ดอกบัวคู่ โอดพิษเศรษฐกิจ กำลังซื้อหด การเมือง กระทบสิ้นปีพลาดเป้า แค่พยุงให้ทรงตัว เร่งอัดกิจกรรมโชวห่วยภูธรลากยาว 3 เดือน หวังดันยอดขาย 5-10% ลั่นปีหน้าจ่อคิวควักโมเดลลดปริมาณ แต่ราคาเดิม หลังกัดฟันแบกรับต้นทุนผลิตพุ่งมานาน
นายสหาย ณ นคร ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาสีฟันดอกบัวคู่ เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทฯไม่มีอัตราการเติบโตมากนัก จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตถึง 5-10% แม้ว่าสินค้าของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น แชมพู สบู่ ยาสีฟัน จะเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันก็ตาม
เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สืบเนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น และการเมืองที่ยังมีปัญหา ทำให้บริษัทฯคาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทฯจะลดเป้าหมายการเติบโตจากเดิม 5-10% เป็นไม่มีอัตราการเติบโต
“ร้านค้าปลีกรายย่อยหรือว่าโชวห่วย ปรับตัวรองรับกับภาวะเศรษฐกิจ โดยสั่งซื้อสินค้าเก็บไว้ในสต็อกลดลง และโฟกัสสินค้าที่ขายเร็วและมีความคุ้มค่า อาทิ สินค้ากลุ่มอาหาร ขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือย ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย โคโลญจ์ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็น การซื้อสินค้ามีการชะลอลงอย่างชัดเจน”
สำหรับแผนการตลาดช่วงไตรมาสสี่ บริษัทฯได้จัดกิจกรรม “โชคทั่วไทย” ตามร้านค้าต่างจังหวัดกว่า 23 แห่ง ซึ่งจะจัดขึ้น 3 เดือน ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน คาดว่ากระตุ้นยอดขายเติบโต 5-10%
อย่างไรก็ตามผลพวงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากราคาน้ำมันและวัตถุดิบในการผลิต แชมพู สบู่ ฯลฯ แต่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ได้มีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณานำโมเดลลดปริมาณ แต่จำหน่ายราคาเดิมมาใช้ในปีหน้านี้ เพื่อรองรับกับต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในรอบ 5 ปี บริษัทฯไม่ได้ปรับราคาสินค้าโดยเฉพาะสบู่ขึ้นเลย โดยสินค้ามีด้วยกัน 3 ขนาด ได้แก่ 40 กรัมราคา 7 บาท ขนาด 70 กรัมราคา 10 บาท และขนาด 100 กรัมราคา 15 บาท ดังนั้นสบู่อาจเป็นสินค้าแคธิกอรี่แรกที่บริษัทฯจะลดปริมาณลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง อย่างไรก็ตามก่อนที่บริษัทฯจะมีการลดปริมาณสินค้าลง คงต้องมีการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภค เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของดอกบัวคู่ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุ 30 ปีขึ้นไป และส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าต่างจังหวัด 70% ซึ่งค่อนข้างมีความอ่อนไหวกับการราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่วนกรุงเทพฯสัดส่วนลูกค้า 30%
นายสหาย กล่าวเพิ่มว่า ในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้ยังไม่มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เนื่องจากมองว่าสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้สินค้าใหม่แจ้งเกิดยาก แม้ว่าสินค้าของบริษัทฯจะตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ห่วงใยในเรื่องของสุขภาพก็ตาม ดังนั้นการพิจารณาจะเปิดตัวสินค้าใหม่ คงต้องพิจารณาถึงทิศทางตลาด ซึ่งการเปิดตัวสินค้าใหม่ยังคงเป็นในกลุ่มสกินแคร์ เป็นหลัก โดยบริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าหลากหลายชนิด เช่น โลชั่นเป็นสินค้าอีกตลาดหนึ่งที่สนใจจะเข้าไปทำตลาด อย่างไรก็ตามสินค้าที่สร้างรายได้ของบริษัทฯปัจจุบัน ยาสีฟัน สัดส่วน 80% สบู่ 15% และแชมพู 5%
นายสหาย ณ นคร ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาสีฟันดอกบัวคู่ เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของบริษัทฯไม่มีอัตราการเติบโตมากนัก จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตถึง 5-10% แม้ว่าสินค้าของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็น แชมพู สบู่ ยาสีฟัน จะเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันก็ตาม
เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สืบเนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น และการเมืองที่ยังมีปัญหา ทำให้บริษัทฯคาดว่าสิ้นปีนี้บริษัทฯจะลดเป้าหมายการเติบโตจากเดิม 5-10% เป็นไม่มีอัตราการเติบโต
“ร้านค้าปลีกรายย่อยหรือว่าโชวห่วย ปรับตัวรองรับกับภาวะเศรษฐกิจ โดยสั่งซื้อสินค้าเก็บไว้ในสต็อกลดลง และโฟกัสสินค้าที่ขายเร็วและมีความคุ้มค่า อาทิ สินค้ากลุ่มอาหาร ขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือย ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย โคโลญจ์ น้ำยาปรับผ้านุ่ม ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็น การซื้อสินค้ามีการชะลอลงอย่างชัดเจน”
สำหรับแผนการตลาดช่วงไตรมาสสี่ บริษัทฯได้จัดกิจกรรม “โชคทั่วไทย” ตามร้านค้าต่างจังหวัดกว่า 23 แห่ง ซึ่งจะจัดขึ้น 3 เดือน ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน คาดว่ากระตุ้นยอดขายเติบโต 5-10%
อย่างไรก็ตามผลพวงจากต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากราคาน้ำมันและวัตถุดิบในการผลิต แชมพู สบู่ ฯลฯ แต่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ได้มีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณานำโมเดลลดปริมาณ แต่จำหน่ายราคาเดิมมาใช้ในปีหน้านี้ เพื่อรองรับกับต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมาในรอบ 5 ปี บริษัทฯไม่ได้ปรับราคาสินค้าโดยเฉพาะสบู่ขึ้นเลย โดยสินค้ามีด้วยกัน 3 ขนาด ได้แก่ 40 กรัมราคา 7 บาท ขนาด 70 กรัมราคา 10 บาท และขนาด 100 กรัมราคา 15 บาท ดังนั้นสบู่อาจเป็นสินค้าแคธิกอรี่แรกที่บริษัทฯจะลดปริมาณลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง อย่างไรก็ตามก่อนที่บริษัทฯจะมีการลดปริมาณสินค้าลง คงต้องมีการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภค เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของดอกบัวคู่ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุ 30 ปีขึ้นไป และส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าต่างจังหวัด 70% ซึ่งค่อนข้างมีความอ่อนไหวกับการราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่วนกรุงเทพฯสัดส่วนลูกค้า 30%
นายสหาย กล่าวเพิ่มว่า ในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้ยังไม่มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ เนื่องจากมองว่าสภาพเศรษฐกิจอย่างนี้สินค้าใหม่แจ้งเกิดยาก แม้ว่าสินค้าของบริษัทฯจะตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ห่วงใยในเรื่องของสุขภาพก็ตาม ดังนั้นการพิจารณาจะเปิดตัวสินค้าใหม่ คงต้องพิจารณาถึงทิศทางตลาด ซึ่งการเปิดตัวสินค้าใหม่ยังคงเป็นในกลุ่มสกินแคร์ เป็นหลัก โดยบริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้าหลากหลายชนิด เช่น โลชั่นเป็นสินค้าอีกตลาดหนึ่งที่สนใจจะเข้าไปทำตลาด อย่างไรก็ตามสินค้าที่สร้างรายได้ของบริษัทฯปัจจุบัน ยาสีฟัน สัดส่วน 80% สบู่ 15% และแชมพู 5%