นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี ในฐานะ อดีตประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นผู้ยื่นเรื่องให้องค์กรอิสระได้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสหลายโครงการ ในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวถึง กรณีปัญหาการชำรุดของรถเข็นสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากลมาตั้งแต่ปี 49 โดยตนได้ท้วงติงไปยังผู้บริหารบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท) และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ว่ามีการร้องเรียนจากประชาชน ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะทำงานฯ ก็ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น และเห็นว่าข้อร้องเรียนมีมูล ว่าการประมูลให้บริษัทเอกชนร่วมงานบริการรถเข็นกระเป๋า น่าจะไม่โปร่งใส มีการล็อกสเปก เอื้อประโยชน์ให้บริษัทรายเดียว มีการแก้ไขสเปก ทำให้มาตรฐานต่ำ และยังมีการเตรียมการให้บริษัทโรงงานที่มีประสบการณ์ในการผลิตรถเข็นที่ใช้ในซุปเปอร์มาเก็ตเท่านั้น มาทำการผลิตรถเข็นสำหรับสัมภาระให้ได้รับงาน โดยเงื่อนงำโยงไปถึง "เจ๊ใหญ่" และในที่สุด บริษัทเอกชนรายนี้ ก็ได้รับการประมูลงานดังกล่าว ตนจึงได้ยื่นเรื่องไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้สอบสวนการประมูล ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. 49 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลความคืบหน้าแต่อย่างใด
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามคณะทำงานได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด โดยหลังจากมีการส่งมอบงาน ก็ได้มีการตรวจสอบมาตรฐาน และการออกแบบลักษณะการใช้ชิ้นส่วน อุปกรณ์ติดตั้ง พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีการร้องเรียนมาโดยตลอดว่า อุปกรณ์ที่ใช้มีปัญหามากมาย ไม่สมควรที่จะนำมาใช้ในสนามบินระดับนานาชาติ ถือเป็นรอยด่างอย่างหนึ่งในสนามบินสุวรรณภูมิ ในอีกหลายโครงการที่เกี่ยวโยงถึงเรื่องผลประโยชน์ และอำนาจทางการเมือง จนทำให้การบริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ควรจะอยู่ในระดับ 5 ดาว กลายเป็นระดับ 3 ดาว กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้ขึ้นมามีบทบาททางการเมืองสูงขึ้น เกรงว่าจะมีผลต่อการตรวจสอบขององค์กรอิสระในคดีเหล่านี้หรือไม่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่าตนได้ติดตามสอบถามถึงความคืบหน้ากับองค์กรอิสระที่เข้าไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับคำตอบว่า กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไร สำหรับตนมีหน้าที่เพียงตรวจสอบในเบื้องต้นเท่านั้น อยากให้ดีเอสไอ แถลงถึงความคืบหน้าในคดี ที่ได้ร้องเรียนไป 2-3 เรื่องเกี่ยวกับบริษัทแท็กส์ ที่ได้งานในสนามบินสุวรรณภูมิผิดสังเกต โดยเฉพาะ การได้สัมปทานบริการเขตปลอดอากร และคลังสินค้า จำนวนหมื่นกว่าล้านบาท ทั้งที่ก่อนที่แท็กส์ จะได้งานมีการประมูลแพ้มาตลอด แต่เมื่อมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยมี “กลุ่มเจ๊ใหญ่” อยู่เบื้องหลังเข้ามาถือหุ้น ก็กลับได้รับงานในโครงการใหญ่ ๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช. ดังนั้นขอเรียกร้องให้ทุกองค์กรอิสระที่รับผิดชอบเร่งรัดการตรวจสอบ อย่างน้อยก็ควรจะแถลงความคืบหน้า โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขสัญญาที่ผิดปกติ
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนได้เตือนให้พรรคร่วมรัฐบาลแล้วว่า อย่าเลือกนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ และจะเป็นปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่ไม่ต่างกับยุค พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เพราะยังมีคดีข้อกล่าวหาทั้ง ป.ป.ช. ดีเอสไอ. และสตง. ที่เกี่ยวโยง พัวพันความรับผิดชอบในอดีต ทำให้รัฐเสียหาย มีการทุจริต ร่ำรวยผิดปกติ ที่ล้วนเป็นชนักปักหลัง ไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงได้ เวลานี้เราต้องการผู้นำที่มาแก้สถานการณ์วิกฤต แต่ดูเหมือนจะยิ่งสร้างความวิกฤตมากขึ้น และจะทำให้รัฐบาลอายุไม่ยืน เมื่อคดีต่างๆ เหล่านี้ทยอยสรุปออกมา และนำขึ้นสู่ศาล จะยิ่งทำให้ประเทศเสียหายมากขึ้น โดยเฉพาะสภา และระบบการเมืองไทยที่ทำไมต้องเลือกคนที่มีตำหนิ มีมลทินมาเป็นผู้นำประเทศ
