ขณะนี้ยังอยู่ในเทศกาลเข้าพรรษาซึ่งเริ่มมาตั้งแต่กลางเดือน 8 และจะไปสิ้นสุดเอาในกลางเดือน 11 จากนั้นไปอีกเดือนหนึ่งก็จะเป็นเทศกาลลอยกระทง
ในกลางพรรษานั้น ยังมีเทศกาลสำคัญอีกเทศกาลหนึ่ง ซึ่งเป็นเทศกาลทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพชน หรือบรรพบุรุษ หรือญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้ว เทศกาลนี้แม้มีอยู่ทั่วไปในแดนสุวรรณภูมิซึ่งนับถือพระพุทธศาสนา แต่ที่จัดเป็นเทศกาลกันจริงๆ จังๆ และเน้นความสำคัญมากก็อยู่ที่พื้นที่ภาคใต้
ชาวพุทธทั่วไปเรียกเทศกาลนี้ว่าเทศกาลทำบุญเดือนสิบ แต่ในพื้นที่ภาคใต้โดยทั่วไปจะเรียกว่าเทศกาลชิงเปรต
ในเวทีชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่าคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดถึงเรื่องนี้ และได้นำผู้ชุมนุมสวดแผ่ส่วนกุศลให้กับวิญญาณบรรพบุรุษ รวมทั้งสวดพระปริตรบางบทด้วย
เทศกาลทำบุญเดือนสิบหรือเทศกาลบุญเดือนสิบหรือเทศกาลชิงเปรตนั้น เป็นการปฏิบัติเพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา เป็นหนึ่งในข้อปฏิบัติดังที่ปรากฏในมงคลสูตรหรือมงคล 38 คือการทำบุญตามกาล
อันการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพชน หรือบรรพบุรุษ หรือญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วนั้น โดยปกติก็จะมีวาระเฉพาะ เช่น ทำบุญครบ 7 วัน 50 วัน 100 วัน ครบปี หรือในวาระงานบุญอื่นๆ แต่ที่เป็นงานบุญเฉพาะแก่บรรพชน บรรพบุรุษ หรือญาติมิตรที่ล่วงลับอันเป็นการใหญ่ในแต่ละปีนั้นก็คือเทศกาลบุญเดือนสิบหรือเทศกาลชิงเปรตนั่นเอง
งานบุญดังกล่าวกำหนดวันเฉพาะมาแต่โบราณแล้วว่าเป็นวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี ไม่ว่าปีนั้นๆ จะมีเดือน 8 หนเดียวหรือเดือน 8 สองหนก็ตาม
เว้นแต่บางที่บางแห่งซึ่งแทบไม่มีแล้ว อาจเลื่อนไปจัดในวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 แต่บางที่ในภาคใต้ก็จะจัดงานบุญชิงเปรตทั้งวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 และทั้งวันแรม 15 ค่ำเดือน 10
เหตุที่มีงานบุญในวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 อีกวันหนึ่งนั้นเป็นเรื่องต่อเนื่องกับการเข้าพรรษา ซึ่งคนทั้งหลายทั้งปวงมักจะเข้าใจว่าวันเข้าพรรษามีเพียงวันเดียว คือวันแรม 1 ค่ำเดือน 8
ซึ่งไม่ผิด แต่ความจริงการเข้าพรรษานั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพุทธานุญาตให้มีวันเข้าพรรษาอีกวันหนึ่งหลังจากกำหนดเข้าพรรษาครั้งแรกผ่านพ้นไปแล้ว 15 วัน เรียกว่าวันเข้าพรรษาหลัง สำหรับบางพื้นที่ที่ฤดูฝนมาช้ากว่าปกติหรือมีเหตุจำเป็นไม่อาจเข้าพรรษาได้ทันในวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 เพราะเหตุนี้งานบุญเดือนสิบในบางพื้นที่จึงเลื่อนตามวันเข้าพรรษาไปด้วย
มีคติเชื่อว่าในวันดังกล่าวนั้นเป็นวันเปิดโลกให้ทั้งสามโลกถึงกัน คือทั้งโลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกนรกเปิดถึงกันหมด แต่แหล่งที่จะเป็นที่ชุมนุมก็คือมนุษยโลก
