xs
xsm
sm
md
lg

“อลงกรณ์” จี้ “สมชาย” สางทุจริตสุวรรณภูมิ-ชี้ “กลุ่มเจ๊ใหญ่” มีเอี่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อลงกรณ์ พลบุตร
“อลงกรณ์” ชี้ รถเข็นกระเป๋าสนามบินสุวรรณภูมิเจ๊ง ตัวอย่างชัดเจนของผลงานสุดฉาวกลุ่มเจ๊ใหญ่ จี้ “สมชาย” เร่งหาตัวคนรับผิดชอบด่วน! เพราะเจ้าตัวรู้ดี หวั่นเจอปัญหา “หยิกเล็บเจ็บเนื้อ” พร้อมจี้อีเอสไอแจงผลสอบ “แท็กส์” งาบสัมปทานเขตปลอดอากร-คลังสินค้า 1 หมื่นล้าน

วันนี้ (22 ก.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี ในฐานะอดีตประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นผู้ยื่นเรื่องให้องค์กรอิสระได้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสหลายโครงการ ในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวถึงกรณีปัญหาการชำรุดของรถเข็นสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เรื่องนี้มีความไม่อบมาพากลมาตั้งแต่ปี 2549 โดยตนได้ท้วงติงไปยังผู้บริหารบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบว่า มีการร้องเรียนจากประชาชน ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะทำงานฯ ก็ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น และเห็นว่า ข้อร้องเรียนมีมูล ว่า การประมูลให้บริษัทเอกชนร่วมงานบริการรถเข็นกระเป๋า น่าจะไม่โปร่งใส มีการล็อกสเปก เอื้อประโยชน์ให้บริษัทรายเดียว มีการแก้ไขสเปกทำให้มาตรฐานต่ำ และยังมีการเตรียมการให้บริษัทโรงงานที่มีประสบการณ์ในการผลิตรถเข็นที่ใช้ในซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น มาทำการผลิตรถเข็นสำหรับสัมภาระให้ได้รับงาน โดยเงื่อนงำไปถึง “เจ๊ใหญ่” และในที่สุด บริษัทเอกชนรายนี้ ก็ได้รับการประมูลงานดังกล่าว ตนจึงได้ยื่นเรื่องไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอให้สอบสวนการประมูลตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.2549 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลความคืบหน้าแต่อย่างใด

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม คณะทำงานได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด โดยหลังจากมีการส่งมอบงาน ก็ได้มีการตรวจสอบมาตรฐาน และการออกแบบลักษณะการใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ติดตั้ง พบว่า อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีการร้องเรียนมาโดยตลอดว่าอุปกรณ์ที่ใช้มีปัญหามากมาย ไม่สมควรที่จะนำมาใช้ในสนามบินระดับนานาชาติ ถือเป็นรอยด่างอย่างหนึ่งในสนามบินสุวรรณภูมิในอีกหลายโครงการที่เกี่ยวโยงถึงเรื่องผลประโยชน์ และอำนาจทางการเมือง จนทำให้การบริการของสนามบินสุวรรณภูมิที่ควรจะอยู่ในระดับ 5 ดาว กลายเป็นระดับ 3 ดาว กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ขึ้นมามีบทบาททางการเมืองสูงขึ้น เกรงว่า จะมีผลต่อการตรวจสอบขององค์กรอิสระในคดีเหล่านี้หรือไม่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่าตนได้ติดตามสอบถามถึงความคืบหน้ากับองค์กรอิสระที่เข้าไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับคำตอบว่ากำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ สำหรับตนมีหน้าที่เพียงตรวจสอบในเบื้องต้นเท่านั้น อยากให้ดีเอสไอแถลงถึงความคืบหน้าในคดี ที่ได้ร้องเรียนไป 2-3 เรื่องเกี่ยวกับบริษัท แท็กส์ ที่ได้งานในสนามบินสุวรรณภูมิผิดสังเกต โดยเฉพาะการได้สัมปทานบริการเขตปลอดอากร และคลังสินค้า จำนวน 1 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งที่ก่อนที่แท็กส์จะได้งานมีการประมูลแพ้มาตลอด แต่เมื่อมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยมี “กลุ่มเจ๊ใหญ่” อยู่เบื้องหลังเข้ามาถือหุ้นก็กลับได้รับงานในโครงการใหญ่ๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช.ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ทุกองค์กรอิสระที่รับผิดชอบเร่งรัดการตรวจสอบ อย่างน้อยก็ควรจะแถลงความคืบหน้า โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขสัญญาที่ผิดปกติ

