พัทลุง - ชาวบ้านจังหวัดพัทลุงยื่นหนังสือเรียกร้องผ่าน ปชป. ขอความเป็นธรรมจากการเคหะฯ กรณีซื้อบ้านโครงการเอื้ออาทร ตั้งแต่ปี 2549 ผ่อนดาวน์หมดแล้ว โครงการยังไม่เริ่ม “นิพิฏฐ์” ระบุผู้รับเหมาไม่กล้ารับงาน เหตุเพราะค่าจ้างต่ำ
วันนี้ (19 ก.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางชั้น 3 นายสมัย เจริญช่าง ประธานกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎรและคณะผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติและคณะ ติดตามโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดพัทลุง โครงการ 3/2 หลังจากที่ราษฎรร้องขอความเป็นธรรมกรณี ที่ได้ซื้อและผ่อนชำระเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว แต่การเคหะฯ ยังไม่ดำเนินการก่อสร้าง ทั้งที่โครงการเริ่มมาตั้งแต่ปี 2549
ในที่ประชุมมี นางสาวดวงใจ ช.บุญพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง ทั้ง 3 คน และราษฎรผู้ซื้อบ้านเอื้ออาทร เข้ารับฟังความคืบหน้าโครงการ หลังจากประชาชนขาดความมั่นใจผ่อนดาวน์หมดแล้ว หวั่นไม่ได้สร้าง จึงมีการยื่นหนังสือร้องเรียน ผ่านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ติดตามความคืบหน้า
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะ 3/2 พัทลุง เปิดรับจองตั้งแต่วันที่ 11-13 มิถุนายน 2547 มีผู้จอง 1,202 รายเป็นโครงการบ้านแฝด 2 ชั้น 432 หน่วย พื้นที่ดินรวม 42 ไร่เศษ ตั้งริมถนนกาญจนาภิเษก ตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ปัจจุบันมีการชำระเงิน 334 ราย และอยู่ระหว่างติดตามหนี้ 4 ราย คงเหลืออาคาร 94 หน่วย
ปรากฏว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากไม่สามารถหาผู้รับเหมามาดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะราคาจ้างต่ำเกินไป ในขณะที่งบประมาณในการซื้อที่ดิน สูงถึงไร่ละ 4 แสนบาท รวมเป็นเงิน 17,045,400 บาท ซึ่งหากเป็นการลงทุนของเอกชน คงไม่มีใครกล้าซื้อแน่นอน
ในที่ประชุม หลังมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง การเคหะแห่งชาติ ได้รับเรื่องในการทบทวนราคากลางประมูลก่อสร้าง และพิจารณากรณีหากไม่สามารถหาผู้ประมูลงานได้ จะพิจารณาในเรื่องให้องค์กรภาครัฐที่สามารถรับงานก่อสร้างไปดำเนินการได้เข้ามารับทำงาน เพราะจะช่วยในการลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ซึ่งจะมีการประชุมความคืบหน้าอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า
นายสมัย เจริญช่าง ประธานกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวสรุปในที่ประชุมว่า โครงการบ้านเอื้ออาทรที่จังหวัดพัทลุง ล่าช้ามาพอสมควรแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายควรจะเร่งผลักดันให้สามารถวางศิลาฤกษ์ได้ไม่เกิน 5 ธันวาคม ปีนี้ เพื่อไม่ให้ได้ชื่อว่า รัฐบาลรังแกประชาชน เพราะเก็บเงินประชาชนไปแล้ว
วันนี้ (19 ก.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลางชั้น 3 นายสมัย เจริญช่าง ประธานกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎรและคณะผู้ช่วยผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติและคณะ ติดตามโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดพัทลุง โครงการ 3/2 หลังจากที่ราษฎรร้องขอความเป็นธรรมกรณี ที่ได้ซื้อและผ่อนชำระเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว แต่การเคหะฯ ยังไม่ดำเนินการก่อสร้าง ทั้งที่โครงการเริ่มมาตั้งแต่ปี 2549
ในที่ประชุมมี นางสาวดวงใจ ช.บุญพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพัทลุง ทั้ง 3 คน และราษฎรผู้ซื้อบ้านเอื้ออาทร เข้ารับฟังความคืบหน้าโครงการ หลังจากประชาชนขาดความมั่นใจผ่อนดาวน์หมดแล้ว หวั่นไม่ได้สร้าง จึงมีการยื่นหนังสือร้องเรียน ผ่านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ติดตามความคืบหน้า
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า โครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะ 3/2 พัทลุง เปิดรับจองตั้งแต่วันที่ 11-13 มิถุนายน 2547 มีผู้จอง 1,202 รายเป็นโครงการบ้านแฝด 2 ชั้น 432 หน่วย พื้นที่ดินรวม 42 ไร่เศษ ตั้งริมถนนกาญจนาภิเษก ตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ปัจจุบันมีการชำระเงิน 334 ราย และอยู่ระหว่างติดตามหนี้ 4 ราย คงเหลืออาคาร 94 หน่วย
ปรากฏว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ เนื่องจากไม่สามารถหาผู้รับเหมามาดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะราคาจ้างต่ำเกินไป ในขณะที่งบประมาณในการซื้อที่ดิน สูงถึงไร่ละ 4 แสนบาท รวมเป็นเงิน 17,045,400 บาท ซึ่งหากเป็นการลงทุนของเอกชน คงไม่มีใครกล้าซื้อแน่นอน
ในที่ประชุม หลังมีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง การเคหะแห่งชาติ ได้รับเรื่องในการทบทวนราคากลางประมูลก่อสร้าง และพิจารณากรณีหากไม่สามารถหาผู้ประมูลงานได้ จะพิจารณาในเรื่องให้องค์กรภาครัฐที่สามารถรับงานก่อสร้างไปดำเนินการได้เข้ามารับทำงาน เพราะจะช่วยในการลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ซึ่งจะมีการประชุมความคืบหน้าอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า
นายสมัย เจริญช่าง ประธานกรรมาธิการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวสรุปในที่ประชุมว่า โครงการบ้านเอื้ออาทรที่จังหวัดพัทลุง ล่าช้ามาพอสมควรแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายควรจะเร่งผลักดันให้สามารถวางศิลาฤกษ์ได้ไม่เกิน 5 ธันวาคม ปีนี้ เพื่อไม่ให้ได้ชื่อว่า รัฐบาลรังแกประชาชน เพราะเก็บเงินประชาชนไปแล้ว