เพราะในเทวโลกหรือโลกสวรรค์นั้นมีความจำกัดมาก บรรดาเทพบุตร เทพธิดา หรือเทวดาทั้งหลาย ยากที่จะขึ้นไปถึงชั้นพรหมหรือชั้นสูงกว่าภูมิที่อยู่ได้ จึงมักที่จะลงมาเยี่ยมเยือนดูสารทุกข์สุกดิบของญาติมิตรในโลกมนุษย์
ส่วนในยมโลกนั้นก็ไม่มีทางที่จะไปไหน เพราะจะไปโลกสวรรค์หรือเทวโลกก็ไปไม่ได้ จึงได้แต่ขึ้นมาเยี่ยมเยือนญาติมิตรในมนุษยโลก
ว่ากันว่าพญายมจะเปิดโลกให้บรรดาวิญญาณทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่ในนรกได้ขึ้นไปเยี่ยมญาติที่โลกมนุษย์ และเนื่องจากวิญญาณทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยากเสวยกรรมอยู่ในนรกนั้นเป็นที่ทุกข์ทรมานนัก ทั้งมีความขาดแคลนในเรื่องต่างๆ ดังนั้นจึงมีความเรียกร้องต้องการในสิ่งที่ขาดแคลน
และเป็นโอกาสให้ญาติมิตรที่อยู่ในโลกมนุษย์ได้แสดงกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชน บรรพบุรุษ หรือญาติมิตรของตนเพื่อให้สร่างคลายหรือพ้นจากความทุกข์ที่ต้องตกอยู่ในนรกนั้น
จึงเป็นโอกาสที่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรก เพราะถือว่าปีหนึ่งวิญญาณเหล่านี้จะมีโอกาสขึ้นมาเยี่ยมเยือนหรือมาขอส่วนบุญส่วนกุศลตามปกติได้แค่ 2 ครั้ง คือในเทศกาลสงกรานต์ครั้งหนึ่ง และในเทศกาลบุญเดือนสิบอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นการทำบุญตามกาลซึ่งเป็นมงคลสูงสุดประการหนึ่งของชีวิตและการได้แสดงกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชน บรรพบุรุษ หรือญาติมิตรผู้ล่วงลับ ซึ่งอาจมีทั้งการทำทาน ทำกุศลผสมผสานกันไปด้วย จึงเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่เป็นมงคลแก่ชีวิต
ทำให้จิตใจได้วางความติดยึดในปัจจุบันลงได้ชั่วขณะหนึ่ง ได้มีโอกาสหวนรำลึกนึกถึงบรรพบุรุษและญาติมิตรของตนที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ได้รำลึกถึงกฎแห่งกรรมที่ว่าทำดีแล้วก็ได้ดี ทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว เพราะการก่อกรรมทำชั่วจึงอาจตกในอบายหรือนรก เป็นที่ทุกข์ทรมาน
ทำให้จิตใจได้น้อมนำเอาความกตัญญู ความกตเวที ความมีเมตตา ความมีกรุณา แม้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเข้ามาสู่ใจของตน ทำให้จิตใจอ่อนโยน ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกฝนอบรมปฏิบัติทางจิตที่ได้ผลอีกทางหนึ่ง
เพราะจิตใจที่อ่อนโยนในลักษณะนี้เป็นพื้นฐานของศีล ของสมาธิ และปัญญาอันเป็นไตรสิกขาในพระพุทธศาสนาที่มีอานิสงส์มาก ทั้งในระดับโลกียะหรือในระดับโลกุตระ
แม้ในทางโลกก็ย่อมมีผลซึ่งเป็นกุศโลบายหรือเป็นอุบายที่เป็นกุศลอย่างหนึ่งให้มีการรวมญาติ รวมมิตร รวมพรรคพวกเพื่อนฝูงมาทำบุญทำกุศลด้วยกัน มาเผื่อแผ่อุทิศส่วนกุศลให้กับคนอื่น ทำให้จิตใจคุ้นเคยกับการสละละวาง กับการเผื่อแผ่เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันเป็นผลต่อการทำให้สร่างคลายจากความยึดมั่นถือมั่นหรือความเห็นแก่ตัว
เป็นเบื้องต้นของการสละละวางความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวงที่ถ้าหากก้าวรุดหน้าไปจนถึงที่สุดแล้วก็จะถึงซึ่งความดับทุกข์สิ้นเชิง ถึงซึ่งพระนิพพานได้อีกด้วย นี่คืออานิสงส์ใหญ่อันเป็นที่สุดของการกระทำทั้งปวงในทางกุศลในทางพระพุทธศาสนา
