ผู้จัดการรายวัน – พลัสขยาดคอนโดฯ พ้อกฎระเบียบเปลี่ยนตลอดเวลา เผยมีห้องชุดเหลือขายเพียง 200 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท เตรียมออกขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ 2-5 ต.ค.นี้ ปีหน้าหันรุกทาวน์เฮาส์ลุยเปิด 6-8 โครงการมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯ หากซื้อที่ดินได้ก็พร้อมพัฒนาต่อ
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาความสูงของอาคารโครงการคอนโดมิเนียม แบรนด์คอนโด วัน จำนวน 11 โครงการ ทำให้พลัสต้องสูญเสียรายได้จากการปรับลดความสูงของอาคารลงไป 1 ชั้นคิดเป็นมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตามพลัสแก้ปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้วทั้ง 11 โครงการ จากโครงการที่พัฒนาทั้งหมด 17
โครงการ
โดยในปีนี้พลัสจะสามารถส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ 13 โครงการ (รวมแบรนด์มายคอนโด อีก 2 โครงการ) มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท ขณะนี้ได้ทะยอยส่งมอบไปแล้วบางส่วน 100 ล้านบาท และคาดว่าภายในไตมาส 4 ปีนี้จะสามารถโอนห้องชุดให้แก่ลูงค้าอีกประมาณ 4,100 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่เหลืออีก 4 โครงการ มูลค่า 1,900 ล้านบาท และโครงการ คอนโด วัน เอ็กซ์สาทร- นราธิวาส บางส่วนประมาณ 700 ล้านบาท รวม 2,600 ล้านบาท จะสามารถส่งมอบได้ในปีหน้า ปัจจุบันมีคอนโดฯเหลือขายและการคืนห้องชุดบางส่วนของลูกค้าประมาณ 200 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมนำไปเสนอขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ในวันที่ 2-5 ตุลาคมนี้ ห้องชุดดังกล่าว
“การที่ต้องปรับแบบใหม่ทำให้งานก่อสร้างล้าช้าออกไปกว่าที่กำหนด ซึ่งในส่วนนี้บริษัทได้ชดเชยให้แก่ลูกค้า ซึ่งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและชดเชยดังกล่าวประมาณ 100 ล้านบาท บทเรียนในครั้งนี้ทำให้เราต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของกฎระเบียบให้มากที่สุด เพราะแม้ว่าในอดีตจะสามารถก่อสร้างได้ แต่ต่อมากลับไม่สามารถสร้างได้” นายเมธา กล่าวและว่า
สำหรับการพัฒนาโครงการคอนมิเนียม นอกจากจำนวนยูนิตที่เหลือขายประมาณ 200 ยูนิตในปัจจุบัน พลัสยังไม่มีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงนี้ เนื่องจากที่ดินหายาก และมีราคาที่สูงมาก ไม่เหมาะที่จะมาพัฒนาคอนโดมิเนียมในระดับกลาง ที่พลัสดำเนินการอยู่ทำให้ที่ดินที่ได้มาจะเป็นการพัฒนาของบริษัทแม่ คือ แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่พัฒนาคอนโดฯในระดับบนแทน อย่างไรก็ตาม หากมีที่ดินที่สามารถพัฒนาได้บริษัทก็จะพัฒนาต่อ นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ว่า หากมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จะใช้แบรนด์เดิม คือมายคอนโด และคอนโด วันหรือไม่ หรือจะเป็นการเปิดแบรนด์ใหม่เพิ่ม ซึ่งทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
นายเมธา กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้า จะเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ทั้งหมด ประมาณ 6-8 โครงการ มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันซื้อที่ดินเข้ามาแล้ว 4 แปลง ได้แก่ ประชาอุทิศ 80, เทพารักษ์ กม. 10 , เรียบทางด่วน เอกมัย – รามอินทราและจรัญสนิทวงศ์ 13 ส่วนแปลงที่เหลืออยู่ระหว่างเจรจา โดยตั้งเป้ารายได้ปี 52 ไว้ประมาณ 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การที่พลัสหันมาเน้นพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ระดับกลาง-บน ราคา 3-5 ล้านบาท เนื่องจากมองว่ามีคู่แข่งในตลาดน้อยไม่ถึง 10 ราย อีกทั้งบ้านในระดับราคาดังกล่าวสามารถพัฒนาคุณภาพงานก่อสร้าง รวมไปถึงการบริหารโครงการที่ดีได้ หากเป็นโครงการระดับล่างจะต้องเจอคู่แข่งในเรื่องราคาซึ่งอาจจะมีการตัดราคาจนทำให้งานก่อสร้างและการบริหารชุมชนไม่มีคุณภาพได้
ด้านนายวันจักร์ บุรณศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้จัดงาน “Sansiri Quality Day 2008” ครั้งที่2 โดยเชิญตัวแทนจากบริษัทพันธมิตรธุรกิจและผู้รับเหมาต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ จำนวนกว่า 96 บริษัทเข้าร่วมเป็นเกียรติในการมอบรางวัลสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดกับลูกค้า ซึ่งในปีนี้บริษัทพันธมิตรธุรกิจ ทั้งบริษัทผู้จัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและตกแต่ง รวมถึงบริษัทผู้รับเหมาและควบคุมงาน ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศรางวัลประเภท บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างดีเด่น
