วานนี้ (1 ต.ค) ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาะการประชุมนายชัยได้แจ้งให้ทราบว่ามี ส.ส.เซ็นชื่อเข้าประชุมจำนวน 265 คน และได้กำหนดวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา 2 วัน คือวันที่ 7-8 ต.ค. ส่วนวันที่ 6 ต.ค. เวลา 13.30 น. เป็นการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่องข้อตกลงร่วมทางการค้าระหว่างไทย-ญี่ปุ่น
จากนั้นนายชัย ได้กดออดเรียกประชุมสภาถึง 6 ครั้ง เพื่อขอนับองค์ประชุมด้วยการเสียบบัตร ก่อนลงมติ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่..) พ.ศ.....ที่ครม.เป็นผู้เสนอ และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่..) พ.ศ.....ที่นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคพลังประชาชนและคณะเป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ไม่สามารถลงมติรับหลักการในวาระแรกได้ เนื่องจากเกิดปัญหาองค์ประชุมล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการนับองค์ประชุม มีสมาชิกแสดงตนอยู่เพียง 235 คน ซึ่งไม่ครบองค์ประชุม ทำให้นายชัย ขอให้สมาชิกแสดงตนด้วยการเสียบบัตรอีกครั้งซึ่งครั้งนี้มีสมาชิก 239 คน ครบองค์ประชุม โดยมีเสียงเกินมาเพียง 3 เสียงในที่สุดที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ปปง. ที่ครม.เสนอด้วยคะแนน 239 ต่อ 103 งดออกเสียง 2
จากนั้นได้ลงมติในร่าง พ.ร.บ.ปปง. ที่นายจุมพฏ และคณะเสนอปรากฏว่าที่ประชุมลงมติไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ที่นายจุมพฏ และคณะเสนอด้วยคะแนน 312 ต่อ 15 งดออกเสียง 16 ไม่ลงคะแนน 1 และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 36 คน โดยไม่มีสัดส่วนของครม.ด้วย เนื่องจากครม.ชุดใหม่ ยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เกรงจะขัดรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาพิจารณาโดยไม่มีสัดส่วนของครม.นั้นจะขัดข้อบังคับการประชุมที่ 83 จะเกิดปัญหาภายหลังได้ ทำให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 176 เพื่องดใช้ข้อบังคับที่ 83 ให้ ครม.สามารถเข้าเป็นกมธ.ได้ เพราะการไม่มีสัดส่วนของครม. จะผิดข้อบังคับการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบตามที่นายนิพิฏฐ์เสนอ ด้วยคะแนน 245 ต่อ 1 งดออกเสียง 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ตัวแทนแต่ละพรรคเสนอชื่อ กมธ.ในสัดส่วนของตนเอง เมื่อนาย พิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคพลังประชาชน เสนอชื่อนายจุมพฏ แต่ปรากฏว่านายจุมพฏ ปฏิเสธ ขณะที่นายพิษณุ จะลุกขึ้นเสนอชื่อคนอื่น แต่นายชัย ได้กล่าวแทรกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจว่า "จะเสนอใคร ถามเจ้าตัวก่อนว่าเขารับหรือไม่ เจ้าตัวไม่เอายังเสือกเสนออยู่อีก จะเสนอใครก็รีบเสนอ เสียเวล่ำเวลา" ซึ่งทำให้สมาชิกที่นั่งอยู่ตกตะลึงกับคำพูดของนายชัย อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นายพิษณุ จะลุกขึ้นเสนอชื่อนายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู แทน และกำหนดเวลาแปรญัตติ 7 วันตามข้อบังคับ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือยื่นต่อ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พิจารณาการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม ระหว่างการปะชุม ต่อหน้าสมาชิกผู้ทรงเกียรติในสภา และมีนักเรียนมัธยมวัดเขาสุกิม โรงเรียนนายายอามพิทยาคมและโรงเรียนศรีรัตน์ราษฎร์นุเคราะห์ จ.จันทบุรี 250 คน และยังมีการถ่ายทอดสอดผ่านสถานีวิทยุรัฐสภา และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของสภา
นายเทพไท กล่าวว่า กรณีนี้อาจจะสร้างความเสียหายต่อเกียรติภูมิ ของสภาผู้แทนราษฎร อันทรงเกียรติซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงเป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมแก่เยาวชน ซึ่งในการประชุม ไม่มีสมาชิกขอประท้วงให้ประธานถอนคำพูด และมีการบันทึกการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีคำที่ไม่เหมาะสม สร้างรอยด่างให้กับรายงานการประชุมในเชิงประวัติศาสตร์ต่อไป ดังนั้น ขอให้นายชัย พิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ตามที่เห็นเหมาะสมต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
