ผู้จัดการรายวัน-พี่ใหญ่ในวงการอสังหาฯ"แลนด์-พฤกษา"บ่ยันพิษการเมือง น้ำมันกระทบธุรกิจ เดินหน้าลุยเปิดโครงการช่วงเดือนที่เหลือ หวังช่วงชิงความได้เปรียบและปั๊มยอดขายรับกับมาตรการทางภาษี
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า แม้สถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงราคาน้ำมัน จะมีแนวโน้มดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา แต่ปัญหาดังกล่าว ก็ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ ซึ่งในส่วนของบริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยมั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถเปิดโครงการอีก 10 โครงการ โดยในไตรมาส3ของปี 51 เปิด 2 โครงการ ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปี เปิด 8 โครงการ มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท โดยมองว่าโครงการดังกล่าวน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลขาย( High Season )ของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งจะมีทั้งโครงการคอนโดฯ บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ นายอดิศรยืนยันว่า กำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3,150 ล้านบาท เนื่องจากได้มาตรการกระตุ้นภาษีจากภาครัฐหนุน ขณะเดียวกัน
อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ (Gross Margin) จะมากกว่าปีก่อนที่ 30.5% เนื่องจากทยอยปรับราคาขายโครงการในช่วงที่ผ่านมา
" ครึ่งปีแรกอัตรากำไรสุทธิก็ประมาณ 49% แล้ว ครึ่งปีหลังก็น่าจะดีต่อเนื่อง เพราะว่ามีการโอนคอนโดฯ เช่น โครงการ The Bangkok Sathorn มูลค่า 1,100 ล้านบาท ในส่วนปลายปีจะโอนโครงการ The Room Sukumvit 64 มูลค่า 300 ล้านบาท" นายอดิศร กล่าว
ขณะที่นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า แม้ ภาวะการเมืองและเศรษฐกิจในปัจจุบันจะไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลทำให้ทำงานได้ยากขึ้น แต่บริษัทยังมั่นใจว่า รายได้และกำไรน่าจะโตตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ หลังจากในช่วงที่ผ่านมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินโครงการเป็นลักษณะสร้างโครงการให้เสร็จเร็วขึ้น
ในส่วนของแผนการลงทุนโครงการอสังหาฯในประเทศเวียดนามนั้น คงต้องชะลอแผนไปก่อน เนื่องจากต้องพิจารณาความเหมาะสมของตลาดและสภาพเศรษฐกิจก่อน แต่ในส่วนของ
แผนการลงทุนในเวียดนามคงจะชะลอแผนไปก่อน แต่ในส่วนของเมืองบังกาลอร์ ในประเทศอินเดียก็ศึกษาอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังเชื่อมั่นว่า การลงทุนในไทยให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ จึงไม่รีบร้อนขยายการลงทุนสู่ตลาดต่างประเทศ
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า แม้สถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงราคาน้ำมัน จะมีแนวโน้มดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา แต่ปัญหาดังกล่าว ก็ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ ซึ่งในส่วนของบริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยมั่นใจว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถเปิดโครงการอีก 10 โครงการ โดยในไตรมาส3ของปี 51 เปิด 2 โครงการ ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปี เปิด 8 โครงการ มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท โดยมองว่าโครงการดังกล่าวน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลขาย( High Season )ของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งจะมีทั้งโครงการคอนโดฯ บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ นายอดิศรยืนยันว่า กำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3,150 ล้านบาท เนื่องจากได้มาตรการกระตุ้นภาษีจากภาครัฐหนุน ขณะเดียวกัน
อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ (Gross Margin) จะมากกว่าปีก่อนที่ 30.5% เนื่องจากทยอยปรับราคาขายโครงการในช่วงที่ผ่านมา
" ครึ่งปีแรกอัตรากำไรสุทธิก็ประมาณ 49% แล้ว ครึ่งปีหลังก็น่าจะดีต่อเนื่อง เพราะว่ามีการโอนคอนโดฯ เช่น โครงการ The Bangkok Sathorn มูลค่า 1,100 ล้านบาท ในส่วนปลายปีจะโอนโครงการ The Room Sukumvit 64 มูลค่า 300 ล้านบาท" นายอดิศร กล่าว
ขณะที่นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า แม้ ภาวะการเมืองและเศรษฐกิจในปัจจุบันจะไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลทำให้ทำงานได้ยากขึ้น แต่บริษัทยังมั่นใจว่า รายได้และกำไรน่าจะโตตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ หลังจากในช่วงที่ผ่านมาปรับกลยุทธ์ในการดำเนินโครงการเป็นลักษณะสร้างโครงการให้เสร็จเร็วขึ้น
ในส่วนของแผนการลงทุนโครงการอสังหาฯในประเทศเวียดนามนั้น คงต้องชะลอแผนไปก่อน เนื่องจากต้องพิจารณาความเหมาะสมของตลาดและสภาพเศรษฐกิจก่อน แต่ในส่วนของ
แผนการลงทุนในเวียดนามคงจะชะลอแผนไปก่อน แต่ในส่วนของเมืองบังกาลอร์ ในประเทศอินเดียก็ศึกษาอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังเชื่อมั่นว่า การลงทุนในไทยให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ จึงไม่รีบร้อนขยายการลงทุนสู่ตลาดต่างประเทศ