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าจะมีปัญหาในวันข้างหน้าแล้วยังหลับหูหลับตาเลือกมา หากเกิดอะไรขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ จึงไม่แปลกใจที่ทำไม คนจำนวนมากถึงเรียกร้องให้มีการเมืองใหม่ เพราะไม่สามารถไว้วางใจการเมืองระบบเก่าได้อีกต่อไป
"อย่างไรก็ตาม เราไม่หยุดติดตามเรื่องนี้และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะนำข้อมูลไปมอบให้ถึงมือนายสมชาย เพราะท่านจะต้องลงไปตรวจสอบเรื่องนี้ และสั่งให้มีการสอบสวนโดยด่วนว่ามีการปฏิบัติตามสัญญาหรือไม่ ผู้บริการคนใดปล่อยปละละเลย หรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับสัมปทานดังกล่าวอย่างไร ท่านต้องรู้เรื่องนี้ดี เพราะเคยเป็นบอร์ดการท่าฯ ระหว่างนั้น ดังนั้นถ้าเห็นว่ากรณีนี้ทำให้เสียหายต่อสนามบิน ที่ถือเป็นฮับแห่งเอเชีย ก็ต้องสั่งการให้มีการหาคนมารับผิดชอบโดยเร็ว เพราะเวลานี้หลักฐานชัดเจนแล้วว่า มีการเอารถเข็นคุณภาพต่ำมาใช้ สร้างความอับอายไปทั่วโลก เรื่องนี้มีการโจษขานตั้งแต่ประมูล แต่ทุกคนรอดูสภาพรถว่าเป็นอย่างไร การบริหารการจัดการได้ มาตรฐานหรือไม่ ก็ปรากฏชัดแล้วว่า ไม่ได้มาตรฐาน มีการละเลยมาถึง 2 ปี โดยไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย นายกฯ ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ แต่ผมเกรงว่าจะเป็นการหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ" นายอลงกรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากปัญหารถเข็นที่ไม่ได้มาตรฐานแล้ว ยังมีปัญหารถเข็นหายไปเป็นจำนวนมาก จนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ทำให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการที่สนามบิสนุวรรณภูมิ ต้องรอนานมาก บางครั้งถึงกับมีปากเสียงกันเรื่องแย่งรถเข็น
**แท็กส์แจงไม่เคยผิดสัญญา
แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยแอร์พอร์ตส กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ แท็กส์ ผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋า ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า การจัดหา และบริหารจัดการรถเข็นกระเป๋า สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นไปตามสัญญาที่กำหนด และมีการตรวจนับจำนวนรถเข็นกระเป๋า ทุกเดือน ซึ่งยอมรับว่ามีการขาดหายไปทำให้ไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด ซึ่งเกิดจากทั้งการชำรุด และอยู่ระหว่างการซ่อม และรถเข็นถูกนำไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ เช่น ในสำนักงานของสายการบิน เป็นต้น โดยเมื่อตรวจนับแล้วไม่ครบตามจำนวน บริษัท จะมีเวลาในการติดตามกลับมาอีก 30 วัน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และในระหว่างการติดตามนั้น ก็จะมีรถเข็นสำรองอีก 200 คัน นำออกมาใช้งานทดแทน
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามคณะทำงานได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด โดยหลังจากมีการส่งมอบงาน ก็ได้มีการตรวจสอบมาตรฐาน และการออกแบบลักษณะการใช้ชิ้นส่วน อุปกรณ์ติดตั้ง พบว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีการร้องเรียนมาโดยตลอดว่า อุปกรณ์ที่ใช้มีปัญหามากมาย ไม่สมควรที่จะนำมาใช้ในสนามบินระดับนานาชาติ ถือเป็นรอยด่างอย่างหนึ่งในสนามบินสุวรรณภูมิ ในอีกหลายโครงการที่เกี่ยวโยงถึงเรื่องผลประโยชน์ และอำนาจทางการเมือง จนทำให้การบริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ควรจะอยู่ในระดับ 5 ดาว กลายเป็นระดับ 3 ดาว กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้ขึ้นมามีบทบาททางการเมืองสูงขึ้น เกรงว่าจะมีผลต่อการตรวจสอบขององค์กรอิสระในคดีเหล่านี้หรือไม่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่าตนได้ติดตามสอบถามถึงความคืบหน้ากับองค์กรอิสระที่เข้าไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับคำตอบว่า กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไร สำหรับตนมีหน้าที่เพียงตรวจสอบในเบื้องต้นเท่านั้น อยากให้ดีเอสไอ แถลงถึงความคืบหน้าในคดี ที่ได้ร้องเรียนไป 2-3 เรื่องเกี่ยวกับบริษัทแท็กส์ ที่ได้งานในสนามบินสุวรรณภูมิผิดสังเกต โดยเฉพาะ การได้สัมปทานบริการเขตปลอดอากร และคลังสินค้า จำนวนหมื่นกว่าล้านบาท ทั้งที่ก่อนที่แท็กส์ จะได้งานมีการประมูลแพ้มาตลอด แต่เมื่อมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยมี “กลุ่มเจ๊ใหญ่” อยู่เบื้องหลังเข้ามาถือหุ้น ก็กลับได้รับงานในโครงการใหญ่ ๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช. ดังนั้นขอเรียกร้องให้ทุกองค์กรอิสระที่รับผิดชอบเร่งรัดการตรวจสอบ อย่างน้อยก็ควรจะแถลงความคืบหน้า โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขสัญญาที่ผิดปกติ