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนได้เตือนให้พรรคร่วมรัฐบาลแล้วว่าอย่าเลือก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเหมือนกับระเบิดลูกใหญ่ และจะเป็นปัญหาวิกฤตทางการเมืองที่ไม่ต่างกับยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะยังมีคดีข้อกล่าวหาทั้ง ป.ป.ช. ดีเอสไอ และ สตง.ที่เกี่ยวโยง พัวพันความรับผิดชอบในอดีต ทำให้รัฐเสียหาย มีการทุจริตร่ำรวยผิดปกติ ที่ล้วนเป็นชนักปักหลัง ไม่สามารถลบล้างข้อเท็จจริงได้ เวลานี้เราต้องการผู้นำที่มาแก้สถานการณ์วิกฤต แต่ดูเหมือนจะยิ่งสร้างความวิกฤตมากขึ้น และจะทำให้รัฐบาลอายุไม่ยืน เมื่อคดีต่างๆ เหล่านี้ทยอยสรุปออกมาและนำขึ้นสู่ศาล จะยิ่งทำให้ประเทศเสียหายมากขึ้น โดยเฉพาะสภา และระบบการเมืองไทยที่ทำไมต้องเลือกคนที่มีตำหนิมีมลทินมาเป็นผู้นำประเทศ ดังนั้น เมื่อรู้ว่า จะมีปัญหาในวันข้างหน้าแล้วยังหลับหูหลับตาเลือกมา หากเกิดอะไรขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบ จึงไม่แปลกใจที่ทำไมคนจำนวนมากถึงเรียกร้องให้มีการเมืองใหม่ เพราะไม่สามารถไว้วางใจการเมืองระบบเก่าได้อีกต่อไป

“เราไม่หยุดติดตามเรื่องนี้ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะนำข้อมูลไปมอบให้ถึงมือนายสมชาย เพราะท่านจะต้องลงไปตรวจสอบเรื่องนี้ และสั่งให้มีการสอบสวนโดยด่วน ว่า มีการปฏิบัติตามสัญญาหรือไม่ ผู้บริหารคนใดปล่อยปละละเลย หรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับสัมปทานดังกล่าวอย่างไร ท่านต้องรู้เรื่องนี้ดี เพราะเคยเป็นบอร์ดการท่าฯ ระหว่างนั้น ดังนั้น ถ้าเห็นว่ากรณีนี้ทำให้เสียหายต่อสนามบินที่ถือเป็นฮับแห่งเอเชีย ก็ต้องสั่งการให้มีการหาคนมารับผิดชอบโดยเร็ว เพราะเวลานี้หลักฐานชัดเจนแล้วว่า มีการเอารถเข็นคุณภาพต่ำมาใช้สร้างความอับอายไปทั่วโลก เรื่องนี้มีการโจษขานตั้งแต่ประมูล แต่ทุกคนรอดูสภาพรถว่าเป็นอย่างไร การบริหารการจัดการได้มาตรฐานหรือไม่ ก็ปรากฏชัดแล้วว่า ไม่ได้มาตรฐาน มีการละเลยมาถึง 2 ปี โดยไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย นายกฯ ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ แต่ผมเกรงว่าจะเป็นการหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ” นายอลงกรณ์ กล่าว
 
หนังสือถึงดีเอสไอให้ตรวจสอบการประมูลรถเข็นกระเป๋าสนามบินสุวรรณภูมิ


ที่ ปชป.ภก.๐๐๐๙๒/๒๕๔๙                                             พรรคประชาธิปัตย์

                                               ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๙

เรื่อง ขอให้ตรวจสอบกรณีการประมูลงานบริการรถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า ๕๓๔ ล้านบาท

