พัทลุง – “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เผยการประมูลรังนกอีแอ่นพัทลุง เกรงมีนักการเมืองระดับชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ วอนให้ชาวเมืองลุงช่วยจับตาดู
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง ในการขยายเวลาสัญญาการประมูลรังนกจาก 5 ปี ไปเป็น 7 ปี ในราคาขั้นต่ำ 627 ล้านบาท เนื่องจากสัญญาเดิมในระยะเวลา 5 ปี ปีละ 100 ล้านบาทนั้น เป็นราคาที่เหมาะสมอยู่แล้ว หากราคาขั้นต่ำอยู่ที่ราคา 627 ล้านบาท การประมูลรังนกก็ไม่ถึงปีละ 100 ล้านบาท ซึ่งอาจจะส่งผลให้รัฐและท้องถิ่นเสียผลประโยชน์ ในส่วนของการประมูลครั้งที่ผ่านมานั้น ทางคณะกรรมการได้ตั้งราคาขั้นต่ำไว้ที่ 255 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี แต่การประมูลสูงถึง 500 ล้านบาท จึงเห็นว่าเหมาะสมแล้ว การกำหนดเวลาเป็น 7 ปี ตนจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ในส่วนของการประกันซองนั้นก็ไม่ควรตั้งไว้สูงจนเกินไป ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมการ ตั้งหลักเงินประกันซองไว้สูงถึงร้อยละ 75 ซึ่งเป็นเงินสูงถึง 470 ล้านบาท เพราะจะทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันอย่างชัดเจน เนื่องจากบริษัทผู้รับสัมปทานรังนกที่มีทุนทรัพย์น้อยจะหมดโอกาสในการเข้ายื่นซองประกวดราคาในครั้งนี้ ซึ่งในที่สุดบริษัทที่มีเงินหนาก็จะได้รับชัยชนะในการยื่นซองประกวดราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความพร้อมด้านการเงินอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่เกิดความเป็นธรรมกับบริษัทที่มีเงินทุนน้อยๆ ตนจึงคิดว่าเงินประกันซองไม่ควรสูงมากถึงร้อยละ 75 เพราะเป็นเงื่อนไขที่เกินสมควร
แต่สำหรับเงินประกันสัญญาหลังจากที่ได้รับการประมูลแล้วนั้น ตนเห็นว่า จะต้องให้มีการเข้มงวด ส่วนจะอยู่ในอัตราร้อยละเท่าไรขอให้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและการพิจารณาของคณะกรรมการ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้รัฐและท้องถิ่นเสียผลประโยชน์
นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ในการยื่นประมูลรังนกใน จ.พัทลุง ในปีนี้ ตนได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่ามีนักการเมืองระดับชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตนจึงขอให้ชาวพัทลุงจับตาความเคลื่อนไหวในการเปิดประมูลรังนกในครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะอาจจะทำให้รัฐและท้องถิ่นและชาวพัทลุงต้องสูญเสียเงินก้อนมหาศาลก็ได้พวกตนซึ่งเป็น ส.ส.ภาคใต้ ได้แก้ไข พ.ร.บ.รังนกอีแอ่น ในปี พ.ศ.2542
ก็เพื่อมุ่งหวังให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับรัฐ ท้องถิ่น และประชาชน จึงไม่สบายใจหากผลประโยชน์จากรังนกไปตกอยู่กับกลุ่มนักการเมืองใหญ่ที่คอยหนุนหลังบริษัทประมูลรังนกบางบริษัทในการประมูลรังนกในครั้งนี้ ตนจึงย้ำให้ชาวพัทลุงติดตามการประมูลสัมปทานรังนกในปีนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนใครเป็นผู้รับชัยชนะในการประมูลตนไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่ขอให้การประมูลในครั้งนี้เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เกิดความเป็นธรรม