกำหนดการเดินทางไปต่างจังหวัด ตรงนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ที่ผ่านมามักจะมีข่าวหลุดออกไปก่อน ตั้งแต่ในชั้นของอนุกรรมการว่า มีมติว่าอย่างไร และก็เป็นไปตามข่าวเสียทุกครั้ง ครั้งนี้ก็มีข่าวว่าอนุกรรมการ มีมติให้ใบขาว ก็ไม่รู้ว่าจะตรงอีกหรือเปล่าทั้งๆ ที่เรื่องก็ยังไม่เข้าที่ประชุม กกต.
ส่วนนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ยืนยันว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า สมควรรอนางสดศรี เนื่องจากสำนวนดังกล่าวมีความสำคัญ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังประสานอยู่ หากมาร่วมประชุมก็สามารถลงมติได้ทันที เพราะ กกต.ทุกคนได้อ่าน สำนวนมาเรียบร้อยหมดแล้ว

เลื่อนลงมติวิฑูรย์ไปกลางเดือน
นายสุทธิพล ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ตามหลักกฎหมายแล้ว กกต.ที่เหลือ 4 คน ถือว่าครบองค์ประชุม สามารถลงมติได้ แต่เนื่องจากสำนวนของนายวิฑูรย์ อยู่ในความสนใจของประชาชน และสื่อมวลชน ที่ประชุม กกต. จึงเห็นว่า หากมีการลงมติก็ควรให้กรรมการครบทั้ง 5 คนก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการพิจารณาเพื่อลงมติในเรื่องดังกล่าวได้หลังจากวันที่ 16 ต.ค. ภายหลังที่นางสดศรีกลับจากไปดูงานเรื่องการเลือกตั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ส่วนที่ไม่สามารถจัดประชุมกกต.นัดพิเศษในวันนี้ (3 ก.ย.) เพราะนาย สุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วมติดกำหนดการไปต่างจังหวัด

กกต.ได้ฤกษ์ตั้งสำนักวินิจฉัยและคดี
นายสุทธิพล กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กกต.ได้มีการจัดตั้งสำนักวินิจฉัยและคดี (สวค.) ตามมติกกต.ที่105/2551 มีอำนาจบริหารจัดการงาน จัดทำคำวินิจฉัย งานจัดทำความเห็นของกกต. งานจัดทำคำร้องยื่นต่อ ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ หรือศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี รวมทั้งการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลเกี่ยวกับการกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ร.บ.ลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ร.บ.เลือกตั้งผู้บริหาร และสมาชิกสภาท้องถิ่น และพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตลอดจนศึกษา วิเคราะห์ เสนอแนะรูปแบบ ระบบ ระเบียบวิธีการสืบสวนสอบสวน และให้คำแนะนำแนวทางการสืบสวนสอบสวนให้สอดคล้องหรือเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาล รวบรวมข้อมูล สถิติ และจัดทำระบบข้อมูลสนเทศที่เกี่ยวกับงานด้านการจัดทำคำวินิจฉัยและดำเนินคดีในศาล เพื่อบริหารจัดการงานเกี่ยวกับการเก็บรักษาสำนวนที่ได้ดำเนินการสอบสวนการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลเสร็จสิ้นแล้ว
ทั้งนี้สำนักวินิจฉัยและคดีจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม มี พ.ต.ท.ธวัชชัย แสวงทรัพย์ เป็นผู้อำนวยการสำนัก ประกอบด้วย 4 ฝ่าย คือฝ่ายการจัดทำคำวินิจฉัยและดำเนินคดีในศาล 1 ฝ่ายการจัดทำคำวินิจฉัยและดำเนินคดีในศาล 2 ฝ่าย การจัดทำคำวินิจฉัยและดำเนินคดีในศาล 3 และงานอำนวยการ มีพนักงานและเจ้าหน้าที่จำนวน 40 กว่าคน
นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อช่วยตรวจร่างสำนวนและวินิจฉัยคดีซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิมีความรู้ ความสามารถทางกฎหมาย มีความประพฤติดี ซื่อสัตย์ และไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองจากหน่วยงานภายนอกหลายแห่ง เช่น อัยการ ผู้พิพากษา ศาล ทนายความ เพื่อมาช่วยตรวจทานสำนวนค้างเก่าและร่างสำนวน ก่อนเสนอกกกต.ตลอดจนดำเนินการตรวจสอบคำร้องที่ต้องส่งไปสู่ศาลด้วย
การจัดตั้งสำนักวินิจฉัยและคดี เป็นการปรับวิธีการบริหารงานภายใน เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ เพราะขณะนี้มีสำนวน ที่ต้องยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาทั้งสิ้น 57 เรื่อง แยกเป็นสำนวนคำร้องส.ส. 4 เรื่อง ส.ว.1 เรื่อง และสำนวนคำร้องเลือกตั้งท้องถิ่นที่ต้องยื่นต่อศาลอุทธรณ์ อีกจำนวน 52 เรื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น