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาความสูงของอาคารโครงการคอนโดมิเนียม แบรนด์คอนโด วัน จำนวน 11 โครงการ ทำให้พลัสต้องสูญเสียรายได้จากการปรับลดความสูงของอาคารลงไป 1 ชั้นคิดเป็นมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตามพลัสแก้ปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้วทั้ง 11 โครงการ จากโครงการที่พัฒนาทั้งหมด 17
โครงการ
โดยในปีนี้พลัสจะสามารถส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ 13 โครงการ (รวมแบรนด์มายคอนโด อีก 2 โครงการ) มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท ขณะนี้ได้ทะยอยส่งมอบไปแล้วบางส่วน 100 ล้านบาท และคาดว่าภายในไตมาส 4 ปีนี้จะสามารถโอนห้องชุดให้แก่ลูงค้าอีกประมาณ 4,100 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่เหลืออีก 4 โครงการ มูลค่า 1,900 ล้านบาท และโครงการ คอนโด วัน เอ็กซ์สาทร- นราธิวาส บางส่วนประมาณ 700 ล้านบาท รวม 2,600 ล้านบาท จะสามารถส่งมอบได้ในปีหน้า ปัจจุบันมีคอนโดฯเหลือขายและการคืนห้องชุดบางส่วนของลูกค้าประมาณ 200 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมนำไปเสนอขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ในวันที่ 2-5 ตุลาคมนี้ ห้องชุดดังกล่าว
“การที่ต้องปรับแบบใหม่ทำให้งานก่อสร้างล้าช้าออกไปกว่าที่กำหนด ซึ่งในส่วนนี้บริษัทได้ชดเชยให้แก่ลูกค้า ซึ่งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและชดเชยดังกล่าวประมาณ 100 ล้านบาท บทเรียนในครั้งนี้ทำให้เราต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของกฎระเบียบให้มากที่สุด เพราะแม้ว่าในอดีตจะสามารถก่อสร้างได้ แต่ต่อมากลับไม่สามารถสร้างได้” นายเมธา กล่าวและว่า
สำหรับการพัฒนาโครงการคอนมิเนียม นอกจากจำนวนยูนิตที่เหลือขายประมาณ 200 ยูนิตในปัจจุบัน พลัสยังไม่มีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงนี้ เนื่องจากที่ดินหายาก และมีราคาที่สูงมาก ไม่เหมาะที่จะมาพัฒนาคอนโดมิเนียมในระดับกลาง ที่พลัสดำเนินการอยู่ทำให้ที่ดินที่ได้มาจะเป็นการพัฒนาของบริษัทแม่ คือ แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่พัฒนาคอนโดฯในระดับบนแทน อย่างไรก็ตาม หากมีที่ดินที่สามารถพัฒนาได้บริษัทก็จะพัฒนาต่อ นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ว่า หากมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ จะใช้แบรนด์เดิม คือมายคอนโด และคอนโด วันหรือไม่ หรือจะเป็นการเปิดแบรนด์ใหม่เพิ่ม ซึ่งทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
นายเมธา กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้า จะเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ทั้งหมด ประมาณ 6-8 โครงการ มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันซื้อที่ดินเข้ามาแล้ว 4 แปลง ได้แก่ ประชาอุทิศ 80, เทพารักษ์ กม. 10 , เรียบทางด่วน เอกมัย – รามอินทราและจรัญสนิทวงศ์ 13 ส่วนแปลงที่เหลืออยู่ระหว่างเจรจา โดยตั้งเป้ารายได้ปี 52 ไว้ประมาณ 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การที่พลัสหันมาเน้นพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ระดับกลาง-บน ราคา 3-5 ล้านบาท เนื่องจากมองว่ามีคู่แข่งในตลาดน้อยไม่ถึง 10 ราย อีกทั้งบ้านในระดับราคาดังกล่าวสามารถพัฒนาคุณภาพงานก่อสร้าง รวมไปถึงการบริหารโครงการที่ดีได้ หากเป็นโครงการระดับล่างจะต้องเจอคู่แข่งในเรื่องราคาซึ่งอาจจะมีการตัดราคาจนทำให้งานก่อสร้างและการบริหารชุมชนไม่มีคุณภาพได้
ด้านนายวันจักร์ บุรณศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้จัดงาน “Sansiri Quality Day 2008” ครั้งที่2 โดยเชิญตัวแทนจากบริษัทพันธมิตรธุรกิจและผู้รับเหมาต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ จำนวนกว่า 96 บริษัทเข้าร่วมเป็นเกียรติในการมอบรางวัลสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดกับลูกค้า ซึ่งในปีนี้บริษัทพันธมิตรธุรกิจ ทั้งบริษัทผู้จัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและตกแต่ง รวมถึงบริษัทผู้รับเหมาและควบคุมงาน ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศรางวัลประเภท บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างดีเด่น