การทำบุญเดือนสิบหรือการทำบุญชิงเปรตนั้นต่างคนต่างครอบครัวจะชักชวนญาติมิตรพี่น้องไปร่วมกันทำบุญที่วัด ทำบุญถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ ถือศีล ปฏิบัติธรรม แล้วแผ่เอาส่วนกุศลนั้นแก่ญาติมิตรผู้ล่วงลับ
ครั้นเวลาใกล้เที่ยง เสร็จพิธีสงฆ์ ขณะพระสงฆ์กำลังฉันเพล ก็พากันเอาข้าวปลาอาหารผลไม้และขนมต่างๆ ที่เฉพาะก็คือขนมลา ขนมเจาะหู และขนมอื่นๆ ตามประเพณีนิยมของท้องถิ่นไปตั้งกองรวมไว้ จุดธูป จุดเทียน กล่าวขานชื่อบรรพชน บรรพบุรุษและญาติมิตรของตน ขอให้มารับเอาข้าวปลาอาหารและบริวารทั้งหลาย
บางรายที่รู้ว่าญาติมิตรของตนมีอัธยาศัยชอบพอสิ่งไหนเป็นพิเศษ ชอบกินอาหารหรือผลไม้อย่างไหนเป็นพิเศษก็จัดไปตั้งเอาไว้ด้วย แบบเดียวกับการตั้งของบูชาไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนนั่นแหละ
พอพระฉันเพลเสร็จ ถือว่าเป็นเวลาที่วิญญาณทั้งหลายได้รับเอาข้าวปลาอาหารและบริวารทั้งหลายแล้ว พระก็จะสวดอนุโมทนา ก็จะเป็นสัญญาณให้ลูกเล็กเด็กน้อยและคนทั้งหลายพร้อมกันเข้าไปชิงเอาข้าวปลาอาหารนั้น โดยมีคติว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้วิญญาณทั้งหลายมีความยินดีอย่างหนึ่ง และเป็นสิริมงคลอีกอย่างหนึ่ง
ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็นการชิงเปรต ซึ่งความจริงไม่ใช่ชิงเปรตเพราะเป็นเวลาที่ถือว่าวิญญาณทั้งหลายได้รับเอาข้าวปลาอาหารและบริวารเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
และที่ไปชิงกันนั้นก็ไม่ได้ชิงกันเพื่อแสวงหาประโยชน์โภคผลอันใดเพื่อตนเองหรือพวกพ้อง เป็นการแสดงการชิงเพื่อให้วิญญาณญาติมิตรดีอกดีใจเป็นหลัก ที่จะได้ของคาวหวานมาแบ่งกันกินเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น จึงเป็นการบุญการกุศลที่สร้างความสามัคคีและสร้างสิริมงคลโดยแท้
ไม่เหมือนกับการเมืองในขณะนี้ที่กำลังเกิดขึ้นในเทศกาลชิงเปรตและกำลังชิงเปรตกันจริงๆ
ตามข่าวคราวที่ปรากฏขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนก็ดี ภายในพรรคพลังประชาชนก็ดี และแม้ภายในพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคก็ดี กำลังต่อรองกันในทุกรูปแบบเพื่อให้ได้โควตาและตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่ต้องการ
มีการข่มขู่ ข่มเหง อาฆาตมาดร้าย ปล่อยข่าวทำลายล้าง ใช้เล่ห์กลอุบายกันทุกรูปแบบ แม้กระทั่งการใช้เงินซื้อหาเป็นค่าเก้าอี้รัฐมนตรี หรือแม้การมีข้อตกลงพิเศษว่าโกงบ้านโกงเมืองจากการใช้อำนาจหน้าที่ได้เท่าใดแล้วจะแบ่งสรรปันส่วนให้กับใครอย่างไร
ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้อง เพื่อแสวงหาอำนาจและเพื่อใช้อำนาจนั้นในการแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องโดยมีเป้าหมายว่าเมื่อได้อำนาจ ได้ประโยชน์มาแล้วก็จะใช้ประโยชน์นั้นไปหว่านซื้อเสียง ซื้อคน เข้ามาเป็นพวกเพื่อจะได้มีอำนาจต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
