การเมืองรุมทึ้งงบคมนาคม ปี 52 เกือบ แสนล้านบาท คาดเร่งเบิกจ่าย เปิดประมูลโครงการเสร็จภายใน 4 เดือนแรก เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งก่อนตัดสินคดียุบพรรค ขณะ 2 รมต.จากพรรคชาติไทย-พลังประชาชนขอคุมกรมทางหลวงชนบท เล็งงาบงบโครงการถนนปลอดฝุ่น 34,200ล้านบาท เพื่อโกยคะแนนเสียง
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากประเด็นทางการเมืองที่จะมีการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนในเร็วๆ นี้ทำให้นักการเมืองต่างเร่งการทำงานโดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2552 ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมทั้งหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการจัดสรร รวมกว่า 97,999 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณประจำปี 2551 ที่ได้รับการจัดสรรประมาณ 87,700ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ11.7% และคาดว่าจะมีการเริ่มเบิกจ่ายเร่งการประมูลโครงการต่างๆ ให้เสร็จ ตั้งแต่ ช่วง 4 เดือนแรก (ต.ค.-51-ม.ค.52 ) เพื่อให้ทันหากจะมีการยุบสภาเพื่อหนีคดียุบพรรค
ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีและมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ จากพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นั้นการผลักดันนโยบายของรัฐบาลทางด้านคมนาคม ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่เนื่องจากไม่มีงบประมาณมารองรับ เพราะงบประมาณประจำปี 2551ส่วนใหญ่มีการวางโครงการไว้รองรับตั้งแต่พลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม คนก่อนหน้านี้แล้ว
ทำให้การทำงานของนายสันติ เป็นเพียงการวางแผนและแต่งตั้งบุคคลและข้าราชการระดับสูงที่ไว้ใจเข้าไปเป็นผู้บริหารในรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานทีมีความสำคัญและได้รับงบประมาณในแต่ละปีจำนวนมาก เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท เพื่อวางงบประมาณสำหรับปี 2552 เท่านั้น และคาดว่าการที่นายสันติ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต่ออีกสมัย จะทำให้การผลักดันโครงการต่างๆและการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณทำได้รวดเร็วขึ้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า หน่วยงานรัฐที่น่าจับตามองมากที่สุดส่วนใหญ่คือกรมทางหลวง เพราะได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2552 สูงที่สุด คือ 40,511 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับอธิบดีไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณมากในลำดับรองลงมาคือ กรมทางหลวงชนบท ที่ได้รับ ประมาณ 22,369 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่ได้รับงบประมาณ 17,304 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นเกือบ30%)
โดยกรมทางหลวงชนบทมีโครงการสำคัญที่จะเริ่มใช้ในปี 2552 คือโครงการถนนปลอดฝุ่นที่จะเป็นการยกระดับถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางทั่วประเทศ 7,223 ก.ม. มูลค่าทั้งโครงการ 34,200ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 1 ปี และจะเปิดประมูลภายในปี 2551 นี้
ส่วนรัฐวิสาหกิจที่น่าจับตา คือการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ได้รับงบประมาณปี 2552 จำนวน 9,842 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30% จากงบปี 2551ที่ได้รับจำนวน 7,592 ล้านบาท การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ได้รับงบประมาณในปี 2552 จำนวน 7,918 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40% จากปี 2551 ที่ได้รับงบ 5,672 ล้านบาท โดยนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายจากอธิบดีกรมทางหลวงชนบทมาเป็นอธิบดีกรมทางหลวงและยังเป็นประธานคณะกรรมการรฟม.และประธานคณะกรรมการ.ฟ.ท.อีกด้วย
สำหรับในการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมทั้ง 2 คน คือนายวราวุธ ศิลปอาชา จากพรรคชาติไทยและนายโสภณ ซารัมย์ จากพรรคพลังประชาชนซึ่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนเนวินนั้น แหล่งข่าว กล่าวว่า รมช.คมนาคมทั้งสองคนต่างขอที่จะกำกับดูแลคือกรมทางหลวงชนบท เนื่องจากเป็นกรมที่มีโครงการถนนปลอดฝุ่น ที่เป็นการเริ่มใช้งบประมาณใหม่และยังไม่ได้เปิดประมูลหาผู้รับเหมา ซึ่งหากเป็นผู้กำกับดูแลกรมทางหลวงชนบทจะช่วยในเรื่องการสร้างฐานเสียงให้กับนักการเมืองในสังกัดได้มาก ซึ่งนายสันติระบุว่าจะแบ่งงานหลังจากที่รัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7-8 ต.ค.นี้แล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากประเด็นทางการเมืองที่จะมีการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนในเร็วๆ นี้ทำให้นักการเมืองต่างเร่งการทำงานโดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2552 ซึ่งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมทั้งหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการจัดสรร รวมกว่า 97,999 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างบประมาณประจำปี 2551 ที่ได้รับการจัดสรรประมาณ 87,700ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ11.7% และคาดว่าจะมีการเริ่มเบิกจ่ายเร่งการประมูลโครงการต่างๆ ให้เสร็จ ตั้งแต่ ช่วง 4 เดือนแรก (ต.ค.-51-ม.ค.52 ) เพื่อให้ทันหากจะมีการยุบสภาเพื่อหนีคดียุบพรรค
ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีและมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ จากพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นั้นการผลักดันนโยบายของรัฐบาลทางด้านคมนาคม ยังไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่เนื่องจากไม่มีงบประมาณมารองรับ เพราะงบประมาณประจำปี 2551ส่วนใหญ่มีการวางโครงการไว้รองรับตั้งแต่พลเรือเอก ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม คนก่อนหน้านี้แล้ว
ทำให้การทำงานของนายสันติ เป็นเพียงการวางแผนและแต่งตั้งบุคคลและข้าราชการระดับสูงที่ไว้ใจเข้าไปเป็นผู้บริหารในรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานทีมีความสำคัญและได้รับงบประมาณในแต่ละปีจำนวนมาก เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท เพื่อวางงบประมาณสำหรับปี 2552 เท่านั้น และคาดว่าการที่นายสันติ ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต่ออีกสมัย จะทำให้การผลักดันโครงการต่างๆและการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณทำได้รวดเร็วขึ้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า หน่วยงานรัฐที่น่าจับตามองมากที่สุดส่วนใหญ่คือกรมทางหลวง เพราะได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2552 สูงที่สุด คือ 40,511 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับอธิบดีไว้รองรับเรียบร้อยแล้ว หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณมากในลำดับรองลงมาคือ กรมทางหลวงชนบท ที่ได้รับ ประมาณ 22,369 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่ได้รับงบประมาณ 17,304 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นเกือบ30%)
โดยกรมทางหลวงชนบทมีโครงการสำคัญที่จะเริ่มใช้ในปี 2552 คือโครงการถนนปลอดฝุ่นที่จะเป็นการยกระดับถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางทั่วประเทศ 7,223 ก.ม. มูลค่าทั้งโครงการ 34,200ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 1 ปี และจะเปิดประมูลภายในปี 2551 นี้
ส่วนรัฐวิสาหกิจที่น่าจับตา คือการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ได้รับงบประมาณปี 2552 จำนวน 9,842 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30% จากงบปี 2551ที่ได้รับจำนวน 7,592 ล้านบาท การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ได้รับงบประมาณในปี 2552 จำนวน 7,918 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40% จากปี 2551 ที่ได้รับงบ 5,672 ล้านบาท โดยนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายจากอธิบดีกรมทางหลวงชนบทมาเป็นอธิบดีกรมทางหลวงและยังเป็นประธานคณะกรรมการรฟม.และประธานคณะกรรมการ.ฟ.ท.อีกด้วย
สำหรับในการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมทั้ง 2 คน คือนายวราวุธ ศิลปอาชา จากพรรคชาติไทยและนายโสภณ ซารัมย์ จากพรรคพลังประชาชนซึ่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนเนวินนั้น แหล่งข่าว กล่าวว่า รมช.คมนาคมทั้งสองคนต่างขอที่จะกำกับดูแลคือกรมทางหลวงชนบท เนื่องจากเป็นกรมที่มีโครงการถนนปลอดฝุ่น ที่เป็นการเริ่มใช้งบประมาณใหม่และยังไม่ได้เปิดประมูลหาผู้รับเหมา ซึ่งหากเป็นผู้กำกับดูแลกรมทางหลวงชนบทจะช่วยในเรื่องการสร้างฐานเสียงให้กับนักการเมืองในสังกัดได้มาก ซึ่งนายสันติระบุว่าจะแบ่งงานหลังจากที่รัฐบาลได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 7-8 ต.ค.นี้แล้ว