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนได้เตือนให้พรรคร่วมรัฐบาลแล้วว่า อย่าเลือกนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ และจะเป็นปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่ไม่ต่างกับยุค พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เพราะยังมีคดีข้อกล่าวหาทั้ง ป.ป.ช. ดีเอสไอ. และสตง. ที่เกี่ยวโยง พัวพันความรับผิดชอบในอดีต ทำให้รัฐเสียหาย มีการทุจริต ร่ำรวยผิดปกติ ที่ล้วนเป็นชนักปักหลัง ไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงได้ เวลานี้เราต้องการผู้นำที่มาแก้สถานการณ์วิกฤต แต่ดูเหมือนจะยิ่งสร้างความวิกฤตมากขึ้น และจะทำให้รัฐบาลอายุไม่ยืน เมื่อคดีต่างๆ เหล่านี้ทยอยสรุปออกมา และนำขึ้นสู่ศาล จะยิ่งทำให้ประเทศเสียหายมากขึ้น โดยเฉพาะสภา และระบบการเมืองไทยที่ทำไมต้องเลือกคนที่มีตำหนิ มีมลทินมาเป็นผู้นำประเทศ
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าจะมีปัญหาในวันข้างหน้าแล้วยังหลับหูหลับตาเลือกมา หากเกิดอะไรขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ จึงไม่แปลกใจที่ทำไม คนจำนวนมากถึงเรียกร้องให้มีการเมืองใหม่ เพราะไม่สามารถไว้วางใจการเมืองระบบเก่าได้อีกต่อไป
"อย่างไรก็ตาม เราไม่หยุดติดตามเรื่องนี้และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะนำข้อมูลไปมอบให้ถึงมือนายสมชาย เพราะท่านจะต้องลงไปตรวจสอบเรื่องนี้ และสั่งให้มีการสอบสวนโดยด่วนว่ามีการปฏิบัติตามสัญญาหรือไม่ ผู้บริการคนใดปล่อยปละละเลย หรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับสัมปทานดังกล่าวอย่างไร ท่านต้องรู้เรื่องนี้ดี เพราะเคยเป็นบอร์ดการท่าฯ ระหว่างนั้น ดังนั้นถ้าเห็นว่ากรณีนี้ทำให้เสียหายต่อสนามบิน ที่ถือเป็นฮับแห่งเอเชีย ก็ต้องสั่งการให้มีการหาคนมารับผิดชอบโดยเร็ว เพราะเวลานี้หลักฐานชัดเจนแล้วว่า มีการเอารถเข็นคุณภาพต่ำมาใช้ สร้างความอับอายไปทั่วโลก เรื่องนี้มีการโจษขานตั้งแต่ประมูล แต่ทุกคนรอดูสภาพรถว่าเป็นอย่างไร การบริหารการจัดการได้ มาตรฐานหรือไม่ ก็ปรากฏชัดแล้วว่า ไม่ได้มาตรฐาน มีการละเลยมาถึง 2 ปี โดยไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย นายกฯ ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ แต่ผมเกรงว่าจะเป็นการหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ" นายอลงกรณ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากปัญหารถเข็นที่ไม่ได้มาตรฐานแล้ว ยังมีปัญหารถเข็นหายไปเป็นจำนวนมาก จนไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ทำให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการที่สนามบิสนุวรรณภูมิ ต้องรอนานมาก บางครั้งถึงกับมีปากเสียงกันเรื่องแย่งรถเข็น
**แท็กส์แจงไม่เคยผิดสัญญา
แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยแอร์พอร์ตส กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ แท็กส์ ผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋า ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า การจัดหา และบริหารจัดการรถเข็นกระเป๋า สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นไปตามสัญญาที่กำหนด และมีการตรวจนับจำนวนรถเข็นกระเป๋า ทุกเดือน ซึ่งยอมรับว่ามีการขาดหายไปทำให้ไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด ซึ่งเกิดจากทั้งการชำรุด และอยู่ระหว่างการซ่อม และรถเข็นถูกนำไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ เช่น ในสำนักงานของสายการบิน เป็นต้น โดยเมื่อตรวจนับแล้วไม่ครบตามจำนวน บริษัท จะมีเวลาในการติดตามกลับมาอีก 30 วัน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และในระหว่างการติดตามนั้น ก็จะมีรถเข็นสำรองอีก 200 คัน นำออกมาใช้งานทดแทน