สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดยังวิกฤติ โดยวานนี้ (17 ก.ย.) ที่ จ.ร้อยเอ็ด ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำไหลทะลักเข้าท่วมเรือนจำ และบ้านพักเจ้าหน้าที่ ระดับน้ำสูง 50 ซม.-1 เมตร ต้องอพยพผู้ต้องขังชาย -หญิงหลายร้อยคน ขึ้นบนชั้นสองของเรือนนอน และระดมขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องมือ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ หนีน้ำอลหม่าน
นายปริญญา ญาณสิทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำร้อยเอ็ด ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำระบายออกสู่ด้านนอก และขอความร่วมมือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สูบต่อข้ามถนนเลี่ยงเมือง สู่อ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า คาดว่าภายใน 1 - 2 วัน หากไม่มีฝนตกลงมาอีกระดับน้ำจะลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ล่าสุดพบผู้ต้องขังหญิง ซึ่งถูกจำคุกคดีลักทรัพย์ และจะพ้นโทษในวันที่ 21 ก.พ.52 ถูกไฟฟ้าช็อต 1 ราย ขณะไปตากผ้าที่ราวซึ่งเป็นเส้นลวดบริเวณโรงจอดรถของเรือนจำร้อยเอ็ด ถูกนำส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ด แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
**โคราชเตือนปชช.ใต้เขื่อนลำพระเพลิง
ด้าน จ.นครราชสีมา นายเชลงศักดิ์ มานุวงศ์ ชลประทานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีน้ำทะลักเข้าอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จนใกล้ถึงจุดวิกฤติแล้ว โดยระดับน้ำล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 105 ล้าน ลบ.ม. จากขนาดความจุทั้งหมด 110 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคาดว่าหากยังมีน้ำไหลลงอ่างอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำอาจสูงขึ้นจนล้นสปริงเวย์ในวันนี้ (18 ก.ย.)
ล่าสุด ได้ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ 2 อำเภอ ซึ่งอยู่ท้ายอ่างเก็บน้ำ ให้เตรียมอพยพหนีน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือแล้ว
นายจำลอง พินิจการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย เผยว่า ระดับในเขื่อนลำพระเพลิงวานนี้ เพิ่มระดับสูงขึ้นจนระดับน้ำอยู่ที่ 105 ล้าน ลบ.ม. จากระดับความจุเต็มที่ 110 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากเกิดฝนตกอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน หากยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องอีก คาดว่าภายในคืนนี้ (17 ก.ย.) ระดับน้ำในเขื่อนจะล้นออกทางสปริงเวย์อย่างแน่นอน และจะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนจะต้องรับน้ำที่ล้นออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
**พระราชทานหน่วยแพทย์ช่วย
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองตาคง ม.8 บ้านหนองตะลุมปุ๊กใหม่ ม.10 และบ้านหนองตะลุมปุ๊กเก่า ม.2 สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มลดลงแล้ว โดยรถเล็กสามารถสัญจรไปมาได้
เมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.ย.) ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านจามจุรี ต.หนองบัวศาลา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้จัดส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทาน ให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่มากับน้ำท่วม พร้อมกันนี้ทางจังหวัดนครราชสีมา, เหล่ากาชาดจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด ได้เข้าช่วยเหลือแจกจ่ายถุงยังชีพ รองเท้าบู๊ท และยารักษาโรค ช่วยเหลือราษฏรที่ได้รับความเดือดร้อน กว่า 200 คน
**มุกดาหารระวังน้ำป่าทะลัก
น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผวจ. มุกดาหาร กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลายจังหวัด ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนัก รวมถึง จ.มุกดาหารด้วย จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในที่ราบลุ่มและบริเวณที่ลาดเชิงเขา ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ และเพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากภาวะดังกล่าว ขอให้อำเภอ เทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนประชานได้รับทราบอีกทางหนึ่ง และกำชับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ทันต่อเหตุการณ์
**ประกาศ 8 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติ
ส่วนที่ จ.ลำปาง นายชาย พานิชพรพันธ์ รอง ผวจ.ลำปาง ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไปแล้ว 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง วังเหนือ เมืองปาน และล่าสุดที่ อ.งาว จากทั้งหมด 13 อำเภอ เพื่อเร่งระดมความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าสู่พื้นที่ประสบภัยให้เร็วขึ้น
