นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำ นปก. และกลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ในการแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากไม่มีนโยบาย 3 ข้อ คือ 1.ต้องแก้รัฐธรรมนูญ 2. การทำประชามติต่อการแก้รัฐธรรมนูญว่าควรแก้ไขมาตราใดบ้าง และ3.กรณีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปักหลักชุมนุมยืดเยื้อที่ทำเนียบรัฐบาล ตนในฐานะส.ส.จะเสนอความเห็นนี้ต่อ ครม.ชุดใหม่ เพื่อบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลต่อไป
นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 กล่าวว่าว่าได้ขยายเวลาพิจารณาประเด็นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปอีก 30 วัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้าน ส่วนจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางคณะกรรมาธิการฯ จะรับฟังข้อเสนอของพันธมิตรฯ ที่เสนอเรื่องการเมืองใหม่หรือไม่ นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย รวมทั้งความคิดเห็น ของนายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ และยังเป็นหนึ่ง ในคณะกรรมาธิการฯ ที่อาจจะมีการนำเสนอเข้ามาในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการ
นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า ไม่อยากให้กังวลว่าพรรคพลังประชาชนจะเร่งรีบผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเสียงที่มีการโหวตให้แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ถึงกึ่งหนึ่ง อยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน เสนอให้มีการนิรโทษกรรม 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯนั้น นายสุขุมพงศ์ยืนยันว่าทางพรรคพลังประชาชน ไม่มีการเสนอกฎหมาย นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย รวมถึง 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่องนี้เป็นเพียงความคิดของส.ส.ในพรรคบางคนเท่านั้น ไม่ได้เป็นมติพรรค
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ.กล่าวถึงกรณีที่เกรงว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยเหลือเรื่องคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า การช่วยเหลือคงต้องมี ทุกคนก็พยายามช่วยเหลือดูแลพรรคพวกที่รู้จักทั้งนั้น แต่ภาพรวมหากมีการถก ด้วยความยุติธรรมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร และผู้คนจะยอมรับได้ และหากต้องแก้ไข ต้องแก้ไขให้สอดคล้อองความต้องการของประชาชน และทำอะไรให้บริสุทธิ์ยุติธรรมให้ได้ประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
ซึ่งการแก้ไขไม่ใช่ทำได้ใน 1 เดือน ต้องใช้เวลานานกว่านั้น เพราะหากทำระยะเวลาสั้นๆแบบลวกๆ ไม่น่าจะได้รัฐธรมนูญที่ดี ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรก็ต้องรับฟังและมีสิทธิเสนอเช่นกัน คงไม่ใช่การผลักภาระให้ ส.ส.ร.หรือ ส.ส.อย่างเดียว ประชาชนต้องส่งข้อมูล ผ่านสื่อให้ผู้แทนฯ ทราบ แต่สถานการณ์ขณะนี้เหมาะสมที่จะแก้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เร่งมากเกินไปบางทีก็เร่งให้เกิดความวุ่นวาย
นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2550 กล่าวว่าว่าได้ขยายเวลาพิจารณาประเด็นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปอีก 30 วัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้าน ส่วนจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางคณะกรรมาธิการฯ จะรับฟังข้อเสนอของพันธมิตรฯ ที่เสนอเรื่องการเมืองใหม่หรือไม่ นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ จะรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย รวมทั้งความคิดเห็น ของนายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ และยังเป็นหนึ่ง ในคณะกรรมาธิการฯ ที่อาจจะมีการนำเสนอเข้ามาในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการ
นายสุขุมพงศ์กล่าวว่า ไม่อยากให้กังวลว่าพรรคพลังประชาชนจะเร่งรีบผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเสียงที่มีการโหวตให้แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ถึงกึ่งหนึ่ง อยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน เสนอให้มีการนิรโทษกรรม 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯนั้น นายสุขุมพงศ์ยืนยันว่าทางพรรคพลังประชาชน ไม่มีการเสนอกฎหมาย นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย รวมถึง 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่องนี้เป็นเพียงความคิดของส.ส.ในพรรคบางคนเท่านั้น ไม่ได้เป็นมติพรรค
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ.กล่าวถึงกรณีที่เกรงว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยเหลือเรื่องคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า การช่วยเหลือคงต้องมี ทุกคนก็พยายามช่วยเหลือดูแลพรรคพวกที่รู้จักทั้งนั้น แต่ภาพรวมหากมีการถก ด้วยความยุติธรรมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร และผู้คนจะยอมรับได้ และหากต้องแก้ไข ต้องแก้ไขให้สอดคล้อองความต้องการของประชาชน และทำอะไรให้บริสุทธิ์ยุติธรรมให้ได้ประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
ซึ่งการแก้ไขไม่ใช่ทำได้ใน 1 เดือน ต้องใช้เวลานานกว่านั้น เพราะหากทำระยะเวลาสั้นๆแบบลวกๆ ไม่น่าจะได้รัฐธรมนูญที่ดี ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรก็ต้องรับฟังและมีสิทธิเสนอเช่นกัน คงไม่ใช่การผลักภาระให้ ส.ส.ร.หรือ ส.ส.อย่างเดียว ประชาชนต้องส่งข้อมูล ผ่านสื่อให้ผู้แทนฯ ทราบ แต่สถานการณ์ขณะนี้เหมาะสมที่จะแก้หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เร่งมากเกินไปบางทีก็เร่งให้เกิดความวุ่นวาย
