อย. สั่งเก็บคุกกี้หมีโคล่าของล็อตเต้จากโรงงานจีนออกจากตลาดเพิ่มอีก1 รายการ ด้านยูนิลิเวอร์ฯร่วมมือเก็บไอศกรีมวอลล์ มู ลงจากชั้น ขายของ อย.งัดไม้เด็ดสร้างความมั่นใจผู้บริโภค ออกใบรับรองให้ผู้ผลิตหากเอาผลแล็บยืนยัน พร้อมตั้งวอร์รูมเมลามีน เตรียมประชุมผลกระทบเมลามีน 29 กย.นี้
วานนี้ (26ก.ย.) ภก.มานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า ได้ประสานงานกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ให้ตัวแทนในประเทศไทยที่จำหน่ายคุกกี้ช็อกโกแล็ตรูปการ์ตูนหมีโคอาล่า ที่ผลิตโดยบริษัทล็อตเต้ ไชน่า ฟู้ดส์ โค เพื่อเก็บคุกกี้ดังกล่าวลงจากหิ้งและท้องตลาดทั้งหมด ภายหลังจากที่รัฐบาลมาเก๊า เขตปกครองทางใต้ของจีน เปิดเผยว่า คุกกี้ดังกล่าวมีการปนเปื้อนสารเมลามีนด้วย
"ภายหลังจากที่ขอความร่วมกับผู้ผลิตทั้งหมด บริษัทยูนิลิเวอร์ได้ประสานมาถึงอย.ว่ามีสินค้าในบางล็อตการผลิตที่มีส่วนผสมจากนมในประเทศจีน คือ ไอศกรีมวอลล์ มู เป็นไอศกรีมรสนม มีทั้งที่เป็นโคน แท่ง ถ้วยด้วย จึงได้เก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากท้องตลาดไปตรวจวิเคราะห์ ซึ่งจะทราบผลภายในสัปดาห์หน้า” ภก.มานิตย์กล่าว
ภก.มานิตย์ กล่าวว่า หลักการเบื้องต้นในขณะนี้ ไม่อยากให้ผู้บริโภคเกิดความตื่นตระหนก ทาง อย.จะให้เวลาผู้ประกอบการในการส่งตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการตรวจของเอกชนภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมกับเก็บตัวอย่างลงจากหิ้งในห้าง และแหล่งจำหน่ายทั่วประเทศ หากส่งผลการตรวจวิเคราะห์ให้ทางอย. จึงจะสามารถนำสินค้ากลับขึ้นในชั้นได้เหมือนเดิม และหลังจากนี้ อย.จะสุ่มตรวจเองหากพบสารเมลามีนจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
"ทาง อย.จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยขอความร่วมมือให้ทุกบริษัทเก็บสินค้าที่มีส่วนผสมจากนมประเทศจีนลงจากชั้นวางสินค้า พร้อมกับให้ทำหนังสือผลการตรวจวิเคราะห์ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ไม่มีสารเมลามีนที่มีค่าเกินอันตราย อย.ก็จะออกใบรับรองสินค้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคเป็นรายๆไป คาดว่าจะสามารถดำเนินการออกใบรับรองได้ภายในสัปดาห์หน้า" ภก.มานิตย์ กล่าว
ภก.มานิตย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้มีบริษัทมาร์ส ไทยแลนด์ อิงค์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ ช็อกโกแลตนม โดฟ ,ช็อกโกแลตนมเคลือบน้ำตาลสีต่างๆ ตราเอ็มแอนด์เอ็ม และถั่วลิสงคาราเมล และนูกัต เคลือบช็อกโกแลตนม ตรา สนิกเกอร์ส และบริษัท ดีลแฮล์ม จำกัดเจ้าของสินค้า เวเฟอร์ สติ๊ก ไวท์ช็อกโกแลต เวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลตขาว ตราโอรีโอ ได้นำตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้ได้ส่งผลการตรวจวิเคราะห์มาที่ อย.แล้ว ซึ่งจะสามารถออกใบรับรองความปลอดภัยได้ ภายในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ สินค้าใหม่ที่เข้ามาทางชายแดนทางด่านอาหาร และยา ก็สั่งให้ดำเนินการอายัดสินค้าทุกชนิดที่มีส่วนผสมจากนมของประเทศจีน และนำส่งตัวอย่างวิเคราะห์ หากพบว่า ไม่มีค่าสารเมลามีเกินที่กำหนด ก็สามารถมาขอถอนอายัดจากด่านได้
ทั้งนี้ในวันที่ 29 ก.ย. เวลา12.00 น. ทางอย.ได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ ตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ เข้าหารือเกี่ยวกับการป้องกันสารเมลามีน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความตื่นตระหนกของผู้บริโภคต่ออาหารที่ปนเปื้อนเมลามีน
"ในการหารือของคณะทำงานเรื่องภายใน อย.และตัวแทนของสมาคมค้าปลีกฯได้มีมติตั้งวอร์รูมโดยมี นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการ อย.เป็นประธาน นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีความเห็นว่า จะกำหนดค่ามาตรฐานของสารเมลามีนในอาหารไม่เกิน 5 ส่วนในล้านส่วน หรือพีพีเอ็ม ซึ่งกำหนดค่าให้น้อยกว่ามาตรฐานของสหรัฐอเมริกา คือ 20 พีพีเอ็ม เนื่องจากร่างกายของชาวยุโรปกับไทยไม่เหมือนกัน ซึ่งจะเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาศึกษาเพื่อออกเป็นหลักเกณฑ์ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป"
ภก.มานิตย์ กล่าวด้วยว่า ไม่ค่อยเป็นห่วงกับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในร้านขายของชำแต่อย่างใด เพราะส่วนแบ่งการตลาดกว่า 80% จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า อาทิ โลตัส คาร์ฟูร์ ท็อปส์ บิ๊กซี ฯลฯ ซึ่งได้ขอความร่วมมือเก็บสินค้าที่มีส่วนผสมจากนม ลงจากชั้นวางสินค้าแล้ว