เป็นวงจรอุบาทว์ที่ผลาญชาติ ผลาญแผ่นดิน ผลาญประชาชน เพื่อตนหรือพวกพ้องเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และนี่เองที่ทำให้ประเทศไทยของเราตกอยู่ในวังวนของความอุบาทว์ชาติชั่ว ความทุกข์ยากขมขื่น ความยากจนขาดแคลนล้าหลัง ที่กำลังย่ำแย่กว่าทุกประเทศในเอเชียไปแล้ว
เป็นการชิงเปรตทางการเมืองที่ดูถูกประชาชน มองว่าประชาชนเป็นเพียงเปรตพวกหนึ่งเท่านั้น เห็นว่าประชาชนเป็นเปรตที่หิวโหยรอส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ปล้นชิงมาจากประเทศชาติ
และก็มีเปรตจำพวกนี้จริงๆ ที่ไม่ยอมรับความเป็นคนของตน ไม่ยอมรับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตน ประพฤติตนเป็นเปรตที่รอเอาแต่ส่วนแบ่งจากเศษเลยที่นักการเมืองจะมาแบ่งให้หรือหว่านให้ในเทศกาลเลือกตั้ง
เพราะการเมืองแบบนี้จึงทำให้ประเทศไทยของเรามีสภาพย่ำแย่ คล้ายๆ กับจะเป็นยมโลกหรือเมืองนรกเข้าไปทุกทีแล้ว
เปรตในเมืองนรกนั้นพ้นจากความเป็นเปรตได้ด้วยผลบุญและกุศล แต่เปรตในเมืองมนุษย์นั้นจะพ้นจากความเป็นเปรตได้ก็แต่โดยแสงสว่างแห่งปัญญาที่ต้องได้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องครบถ้วนรอบด้านและตรงไปตรงมาเท่านั้น
เหตุนี้จึงกล่าวได้ว่าการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความมืดบอดทางปัญญาและทำให้สังคมไทยกลายเป็นเมืองนรกที่จะหมกไหม้ลูกหลานเหลนโหลนของเราต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตื่นเถิดพี่น้องสื่อมวลชนทั้งหลาย ช่วยกันกอบกู้โลกมนุษย์นี้และแผ่นดินนี้ให้พ้นสภาพจากความเป็นเมืองนรก ประพฤติปฏิบัติตนตามแบบอย่างพระมาลัยที่โปรดเปรตทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ร้อนในขุมนรก ด้วยการประทานแสงสว่างแห่งปัญญาให้กับเพื่อนร่วมชาติอย่างพร้อมเพรียงกัน.
ในกลางพรรษานั้น ยังมีเทศกาลสำคัญอีกเทศกาลหนึ่ง ซึ่งเป็นเทศกาลทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพชน หรือบรรพบุรุษ หรือญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้ว เทศกาลนี้แม้มีอยู่ทั่วไปในแดนสุวรรณภูมิซึ่งนับถือพระพุทธศาสนา แต่ที่จัดเป็นเทศกาลกันจริงๆ จังๆ และเน้นความสำคัญมากก็อยู่ที่พื้นที่ภาคใต้
ชาวพุทธทั่วไปเรียกเทศกาลนี้ว่าเทศกาลทำบุญเดือนสิบ แต่ในพื้นที่ภาคใต้โดยทั่วไปจะเรียกว่าเทศกาลชิงเปรต
ในเวทีชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่าคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดถึงเรื่องนี้ และได้นำผู้ชุมนุมสวดแผ่ส่วนกุศลให้กับวิญญาณบรรพบุรุษ รวมทั้งสวดพระปริตรบางบทด้วย
เทศกาลทำบุญเดือนสิบหรือเทศกาลบุญเดือนสิบหรือเทศกาลชิงเปรตนั้น เป็นการปฏิบัติเพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา เป็นหนึ่งในข้อปฏิบัติดังที่ปรากฏในมงคลสูตรหรือมงคล 38 คือการทำบุญตามกาล
อันการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพชน หรือบรรพบุรุษ หรือญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วนั้น โดยปกติก็จะมีวาระเฉพาะ เช่น ทำบุญครบ 7 วัน 50 วัน 100 วัน ครบปี หรือในวาระงานบุญอื่นๆ แต่ที่เป็นงานบุญเฉพาะแก่บรรพชน บรรพบุรุษ หรือญาติมิตรที่ล่วงลับอันเป็นการใหญ่ในแต่ละปีนั้นก็คือเทศกาลบุญเดือนสิบหรือเทศกาลชิงเปรตนั่นเอง
งานบุญดังกล่าวกำหนดวันเฉพาะมาแต่โบราณแล้วว่าเป็นวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี ไม่ว่าปีนั้นๆ จะมีเดือน 8 หนเดียวหรือเดือน 8 สองหนก็ตาม
เว้นแต่บางที่บางแห่งซึ่งแทบไม่มีแล้ว อาจเลื่อนไปจัดในวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 แต่บางที่ในภาคใต้ก็จะจัดงานบุญชิงเปรตทั้งวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 และทั้งวันแรม 15 ค่ำเดือน 10
เหตุที่มีงานบุญในวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 อีกวันหนึ่งนั้นเป็นเรื่องต่อเนื่องกับการเข้าพรรษา ซึ่งคนทั้งหลายทั้งปวงมักจะเข้าใจว่าวันเข้าพรรษามีเพียงวันเดียว คือวันแรม 1 ค่ำเดือน 8
ซึ่งไม่ผิด แต่ความจริงการเข้าพรรษานั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพุทธานุญาตให้มีวันเข้าพรรษาอีกวันหนึ่งหลังจากกำหนดเข้าพรรษาครั้งแรกผ่านพ้นไปแล้ว 15 วัน เรียกว่าวันเข้าพรรษาหลัง สำหรับบางพื้นที่ที่ฤดูฝนมาช้ากว่าปกติหรือมีเหตุจำเป็นไม่อาจเข้าพรรษาได้ทันในวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 เพราะเหตุนี้งานบุญเดือนสิบในบางพื้นที่จึงเลื่อนตามวันเข้าพรรษาไปด้วย
มีคติเชื่อว่าในวันดังกล่าวนั้นเป็นวันเปิดโลกให้ทั้งสามโลกถึงกัน คือทั้งโลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกนรกเปิดถึงกันหมด แต่แหล่งที่จะเป็นที่ชุมนุมก็คือมนุษยโลก
เพราะในเทวโลกหรือโลกสวรรค์นั้นมีความจำกัดมาก บรรดาเทพบุตร เทพธิดา หรือเทวดาทั้งหลาย ยากที่จะขึ้นไปถึงชั้นพรหมหรือชั้นสูงกว่าภูมิที่อยู่ได้ จึงมักที่จะลงมาเยี่ยมเยือนดูสารทุกข์สุกดิบของญาติมิตรในโลกมนุษย์
ส่วนในยมโลกนั้นก็ไม่มีทางที่จะไปไหน เพราะจะไปโลกสวรรค์หรือเทวโลกก็ไปไม่ได้ จึงได้แต่ขึ้นมาเยี่ยมเยือนญาติมิตรในมนุษยโลก
ว่ากันว่าพญายมจะเปิดโลกให้บรรดาวิญญาณทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่ในนรกได้ขึ้นไปเยี่ยมญาติที่โลกมนุษย์ และเนื่องจากวิญญาณทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยากเสวยกรรมอยู่ในนรกนั้นเป็นที่ทุกข์ทรมานนัก ทั้งมีความขาดแคลนในเรื่องต่างๆ ดังนั้นจึงมีความเรียกร้องต้องการในสิ่งที่ขาดแคลน
และเป็นโอกาสให้ญาติมิตรที่อยู่ในโลกมนุษย์ได้แสดงกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชน บรรพบุรุษ หรือญาติมิตรของตนเพื่อให้สร่างคลายหรือพ้นจากความทุกข์ที่ต้องตกอยู่ในนรกนั้น
จึงเป็นโอกาสที่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรก เพราะถือว่าปีหนึ่งวิญญาณเหล่านี้จะมีโอกาสขึ้นมาเยี่ยมเยือนหรือมาขอส่วนบุญส่วนกุศลตามปกติได้แค่ 2 ครั้ง คือในเทศกาลสงกรานต์ครั้งหนึ่ง และในเทศกาลบุญเดือนสิบอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้นการทำบุญตามกาลซึ่งเป็นมงคลสูงสุดประการหนึ่งของชีวิตและการได้แสดงกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชน บรรพบุรุษ หรือญาติมิตรผู้ล่วงลับ ซึ่งอาจมีทั้งการทำทาน ทำกุศลผสมผสานกันไปด้วย จึงเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่เป็นมงคลแก่ชีวิต
ทำให้จิตใจได้วางความติดยึดในปัจจุบันลงได้ชั่วขณะหนึ่ง ได้มีโอกาสหวนรำลึกนึกถึงบรรพบุรุษและญาติมิตรของตนที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ได้รำลึกถึงกฎแห่งกรรมที่ว่าทำดีแล้วก็ได้ดี ทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว เพราะการก่อกรรมทำชั่วจึงอาจตกในอบายหรือนรก เป็นที่ทุกข์ทรมาน
ทำให้จิตใจได้น้อมนำเอาความกตัญญู ความกตเวที ความมีเมตตา ความมีกรุณา แม้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเข้ามาสู่ใจของตน ทำให้จิตใจอ่อนโยน ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกฝนอบรมปฏิบัติทางจิตที่ได้ผลอีกทางหนึ่ง
เพราะจิตใจที่อ่อนโยนในลักษณะนี้เป็นพื้นฐานของศีล ของสมาธิ และปัญญาอันเป็นไตรสิกขาในพระพุทธศาสนาที่มีอานิสงส์มาก ทั้งในระดับโลกียะหรือในระดับโลกุตระ
แม้ในทางโลกก็ย่อมมีผลซึ่งเป็นกุศโลบายหรือเป็นอุบายที่เป็นกุศลอย่างหนึ่งให้มีการรวมญาติ รวมมิตร รวมพรรคพวกเพื่อนฝูงมาทำบุญทำกุศลด้วยกัน มาเผื่อแผ่อุทิศส่วนกุศลให้กับคนอื่น ทำให้จิตใจคุ้นเคยกับการสละละวาง กับการเผื่อแผ่เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันเป็นผลต่อการทำให้สร่างคลายจากความยึดมั่นถือมั่นหรือความเห็นแก่ตัว
เป็นเบื้องต้นของการสละละวางความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวงที่ถ้าหากก้าวรุดหน้าไปจนถึงที่สุดแล้วก็จะถึงซึ่งความดับทุกข์สิ้นเชิง ถึงซึ่งพระนิพพานได้อีกด้วย นี่คืออานิสงส์ใหญ่อันเป็นที่สุดของการกระทำทั้งปวงในทางกุศลในทางพระพุทธศาสนา
การทำบุญเดือนสิบหรือการทำบุญชิงเปรตนั้นต่างคนต่างครอบครัวจะชักชวนญาติมิตรพี่น้องไปร่วมกันทำบุญที่วัด ทำบุญถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ ถือศีล ปฏิบัติธรรม แล้วแผ่เอาส่วนกุศลนั้นแก่ญาติมิตรผู้ล่วงลับ
ครั้นเวลาใกล้เที่ยง เสร็จพิธีสงฆ์ ขณะพระสงฆ์กำลังฉันเพล ก็พากันเอาข้าวปลาอาหารผลไม้และขนมต่างๆ ที่เฉพาะก็คือขนมลา ขนมเจาะหู และขนมอื่นๆ ตามประเพณีนิยมของท้องถิ่นไปตั้งกองรวมไว้ จุดธูป จุดเทียน กล่าวขานชื่อบรรพชน บรรพบุรุษและญาติมิตรของตน ขอให้มารับเอาข้าวปลาอาหารและบริวารทั้งหลาย
บางรายที่รู้ว่าญาติมิตรของตนมีอัธยาศัยชอบพอสิ่งไหนเป็นพิเศษ ชอบกินอาหารหรือผลไม้อย่างไหนเป็นพิเศษก็จัดไปตั้งเอาไว้ด้วย แบบเดียวกับการตั้งของบูชาไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนนั่นแหละ
พอพระฉันเพลเสร็จ ถือว่าเป็นเวลาที่วิญญาณทั้งหลายได้รับเอาข้าวปลาอาหารและบริวารทั้งหลายแล้ว พระก็จะสวดอนุโมทนา ก็จะเป็นสัญญาณให้ลูกเล็กเด็กน้อยและคนทั้งหลายพร้อมกันเข้าไปชิงเอาข้าวปลาอาหารนั้น โดยมีคติว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้วิญญาณทั้งหลายมีความยินดีอย่างหนึ่ง และเป็นสิริมงคลอีกอย่างหนึ่ง
ดังนั้นจึงเรียกว่าเป็นการชิงเปรต ซึ่งความจริงไม่ใช่ชิงเปรตเพราะเป็นเวลาที่ถือว่าวิญญาณทั้งหลายได้รับเอาข้าวปลาอาหารและบริวารเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