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะที่ อ.วังทอง ซึ่งมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมถึง 8 ตำบล คือ ต.วังทอง ชัยนาม วังพิกุล พันชาลี ท่าหมื่นราม หนองพระ ดินทอง และแม่ระกา วานนี้ยังวิกฤตหนัก เนื่องจากขณะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำวังทอง ที่เริ่มทรงตัวกลับเพิ่มสูงขึ้นอีกระลอก รวมทั้งน้ำที่ขังท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 1 เมตร นาข้าวถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 30,000 ไร่ ราษฎร ยังคงอพยพครอบครัว และสัตว์เลี้ยงไปอยู่บนพื้นที่สูง
ขณะที่ถนนหลายสายก็ยังจมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะถนนสายวังทอง-วังพิกุล น้ำท่วมสูงเป็นระยะทางยาวเกือบ 1 กม. บริเวณหมู่ที่ 7 บ้านวังพรม ต.วังพิกุล รถทุกชนิดยังไม่สามารถผ่านไป-มาได้ สร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรอย่างหนัก ล่าสุด ผวจ.พิษณุโลก ได้ประกาศให้พื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.วังทอง เนินมะปราง บางกระทุ่ม และ อ.เมือง เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินจากน้ำท่วมแล้ว
**"โกวิท"ตรวจน้ำท่วมพิษณุโลก-พิจิตร
วานนี้ (17 ก.ย.) พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปตรวจเยี่ยมราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากที่น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ได้นำถุงยังชีพมามอบให้แก่ราษฎร จำนวน 304 ครอบครัว เพื่อให้การช่วยเหลือ
จากนั้น พล.ต.อ.โกวิทได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ต่อไปยัง อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เพื่อฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วม จากน้ำป่าไหลหลาก ที่บริเวณศาลาวัดมงคลทับคล้อ อ.ทับคล้อ โดยมีนายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.พิจิตร สรุปสถานการณ์ น้ำท่วมของจังหวัดว่า ภายหลังฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งขณะนี้มีน้ำท่วมขังใน 9 อำเภอ 29 ตำบล 110 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 2,000 ครัวเรือน พืชสวนไร่นา 8,000 ไร่ ถนน 9 สาย ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำค่อยๆ เริ่มลดระดับลงแล้ว
หลังจากนั้น พล.ต.อ.โกวิท ได้ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 5 ชุมชนของเทศบาลตำบลทับคล้อ พร้อมกับมอบถุงยังชีพจำนวน 300 ครอบครัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในเบื้องต้น
**จัดหน่วยแพทย์พระราชทานช่วยเหลือ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีรับสั่งให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ ออกให้บริการประชาชนผู้ประสบภัยทุกจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบวงกว้างขึ้น วันละกว่า 150 ทีม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยเป็นอันมาก
"ปัญหาที่วิกฤติขณะนี้อยู่ที่ จ.ลพบุรี 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.บ้านหมี่ และ อ.โคกสำโรง ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข ได้ระดมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ นักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่อื่นๆ จากโรงพยาบาลลพบุรี โรงพยาบาลโคกสำโรง โรงพยาบาลท่าวุ้ง และประสานโรงพยาบาลอานันทมหิดล จ.ลพบุรี ซึ่งสังกัดกองทัพบก ออกให้บริการที่ ต.ถนนใหญ่ อ.เมือง ต.เกาะแก้ว อ.โคกสำโรง และ ต.หนองกระเบียน ต.พุคา ต.หนองเมือง อ.บ้านหมี่ โดยเตรียมเวชภัณฑ์ครบครัน ตรวจรักษาอย่างเต็มที่ จำนวนผู้ป่วยขณะนี้เพิ่มขึ้นจากวันละ 1,000 ราย เป็น 2,000 ราย" นายชวรัตน์ กล่าว
วานนี้ได้จัดส่งยาสามัญประจำบ้านที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนใช้ดูแลการเจ็บป่วยเบื้องต้น ระหว่างน้ำท่วมอีก 21,000 ชุด ไป 4 จังหวัดได้แก่ เพชรบูรณ์ ลพบุรี นครนายก และนครราชสีมา
**ลพบุรี ร.ร.ปิด17 โรง
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมาได้เดินทางไปตรวจน้ำท่วมที่ อ.บ้านหมี่ อ.โคกสำโรง และ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี พบว่ามีโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 237 โรง ได้รับความเสียหาย 37 โรง และขณะนี้ได้สั่งหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 วัน ไปแล้วจำนวน 17 โรง ทั้งนี้ จะมีการหยุดเรียนต่อเนื่องหรือไม่ ให้อยู่ในการพิจารณาของผู้อำนวยการเขตพื้นที่ (สพท.) เขต 1 จ.ลพบุรี เบื้องต้นให้ส่งเครื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนเข้าไปช่วยเหลือแล้วบางส่วน และกำลังให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 จ.ลพบุรี ตรวจสอบว่ามีโรงเรียนใดบ้างที่มีพื้นที่อยู่ในส่วนกลาง และสามารถย้ายนักเรียนจากโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายเพื่อมาเรียนร่วมกันได้
นายปริญญา ญาณสิทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำร้อยเอ็ด ต้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำระบายออกสู่ด้านนอก และขอความร่วมมือสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สูบต่อข้ามถนนเลี่ยงเมือง สู่อ่างเก็บน้ำหนองหญ้าม้า คาดว่าภายใน 1 - 2 วัน หากไม่มีฝนตกลงมาอีกระดับน้ำจะลดลงจนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ล่าสุดพบผู้ต้องขังหญิง ซึ่งถูกจำคุกคดีลักทรัพย์ และจะพ้นโทษในวันที่ 21 ก.พ.52 ถูกไฟฟ้าช็อต 1 ราย ขณะไปตากผ้าที่ราวซึ่งเป็นเส้นลวดบริเวณโรงจอดรถของเรือนจำร้อยเอ็ด ถูกนำส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ด แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
**โคราชเตือนปชช.ใต้เขื่อนลำพระเพลิง
ด้าน จ.นครราชสีมา นายเชลงศักดิ์ มานุวงศ์ ชลประทานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีน้ำทะลักเข้าอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จนใกล้ถึงจุดวิกฤติแล้ว โดยระดับน้ำล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 105 ล้าน ลบ.ม. จากขนาดความจุทั้งหมด 110 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคาดว่าหากยังมีน้ำไหลลงอ่างอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำอาจสูงขึ้นจนล้นสปริงเวย์ในวันนี้ (18 ก.ย.)
ล่าสุด ได้ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ 2 อำเภอ ซึ่งอยู่ท้ายอ่างเก็บน้ำ ให้เตรียมอพยพหนีน้ำท่วมฉับพลัน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือแล้ว
นายจำลอง พินิจการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย เผยว่า ระดับในเขื่อนลำพระเพลิงวานนี้ เพิ่มระดับสูงขึ้นจนระดับน้ำอยู่ที่ 105 ล้าน ลบ.ม. จากระดับความจุเต็มที่ 110 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากเกิดฝนตกอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน หากยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องอีก คาดว่าภายในคืนนี้ (17 ก.ย.) ระดับน้ำในเขื่อนจะล้นออกทางสปริงเวย์อย่างแน่นอน และจะส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนจะต้องรับน้ำที่ล้นออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
**พระราชทานหน่วยแพทย์ช่วย
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองตาคง ม.8 บ้านหนองตะลุมปุ๊กใหม่ ม.10 และบ้านหนองตะลุมปุ๊กเก่า ม.2 สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มลดลงแล้ว โดยรถเล็กสามารถสัญจรไปมาได้
เมื่อเช้าวานนี้ (17 ก.ย.) ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านจามจุรี ต.หนองบัวศาลา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้จัดส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทาน ให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่มากับน้ำท่วม พร้อมกันนี้ทางจังหวัดนครราชสีมา, เหล่ากาชาดจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด ได้เข้าช่วยเหลือแจกจ่ายถุงยังชีพ รองเท้าบู๊ท และยารักษาโรค ช่วยเหลือราษฏรที่ได้รับความเดือดร้อน กว่า 200 คน
**มุกดาหารระวังน้ำป่าทะลัก
น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผวจ. มุกดาหาร กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลายจังหวัด ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนัก รวมถึง จ.มุกดาหารด้วย จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในที่ราบลุ่มและบริเวณที่ลาดเชิงเขา ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ และเพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากภาวะดังกล่าว ขอให้อำเภอ เทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนประชานได้รับทราบอีกทางหนึ่ง และกำชับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ทันต่อเหตุการณ์
**ประกาศ 8 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติ
ส่วนที่ จ.ลำปาง นายชาย พานิชพรพันธ์ รอง ผวจ.ลำปาง ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไปแล้ว 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง วังเหนือ เมืองปาน และล่าสุดที่ อ.งาว จากทั้งหมด 13 อำเภอ เพื่อเร่งระดมความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าสู่พื้นที่ประสบภัยให้เร็วขึ้น