และผลประโยชน์ตกอยู่กับรัฐ ท้องถิ่นประชาชน ตนก็ภูมิใจแล้ว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง ในการขยายเวลาสัญญาการประมูลรังนกจาก 5 ปี ไปเป็น 7 ปี ในราคาขั้นต่ำ 627 ล้านบาท เนื่องจากสัญญาเดิมในระยะเวลา 5 ปี ปีละ 100 ล้านบาทนั้น เป็นราคาที่เหมาะสมอยู่แล้ว หากราคาขั้นต่ำอยู่ที่ราคา 627 ล้านบาท การประมูลรังนกก็ไม่ถึงปีละ 100 ล้านบาท ซึ่งอาจจะส่งผลให้รัฐและท้องถิ่นเสียผลประโยชน์ ในส่วนของการประมูลครั้งที่ผ่านมานั้น ทางคณะกรรมการได้ตั้งราคาขั้นต่ำไว้ที่ 255 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี แต่การประมูลสูงถึง 500 ล้านบาท จึงเห็นว่าเหมาะสมแล้ว การกำหนดเวลาเป็น 7 ปี ตนจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ในส่วนของการประกันซองนั้นก็ไม่ควรตั้งไว้สูงจนเกินไป ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยกับการที่คณะกรรมการ ตั้งหลักเงินประกันซองไว้สูงถึงร้อยละ 75 ซึ่งเป็นเงินสูงถึง 470 ล้านบาท เพราะจะทำให้เกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันอย่างชัดเจน เนื่องจากบริษัทผู้รับสัมปทานรังนกที่มีทุนทรัพย์น้อยจะหมดโอกาสในการเข้ายื่นซองประกวดราคาในครั้งนี้ ซึ่งในที่สุดบริษัทที่มีเงินหนาก็จะได้รับชัยชนะในการยื่นซองประกวดราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีความพร้อมด้านการเงินอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่เกิดความเป็นธรรมกับบริษัทที่มีเงินทุนน้อยๆ ตนจึงคิดว่าเงินประกันซองไม่ควรสูงมากถึงร้อยละ 75 เพราะเป็นเงื่อนไขที่เกินสมควร
แต่สำหรับเงินประกันสัญญาหลังจากที่ได้รับการประมูลแล้วนั้น ตนเห็นว่า จะต้องให้มีการเข้มงวด ส่วนจะอยู่ในอัตราร้อยละเท่าไรขอให้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและการพิจารณาของคณะกรรมการ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้รัฐและท้องถิ่นเสียผลประโยชน์
นายนิพิฏฐ์ ยังกล่าวอีกว่า ในการยื่นประมูลรังนกใน จ.พัทลุง ในปีนี้ ตนได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่ามีนักการเมืองระดับชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตนจึงขอให้ชาวพัทลุงจับตาความเคลื่อนไหวในการเปิดประมูลรังนกในครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะอาจจะทำให้รัฐและท้องถิ่นและชาวพัทลุงต้องสูญเสียเงินก้อนมหาศาลก็ได้พวกตนซึ่งเป็น ส.ส.ภาคใต้ ได้แก้ไข พ.ร.บ.รังนกอีแอ่น ในปี พ.ศ.2542
ก็เพื่อมุ่งหวังให้ผลประโยชน์ตกอยู่กับรัฐ ท้องถิ่น และประชาชน จึงไม่สบายใจหากผลประโยชน์จากรังนกไปตกอยู่กับกลุ่มนักการเมืองใหญ่ที่คอยหนุนหลังบริษัทประมูลรังนกบางบริษัทในการประมูลรังนกในครั้งนี้ ตนจึงย้ำให้ชาวพัทลุงติดตามการประมูลสัมปทานรังนกในปีนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนใครเป็นผู้รับชัยชนะในการประมูลตนไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่ขอให้การประมูลในครั้งนี้เกิดความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เกิดความเป็นธรรม และผลประโยชน์ตกอยู่กับรัฐ ท้องถิ่นประชาชน ตนก็ภูมิใจแล้ว