และที่ไปชิงกันนั้นก็ไม่ได้ชิงกันเพื่อแสวงหาประโยชน์โภคผลอันใดเพื่อตนเองหรือพวกพ้อง เป็นการแสดงการชิงเพื่อให้วิญญาณญาติมิตรดีอกดีใจเป็นหลัก ที่จะได้ของคาวหวานมาแบ่งกันกินเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น จึงเป็นการบุญการกุศลที่สร้างความสามัคคีและสร้างสิริมงคลโดยแท้
ไม่เหมือนกับการเมืองในขณะนี้ที่กำลังเกิดขึ้นในเทศกาลชิงเปรตและกำลังชิงเปรตกันจริงๆ
ตามข่าวคราวที่ปรากฏขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนก็ดี ภายในพรรคพลังประชาชนก็ดี และแม้ภายในพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคก็ดี กำลังต่อรองกันในทุกรูปแบบเพื่อให้ได้โควตาและตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่ต้องการ
มีการข่มขู่ ข่มเหง อาฆาตมาดร้าย ปล่อยข่าวทำลายล้าง ใช้เล่ห์กลอุบายกันทุกรูปแบบ แม้กระทั่งการใช้เงินซื้อหาเป็นค่าเก้าอี้รัฐมนตรี หรือแม้การมีข้อตกลงพิเศษว่าโกงบ้านโกงเมืองจากการใช้อำนาจหน้าที่ได้เท่าใดแล้วจะแบ่งสรรปันส่วนให้กับใครอย่างไร
ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้อง เพื่อแสวงหาอำนาจและเพื่อใช้อำนาจนั้นในการแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องโดยมีเป้าหมายว่าเมื่อได้อำนาจ ได้ประโยชน์มาแล้วก็จะใช้ประโยชน์นั้นไปหว่านซื้อเสียง ซื้อคน เข้ามาเป็นพวกเพื่อจะได้มีอำนาจต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
เป็นวงจรอุบาทว์ที่ผลาญชาติ ผลาญแผ่นดิน ผลาญประชาชน เพื่อตนหรือพวกพ้องเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และนี่เองที่ทำให้ประเทศไทยของเราตกอยู่ในวังวนของความอุบาทว์ชาติชั่ว ความทุกข์ยากขมขื่น ความยากจนขาดแคลนล้าหลัง ที่กำลังย่ำแย่กว่าทุกประเทศในเอเชียไปแล้ว
เป็นการชิงเปรตทางการเมืองที่ดูถูกประชาชน มองว่าประชาชนเป็นเพียงเปรตพวกหนึ่งเท่านั้น เห็นว่าประชาชนเป็นเปรตที่หิวโหยรอส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ปล้นชิงมาจากประเทศชาติ
และก็มีเปรตจำพวกนี้จริงๆ ที่ไม่ยอมรับความเป็นคนของตน ไม่ยอมรับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตน ประพฤติตนเป็นเปรตที่รอเอาแต่ส่วนแบ่งจากเศษเลยที่นักการเมืองจะมาแบ่งให้หรือหว่านให้ในเทศกาลเลือกตั้ง
เพราะการเมืองแบบนี้จึงทำให้ประเทศไทยของเรามีสภาพย่ำแย่ คล้ายๆ กับจะเป็นยมโลกหรือเมืองนรกเข้าไปทุกทีแล้ว
เปรตในเมืองนรกนั้นพ้นจากความเป็นเปรตได้ด้วยผลบุญและกุศล แต่เปรตในเมืองมนุษย์นั้นจะพ้นจากความเป็นเปรตได้ก็แต่โดยแสงสว่างแห่งปัญญาที่ต้องได้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องครบถ้วนรอบด้านและตรงไปตรงมาเท่านั้น
เหตุนี้จึงกล่าวได้ว่าการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความมืดบอดทางปัญญาและทำให้สังคมไทยกลายเป็นเมืองนรกที่จะหมกไหม้ลูกหลานเหลนโหลนของเราต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตื่นเถิดพี่น้องสื่อมวลชนทั้งหลาย ช่วยกันกอบกู้โลกมนุษย์นี้และแผ่นดินนี้ให้พ้นสภาพจากความเป็นเมืองนรก ประพฤติปฏิบัติตนตามแบบอย่างพระมาลัยที่โปรดเปรตทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ร้อนในขุมนรก ด้วยการประทานแสงสว่างแห่งปัญญาให้กับเพื่อนร่วมชาติอย่างพร้อมเพรียงกัน.