เรียน พลตำรวจเอก สมบัติ อมรวิวัฒน์
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ตามที่กระผม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริต ตามนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับร้องเรียนว่า มีความไม่โปร่งใสส่อทุจริต ในการประมูลสัมปทานจ้างบริษัทรถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งภายหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบพิรุธเพิ่มเติม กล่าวคือ จากการที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้เปิดประมูลให้บริษัทเอกชนยื่นซองประกวดราคาประมูลงาน บริการรถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน ๙,๐๓๔ คัน พร้อมแรงงาน ๒๕๐ คน เป็นเวลา ๗ ปี มูลค่า ๕๓๔ ล้านบาท ซึ่งยื่นซองเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๙ ที่ผ่านมานั้น มีบริษัทที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ และเทคนิคเพียงรายเดียวคือ บริษัท ไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (แท็กส์) (Thai Airport Ground Service, TAGS)

จากการสอบถามพยานหลักฐาน ทราบว่า ก่อนส่งตัวอย่างรถ ซองเสนอราคา และเงินประกัน 1 วัน ทางบริษัท การท่าอากาศยาน ได้แจ้งว่า ขอเลื่อนการประมูลไว้ก่อน และได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบว่าขอยกเลิกการประมูล ซึ่งไม่ได้แจ้งเหตุผล แต่หลังจากนั้นอีกประมาณ ๑๓ วัน ได้แจ้งว่าจะมีการประมูลใหม่ โดยมีการแก้ไขเอกสารโดยเฉพาะ การแก้ไขสเป็คของรถเข็นกระเป๋าขนาดกลางใหม่ ให้ มีคุณสมบัติในการบรรทุกกระเป๋าสามารถขึ้น-ลงบันไดเลื่อนเป็นขั้นๆ ได้ และยังมีการตัดข้อความเก่าที่ว่า โรงงานที่ผลิตรถเข็นต้องเป็นโรงงานที่เคยผลิตและส่งออกไปใช้ยังสนามบินนานาชาติ ซึ่งเป็นการแก้ไขสเปก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการบางรายเท่านั้น ทำให้บริษัท แท็กส์ ได้รับการเปิดซองราคา และชนะการประมูล ซึ่งบริษัท แท็กส์ ซื้อรถเข็นกระเป๋าจากโรงงานที่ไม่เคยผลิตรถเข็นกระเป๋าสนามบินนานาชาติมาก่อน ซึ่งต่างกับบริษัทที่เข้าร่วมประมูล ที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติของบริษัท การท่าอากาศยาน ทั้งที่ เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการผลิตรถเข็นกระเป๋าให้กับสนามบินทั่วโลกหลายแห่ง

นอกจากนี้ คณะทำงานฯ ยังตรวจสอบข้อมูล พบว่า บริษัท การท่าอากาศยาน ถือหุ้นใน บริษัท แท็กส์ อยู่ร้อยละ ๒๘ และกรรมการของบริษัทการท่าอากาศยาน จำนวน ๓ คน เป็นกรรมการของ บริษัท แท็กส์ ด้วยเช่นกัน ได้แก่
๑.เรืออากาศเอก หม่อมหลวง ย่อม งอนรถ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการท่าอากาศยาน
๒.เรืออากาศ พินิจ สาหร่ายทอง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง
๓.นายสมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

และข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ล่าสุด ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ระบุว่า บุคคลที่กล่าวมาเบื้องต้น เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัท แท็กส์ แสดงให้เห็นชัดว่า การประมูลในครั้งนี้ ผิดปกติมีพิรุธเอื้อประโยชน์ระหว่างกัน และไม่มีการแข่งขันประมูลอย่างเป็นธรรมและเปิดกว้าง เพราะบริษัท การท่าอากาศยานและ บริษัท แท็กส์ มีความสัมพันธ์กันในเชิงทุนและการบริหารระหว่างกัน

ด้วยข้อมูลการตรวจสอบทุจริตของคณะทำงานฯ เบื้องต้น ใคร่ขอให้ท่านได้กระทำการตรวจสอบกรณีการประมูลงานบริการรถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า ๕๓๔ ล้านบาท ซึ่งน่าจะเชื่อได้ว่า มีการทุจริตในเรื่องดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

                                 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา 

                                     ขอแสดงความนับถือ

                                   (นายอลงกรณ์ พลบุตร)
                                        รองหัวหน้าพรรค


กำลังโหลดความคิดเห็น