กาฬสินธุ์-นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์เผย การเมืองไม่นิ่ง-เศรษฐกิจตกต่ำส่งผลให้การท่องเที่ยวในจังหวัดลดลงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ สถานบริการปิดตัวหลายแห่ง แนะภาครัฐเร่งจัดกิจกรรมกระตุ้นนักท่องเที่ยวโดยเร็ว ด้านผู้ว่าฯเตรียมผลักดันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเมืองกาฬสินธุ์อย่างจริงจัง หลังพบนักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง
นายนิมิตร รอดภัย นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงโดยเร็ว ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่ขณะนี้ ส่งผลให้ภาพรวมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์ ลดลงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งจากการสำรวจพบว่าธุรกิจด้านบริการ ร้านอาหาร โรงแรม สถานบันเทิง รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อประเภทต่างๆ ทั้งที่ขายกลางวันและกลางคืน มีนักท่องเที่ยวลดลง
ปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ธุรกิจบริการทยอยปิดกิจการไปหลายแห่ง เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ ทำให้เจ้าของร้านรับภาระการขาดทุนไม่ไหวจึงปิดกิจการลง
นายนิมิตร กล่าวต่อว่า หากเปรียบเทียบช่วงก่อนที่จะเข้าฤดูกาลไฮซีซันหรือช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวกับปี2551 กับที่ผ่านมา แหล่งท่องเที่ยวและสถานบริการต่างๆในจังหวัดกาฬสินธุ์ จะมีนักท่องเที่ยวโทรศัพท์จองห้องพักและเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาแล้วจำนวนมาก แต่ขณะนี้จากการสอบถามไปหลายแห่ง กลับไม่มีการจองล่วงหน้าเหมือนปีกลาย ถือเป็นดัชนีชี้ว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดกาฬสินธุ์ในปี 2550 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 500,000 คน แต่ในปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2551 จนถึงขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
นายนิมิตร กล่าวแนะทางออกปัญหาข้างต้นว่า ภาครัฐจะต้องเร่งส่งเสริม โดยการจัดกิจกรรม เพื่อดึงดูดความสนใจ กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอย่างจริงจังและเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ต่อไป ผู้ประกอบการต่างๆจะทยอยปิดกิจการลงไปเรื่อยๆจนหมด ประชาชนในพื้นที่ก็จะขาดรายได้เดือดร้อนไปตามๆกัน ทั้งนี้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่จะเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ควรที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ท้องถิ่น รู้เห็นปัญหาเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาด้วย
ด้านนายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ระบุว่า จังหวัดกาฬสินธุ์มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะหลุมขุดค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งมีความสมบูรณ์ และมีอายุหลายร้อยล้านปี ต่อมากรมทรัพยากรธรณีได้ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ขึ้น และได้รับพระราชนาม จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นพิพิธภัณฑ์สิรินธร จึงทำให้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักติดอันดับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับพิพิธภัณฑ์สิรินธร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จมาเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ซึ่งหลังจากมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเสร็จแล้วจังหวัดกาฬสินธุ์จะเชิญกรมทรัพยากรธรณีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวเข้าร่วมหารือเพื่อที่จะวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดกาฬสินธุ์อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีปัจจัยหลายอย่าง ทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์เงียบเหงานักท่องเที่ยวลดน้อยลง ทั้งนี้เบื้องต้นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่สำคัญจะต้องเชื่อมโยงกันทั้งพิพิธภัณฑ์สิรินธร หลุมขุดค้นพบซากฟอสซิล เขื่อนลำปาว สวนสะออน วัดภูกุ้มข้าว ตลอดจนเมืองฟ้าแดดสงยาง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ และงดงาม
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากมีการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาจังหวัดกาฬสินธุ์ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
นายนิมิตร รอดภัย นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงโดยเร็ว ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่ขณะนี้ ส่งผลให้ภาพรวมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์ ลดลงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งจากการสำรวจพบว่าธุรกิจด้านบริการ ร้านอาหาร โรงแรม สถานบันเทิง รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อประเภทต่างๆ ทั้งที่ขายกลางวันและกลางคืน มีนักท่องเที่ยวลดลง
ปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ธุรกิจบริการทยอยปิดกิจการไปหลายแห่ง เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ ทำให้เจ้าของร้านรับภาระการขาดทุนไม่ไหวจึงปิดกิจการลง
นายนิมิตร กล่าวต่อว่า หากเปรียบเทียบช่วงก่อนที่จะเข้าฤดูกาลไฮซีซันหรือช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวกับปี2551 กับที่ผ่านมา แหล่งท่องเที่ยวและสถานบริการต่างๆในจังหวัดกาฬสินธุ์ จะมีนักท่องเที่ยวโทรศัพท์จองห้องพักและเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาแล้วจำนวนมาก แต่ขณะนี้จากการสอบถามไปหลายแห่ง กลับไม่มีการจองล่วงหน้าเหมือนปีกลาย ถือเป็นดัชนีชี้ว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดกาฬสินธุ์ในปี 2550 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 500,000 คน แต่ในปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2551 จนถึงขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์
นายนิมิตร กล่าวแนะทางออกปัญหาข้างต้นว่า ภาครัฐจะต้องเร่งส่งเสริม โดยการจัดกิจกรรม เพื่อดึงดูดความสนใจ กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอย่างจริงจังและเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ต่อไป ผู้ประกอบการต่างๆจะทยอยปิดกิจการลงไปเรื่อยๆจนหมด ประชาชนในพื้นที่ก็จะขาดรายได้เดือดร้อนไปตามๆกัน ทั้งนี้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่จะเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ควรที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ท้องถิ่น รู้เห็นปัญหาเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาด้วย
ด้านนายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ระบุว่า จังหวัดกาฬสินธุ์มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะหลุมขุดค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ ซึ่งมีความสมบูรณ์ และมีอายุหลายร้อยล้านปี ต่อมากรมทรัพยากรธรณีได้ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ขึ้น และได้รับพระราชนาม จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นพิพิธภัณฑ์สิรินธร จึงทำให้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักติดอันดับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับพิพิธภัณฑ์สิรินธร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จมาเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ธันวาคม 2551 ซึ่งหลังจากมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเสร็จแล้วจังหวัดกาฬสินธุ์จะเชิญกรมทรัพยากรธรณีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวเข้าร่วมหารือเพื่อที่จะวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดกาฬสินธุ์อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีปัจจัยหลายอย่าง ทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์เงียบเหงานักท่องเที่ยวลดน้อยลง ทั้งนี้เบื้องต้นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่สำคัญจะต้องเชื่อมโยงกันทั้งพิพิธภัณฑ์สิรินธร หลุมขุดค้นพบซากฟอสซิล เขื่อนลำปาว สวนสะออน วัดภูกุ้มข้าว ตลอดจนเมืองฟ้าแดดสงยาง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ และงดงาม
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากมีการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาจังหวัดกาฬสินธุ์ได้มากขึ้นอย่างแน่นอน