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะที่ อ.วังทอง ซึ่งมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมถึง 8 ตำบล คือ ต.วังทอง ชัยนาม วังพิกุล พันชาลี ท่าหมื่นราม หนองพระ ดินทอง และแม่ระกา วานนี้ยังวิกฤตหนัก เนื่องจากขณะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำวังทอง ที่เริ่มทรงตัวกลับเพิ่มสูงขึ้นอีกระลอก รวมทั้งน้ำที่ขังท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 1 เมตร นาข้าวถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 30,000 ไร่ ราษฎร ยังคงอพยพครอบครัว และสัตว์เลี้ยงไปอยู่บนพื้นที่สูง
ขณะที่ถนนหลายสายก็ยังจมอยู่ใต้น้ำ โดยเฉพาะถนนสายวังทอง-วังพิกุล น้ำท่วมสูงเป็นระยะทางยาวเกือบ 1 กม. บริเวณหมู่ที่ 7 บ้านวังพรม ต.วังพิกุล รถทุกชนิดยังไม่สามารถผ่านไป-มาได้ สร้างความเดือดร้อนให้ราษฎรอย่างหนัก ล่าสุด ผวจ.พิษณุโลก ได้ประกาศให้พื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.วังทอง เนินมะปราง บางกระทุ่ม และ อ.เมือง เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินจากน้ำท่วมแล้ว
**"โกวิท"ตรวจน้ำท่วมพิษณุโลก-พิจิตร
วานนี้ (17 ก.ย.) พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปตรวจเยี่ยมราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังจากที่น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย พร้อมกันนี้ได้นำถุงยังชีพมามอบให้แก่ราษฎร จำนวน 304 ครอบครัว เพื่อให้การช่วยเหลือ
จากนั้น พล.ต.อ.โกวิทได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ต่อไปยัง อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เพื่อฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วม จากน้ำป่าไหลหลาก ที่บริเวณศาลาวัดมงคลทับคล้อ อ.ทับคล้อ โดยมีนายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.พิจิตร สรุปสถานการณ์ น้ำท่วมของจังหวัดว่า ภายหลังฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งขณะนี้มีน้ำท่วมขังใน 9 อำเภอ 29 ตำบล 110 หมู่บ้าน ประชาชนเดือดร้อน 2,000 ครัวเรือน พืชสวนไร่นา 8,000 ไร่ ถนน 9 สาย ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำค่อยๆ เริ่มลดระดับลงแล้ว
หลังจากนั้น พล.ต.อ.โกวิท ได้ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 5 ชุมชนของเทศบาลตำบลทับคล้อ พร้อมกับมอบถุงยังชีพจำนวน 300 ครอบครัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ในเบื้องต้น
**จัดหน่วยแพทย์พระราชทานช่วยเหลือ
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีรับสั่งให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ ออกให้บริการประชาชนผู้ประสบภัยทุกจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบวงกว้างขึ้น วันละกว่า 150 ทีม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัยเป็นอันมาก
"ปัญหาที่วิกฤติขณะนี้อยู่ที่ จ.ลพบุรี 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.บ้านหมี่ และ อ.โคกสำโรง ซึ่ง กระทรวงสาธารณสุข ได้ระดมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ นักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่อื่นๆ จากโรงพยาบาลลพบุรี โรงพยาบาลโคกสำโรง โรงพยาบาลท่าวุ้ง และประสานโรงพยาบาลอานันทมหิดล จ.ลพบุรี ซึ่งสังกัดกองทัพบก ออกให้บริการที่ ต.ถนนใหญ่ อ.เมือง ต.เกาะแก้ว อ.โคกสำโรง และ ต.หนองกระเบียน ต.พุคา ต.หนองเมือง อ.บ้านหมี่ โดยเตรียมเวชภัณฑ์ครบครัน ตรวจรักษาอย่างเต็มที่ จำนวนผู้ป่วยขณะนี้เพิ่มขึ้นจากวันละ 1,000 ราย เป็น 2,000 ราย" นายชวรัตน์ กล่าว
วานนี้ได้จัดส่งยาสามัญประจำบ้านที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนใช้ดูแลการเจ็บป่วยเบื้องต้น ระหว่างน้ำท่วมอีก 21,000 ชุด ไป 4 จังหวัดได้แก่ เพชรบูรณ์ ลพบุรี นครนายก และนครราชสีมา
**ลพบุรี ร.ร.ปิด17 โรง
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมาได้เดินทางไปตรวจน้ำท่วมที่ อ.บ้านหมี่ อ.โคกสำโรง และ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี พบว่ามีโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 237 โรง ได้รับความเสียหาย 37 โรง และขณะนี้ได้สั่งหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 วัน ไปแล้วจำนวน 17 โรง ทั้งนี้ จะมีการหยุดเรียนต่อเนื่องหรือไม่ ให้อยู่ในการพิจารณาของผู้อำนวยการเขตพื้นที่ (สพท.) เขต 1 จ.ลพบุรี เบื้องต้นให้ส่งเครื่องอุปโภคบริโภค รวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนเข้าไปช่วยเหลือแล้วบางส่วน และกำลังให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 จ.ลพบุรี ตรวจสอบว่ามีโรงเรียนใดบ้างที่มีพื้นที่อยู่ในส่วนกลาง และสามารถย้ายนักเรียนจากโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายเพื่อมาเรียนร่วมกันได้