จากนั้นนายชัย ได้กดออดเรียกประชุมสภาถึง 6 ครั้ง เพื่อขอนับองค์ประชุมด้วยการเสียบบัตร ก่อนลงมติ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่..) พ.ศ.....ที่ครม.เป็นผู้เสนอ และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่..) พ.ศ.....ที่นายจุมพฏ บุญใหญ่ ส.ส.สกลนคร พรรคพลังประชาชนและคณะเป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ไม่สามารถลงมติรับหลักการในวาระแรกได้ เนื่องจากเกิดปัญหาองค์ประชุมล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการนับองค์ประชุม มีสมาชิกแสดงตนอยู่เพียง 235 คน ซึ่งไม่ครบองค์ประชุม ทำให้นายชัย ขอให้สมาชิกแสดงตนด้วยการเสียบบัตรอีกครั้งซึ่งครั้งนี้มีสมาชิก 239 คน ครบองค์ประชุม โดยมีเสียงเกินมาเพียง 3 เสียงในที่สุดที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ปปง. ที่ครม.เสนอด้วยคะแนน 239 ต่อ 103 งดออกเสียง 2
จากนั้นได้ลงมติในร่าง พ.ร.บ.ปปง. ที่นายจุมพฏ และคณะเสนอปรากฏว่าที่ประชุมลงมติไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ที่นายจุมพฏ และคณะเสนอด้วยคะแนน 312 ต่อ 15 งดออกเสียง 16 ไม่ลงคะแนน 1 และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 36 คน โดยไม่มีสัดส่วนของครม.ด้วย เนื่องจากครม.ชุดใหม่ ยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เกรงจะขัดรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งกมธ.วิสามัญขึ้นมาพิจารณาโดยไม่มีสัดส่วนของครม.นั้นจะขัดข้อบังคับการประชุมที่ 83 จะเกิดปัญหาภายหลังได้ ทำให้นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 176 เพื่องดใช้ข้อบังคับที่ 83 ให้ ครม.สามารถเข้าเป็นกมธ.ได้ เพราะการไม่มีสัดส่วนของครม. จะผิดข้อบังคับการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบตามที่นายนิพิฏฐ์เสนอ ด้วยคะแนน 245 ต่อ 1 งดออกเสียง 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ตัวแทนแต่ละพรรคเสนอชื่อ กมธ.ในสัดส่วนของตนเอง เมื่อนาย พิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคพลังประชาชน เสนอชื่อนายจุมพฏ แต่ปรากฏว่านายจุมพฏ ปฏิเสธ ขณะที่นายพิษณุ จะลุกขึ้นเสนอชื่อคนอื่น แต่นายชัย ได้กล่าวแทรกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจว่า "จะเสนอใคร ถามเจ้าตัวก่อนว่าเขารับหรือไม่ เจ้าตัวไม่เอายังเสือกเสนออยู่อีก จะเสนอใครก็รีบเสนอ เสียเวล่ำเวลา" ซึ่งทำให้สมาชิกที่นั่งอยู่ตกตะลึงกับคำพูดของนายชัย อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นายพิษณุ จะลุกขึ้นเสนอชื่อนายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู แทน และกำหนดเวลาแปรญัตติ 7 วันตามข้อบังคับ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือยื่นต่อ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้พิจารณาการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม ระหว่างการปะชุม ต่อหน้าสมาชิกผู้ทรงเกียรติในสภา และมีนักเรียนมัธยมวัดเขาสุกิม โรงเรียนนายายอามพิทยาคมและโรงเรียนศรีรัตน์ราษฎร์นุเคราะห์ จ.จันทบุรี 250 คน และยังมีการถ่ายทอดสอดผ่านสถานีวิทยุรัฐสภา และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของสภา
นายเทพไท กล่าวว่า กรณีนี้อาจจะสร้างความเสียหายต่อเกียรติภูมิ ของสภาผู้แทนราษฎร อันทรงเกียรติซึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงเป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมแก่เยาวชน ซึ่งในการประชุม ไม่มีสมาชิกขอประท้วงให้ประธานถอนคำพูด และมีการบันทึกการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีคำที่ไม่เหมาะสม สร้างรอยด่างให้กับรายงานการประชุมในเชิงประวัติศาสตร์ต่อไป ดังนั้น ขอให้นายชัย พิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ตามที่เห็นเหมาะสมต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป