ผู้จัดการรายวัน-ทัวร์จีนม้วนสื่อหนี ยกเลิกมาไทย ช่วงเดือน ต.ค. 6 หมื่นราย ท่องเที่ยวเข้าสู่วิกฤตระดับสอง หวั่นยืดเยื้อทำไฮซีซั่นพินาศตาม ตอนนี้แห่ธุรกิจรัดเข็มขัดแน่น งดจ้างงานรับปลายปี
นายเจริญ วังอนานนท์ โฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เตรียมเดินทางเข้ามาไทยช่วงวันแรงงานจีน 1-15 ต.ค.นี้ ได้แจ้งยกเลิกการเดินทางเข้ามาแล้ว 100% หรือประมาณ 50,000-60,000 คน เนื่องจากไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การเมืองในไทย หลังจากรัฐบาลจีนได้ประกาศเตือนให้ระมัดระวังเดินทางเข้าไทย รวมถึงยังมีข่าวการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล และการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เกิดขึ้นต่อเนื่องจนทำให้ชาวจีนรู้สึกหวาดกลัวมาก
“นักท่องเที่ยวแบบเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟล์ท) ได้แจ้งยกเลิกเดินทางทั้งหมดแล้ว ทำให้บริษัททัวร์ที่รับนักท่องเที่ยวจากจีน และส่งคนไทยไปจีนกำลังเดือดร้อนอย่างหนักเพราะเดิมทีตลาดจีนปีนี้ ก็ไม่ดีอยู่แล้ว เพราะติดช่วงโอลิมปิกที่รัฐบาลจีนห้ามคนเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่จึงคาดหวังว่าจะได้นักท่องเที่ยวจากช่วงวันแรงงานจีน เดือนต.ค.นี้เข้ามาชดเชย แต่เมื่อมาถึงตอนนี้เจอการยกเลิกแบบนี้ ทำให้ธุรกิจเสียหายมาก นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งว่ากลุ่มบริษัทญี่ปุ่นและฮ่องกงที่มาจัดประชุมในไทยก็ขอถอนการเดินทางเช่นกัน”
สำหรับการประเมินสถานการณ์ความเสียหายจากเหตุความวุ่นวายการเมืองที่มีต่อการท่องเที่ยว ขณะนี้ได้เพิ่มความรุนแรงมาถึงระดับสอง หรือยืดเยื้อถึง 30 ก.ย. 51 แล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลง 318,051 คน และให้ไทยสูญเสียโอกาสรายได้จากการท่องเที่ยว 12,086 ล้านบาท และหากการเมืองยังยืดเยื้อถึงไตรมาสสี่จะทำให้ฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น) ได้รับความเสียหายด้วย โดยประเมินว่าหากเกิดขึ้นจริง จะมีนักท่องเทียวลดลง 841,026 คน สูญเสียรายได้ 31,960 ล้านบาท
“ไม่เพียงแต่ธุรกิจทัวร์ต่างชาติเท่านั้นที่เสียหาย ขณะนี้การท่องเที่ยวในประเทศก็ลดลง 60-70% นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ(เอาท์บาว) ลดลง 70% ยอดจองห้องพักแหล่งท่องเที่ยวแถบอันดามันลดลง 40-50% ขณะที่ตั๋วเครื่องบินก็ลดลง 25% ปกติรายได้ไฮซีซั่นถือเป็นรายได้ 45% ของรายได้ทั้งปี หากเกิดปัญหาขึ้นมาตอนนี้จะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่ไม่ได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงสังคม ธุรกิจ มากกว่าการเมืองอย่างเดียว และควรยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที เพราะที่ท่องเที่ยวเสียหายมากมายทุกวันนี้ ก็เพราะมาจากเรื่องการเมือง”
นายเจริญ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทนำเที่ยวได้ชะลอการจ้างงานใหม่ โดยปกติทุกไฮซีซั่นจะมีการจ้างพนักงานมาเป็นไกด์ บริกร พนักงานสปา เพิ่ม 10-15% แต่ขณะนี้ต้องหยุดไว้ก่อน เพื่อรอดูความชัดเจนทางการเมือง และไม่มั่นใจว่าช่วงปลายปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีการลดการประชาสัมพันธ์ โฆษณาในหลายสือเพื่อประหยัดรายจ่าย ซึ่งเป้าหมายการท่องเที่ยวปีนี้หากได้ 800,000-900,000 ล้านบาท หรือไม่น้อยกว่าปีที่แล้วก็ถือว่าน่าพอใจมาก