วานนี้ (26ก.ย.) ภก.มานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า ได้ประสานงานกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ให้ตัวแทนในประเทศไทยที่จำหน่ายคุกกี้ช็อกโกแล็ตรูปการ์ตูนหมีโคอาล่า ที่ผลิตโดยบริษัทล็อตเต้ ไชน่า ฟู้ดส์ โค เพื่อเก็บคุกกี้ดังกล่าวลงจากหิ้งและท้องตลาดทั้งหมด ภายหลังจากที่รัฐบาลมาเก๊า เขตปกครองทางใต้ของจีน เปิดเผยว่า คุกกี้ดังกล่าวมีการปนเปื้อนสารเมลามีนด้วย
"ภายหลังจากที่ขอความร่วมกับผู้ผลิตทั้งหมด บริษัทยูนิลิเวอร์ได้ประสานมาถึงอย.ว่ามีสินค้าในบางล็อตการผลิตที่มีส่วนผสมจากนมในประเทศจีน คือ ไอศกรีมวอลล์ มู เป็นไอศกรีมรสนม มีทั้งที่เป็นโคน แท่ง ถ้วยด้วย จึงได้เก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากท้องตลาดไปตรวจวิเคราะห์ ซึ่งจะทราบผลภายในสัปดาห์หน้า” ภก.มานิตย์กล่าว
ภก.มานิตย์ กล่าวว่า หลักการเบื้องต้นในขณะนี้ ไม่อยากให้ผู้บริโภคเกิดความตื่นตระหนก ทาง อย.จะให้เวลาผู้ประกอบการในการส่งตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการตรวจของเอกชนภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมกับเก็บตัวอย่างลงจากหิ้งในห้าง และแหล่งจำหน่ายทั่วประเทศ หากส่งผลการตรวจวิเคราะห์ให้ทางอย. จึงจะสามารถนำสินค้ากลับขึ้นในชั้นได้เหมือนเดิม และหลังจากนี้ อย.จะสุ่มตรวจเองหากพบสารเมลามีนจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
"ทาง อย.จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยขอความร่วมมือให้ทุกบริษัทเก็บสินค้าที่มีส่วนผสมจากนมประเทศจีนลงจากชั้นวางสินค้า พร้อมกับให้ทำหนังสือผลการตรวจวิเคราะห์ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ไม่มีสารเมลามีนที่มีค่าเกินอันตราย อย.ก็จะออกใบรับรองสินค้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคเป็นรายๆไป คาดว่าจะสามารถดำเนินการออกใบรับรองได้ภายในสัปดาห์หน้า" ภก.มานิตย์ กล่าว
ภก.มานิตย์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้มีบริษัทมาร์ส ไทยแลนด์ อิงค์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ ช็อกโกแลตนม โดฟ ,ช็อกโกแลตนมเคลือบน้ำตาลสีต่างๆ ตราเอ็มแอนด์เอ็ม และถั่วลิสงคาราเมล และนูกัต เคลือบช็อกโกแลตนม ตรา สนิกเกอร์ส และบริษัท ดีลแฮล์ม จำกัดเจ้าของสินค้า เวเฟอร์ สติ๊ก ไวท์ช็อกโกแลต เวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลตขาว ตราโอรีโอ ได้นำตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้ได้ส่งผลการตรวจวิเคราะห์มาที่ อย.แล้ว ซึ่งจะสามารถออกใบรับรองความปลอดภัยได้ ภายในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ สินค้าใหม่ที่เข้ามาทางชายแดนทางด่านอาหาร และยา ก็สั่งให้ดำเนินการอายัดสินค้าทุกชนิดที่มีส่วนผสมจากนมของประเทศจีน และนำส่งตัวอย่างวิเคราะห์ หากพบว่า ไม่มีค่าสารเมลามีเกินที่กำหนด ก็สามารถมาขอถอนอายัดจากด่านได้
ทั้งนี้ในวันที่ 29 ก.ย. เวลา12.00 น. ทางอย.ได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ ตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ เข้าหารือเกี่ยวกับการป้องกันสารเมลามีน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความตื่นตระหนกของผู้บริโภคต่ออาหารที่ปนเปื้อนเมลามีน
"ในการหารือของคณะทำงานเรื่องภายใน อย.และตัวแทนของสมาคมค้าปลีกฯได้มีมติตั้งวอร์รูมโดยมี นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการ อย.เป็นประธาน นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีความเห็นว่า จะกำหนดค่ามาตรฐานของสารเมลามีนในอาหารไม่เกิน 5 ส่วนในล้านส่วน หรือพีพีเอ็ม ซึ่งกำหนดค่าให้น้อยกว่ามาตรฐานของสหรัฐอเมริกา คือ 20 พีพีเอ็ม เนื่องจากร่างกายของชาวยุโรปกับไทยไม่เหมือนกัน ซึ่งจะเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาศึกษาเพื่อออกเป็นหลักเกณฑ์ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป"
ภก.มานิตย์ กล่าวด้วยว่า ไม่ค่อยเป็นห่วงกับผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในร้านขายของชำแต่อย่างใด เพราะส่วนแบ่งการตลาดกว่า 80% จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า อาทิ โลตัส คาร์ฟูร์ ท็อปส์ บิ๊กซี ฯลฯ ซึ่งได้ขอความร่วมมือเก็บสินค้าที่มีส่วนผสมจากนม ลงจากชั้นวางสินค้าแล้ว