นายเจริญ วังอนานนท์ โฆษกสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เตรียมเดินทางเข้ามาไทยช่วงวันแรงงานจีน 1-15 ต.ค.นี้ ได้แจ้งยกเลิกการเดินทางเข้ามาแล้ว 100% หรือประมาณ 50,000-60,000 คน เนื่องจากไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การเมืองในไทย หลังจากรัฐบาลจีนได้ประกาศเตือนให้ระมัดระวังเดินทางเข้าไทย รวมถึงยังมีข่าวการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล และการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เกิดขึ้นต่อเนื่องจนทำให้ชาวจีนรู้สึกหวาดกลัวมาก
“นักท่องเที่ยวแบบเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟล์ท) ได้แจ้งยกเลิกเดินทางทั้งหมดแล้ว ทำให้บริษัททัวร์ที่รับนักท่องเที่ยวจากจีน และส่งคนไทยไปจีนกำลังเดือดร้อนอย่างหนักเพราะเดิมทีตลาดจีนปีนี้ ก็ไม่ดีอยู่แล้ว เพราะติดช่วงโอลิมปิกที่รัฐบาลจีนห้ามคนเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่จึงคาดหวังว่าจะได้นักท่องเที่ยวจากช่วงวันแรงงานจีน เดือนต.ค.นี้เข้ามาชดเชย แต่เมื่อมาถึงตอนนี้เจอการยกเลิกแบบนี้ ทำให้ธุรกิจเสียหายมาก นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งว่ากลุ่มบริษัทญี่ปุ่นและฮ่องกงที่มาจัดประชุมในไทยก็ขอถอนการเดินทางเช่นกัน”
สำหรับการประเมินสถานการณ์ความเสียหายจากเหตุความวุ่นวายการเมืองที่มีต่อการท่องเที่ยว ขณะนี้ได้เพิ่มความรุนแรงมาถึงระดับสอง หรือยืดเยื้อถึง 30 ก.ย. 51 แล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลง 318,051 คน และให้ไทยสูญเสียโอกาสรายได้จากการท่องเที่ยว 12,086 ล้านบาท และหากการเมืองยังยืดเยื้อถึงไตรมาสสี่จะทำให้ฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น) ได้รับความเสียหายด้วย โดยประเมินว่าหากเกิดขึ้นจริง จะมีนักท่องเทียวลดลง 841,026 คน สูญเสียรายได้ 31,960 ล้านบาท
“ไม่เพียงแต่ธุรกิจทัวร์ต่างชาติเท่านั้นที่เสียหาย ขณะนี้การท่องเที่ยวในประเทศก็ลดลง 60-70% นำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ(เอาท์บาว) ลดลง 70% ยอดจองห้องพักแหล่งท่องเที่ยวแถบอันดามันลดลง 40-50% ขณะที่ตั๋วเครื่องบินก็ลดลง 25% ปกติรายได้ไฮซีซั่นถือเป็นรายได้ 45% ของรายได้ทั้งปี หากเกิดปัญหาขึ้นมาตอนนี้จะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอยู่ไม่ได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงสังคม ธุรกิจ มากกว่าการเมืองอย่างเดียว และควรยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที เพราะที่ท่องเที่ยวเสียหายมากมายทุกวันนี้ ก็เพราะมาจากเรื่องการเมือง”
นายเจริญ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทนำเที่ยวได้ชะลอการจ้างงานใหม่ โดยปกติทุกไฮซีซั่นจะมีการจ้างพนักงานมาเป็นไกด์ บริกร พนักงานสปา เพิ่ม 10-15% แต่ขณะนี้ต้องหยุดไว้ก่อน เพื่อรอดูความชัดเจนทางการเมือง และไม่มั่นใจว่าช่วงปลายปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีการลดการประชาสัมพันธ์ โฆษณาในหลายสือเพื่อประหยัดรายจ่าย ซึ่งเป้าหมายการท่องเที่ยวปีนี้หากได้ 800,000-900,000 ล้านบาท หรือไม่น้อยกว่าปีที่แล้วก็ถือว่าน่าพอใจมาก