วีระศักดิ์ ยอมอ่อนหลังร่วมหารือภาคเอกชน ยอมปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างประเทศประจำปี 2552 เหลือ 14 ล้านคนลดจากปีก่อน 1% อ้างพิษเศรษฐกิจเล่นงานนักท่องเที่ยวชะลอเดินทาง แถมการเมืองในประเทศยังไม่นิ่ง แต่ยังคุยทับมาเลเซียปรับลดถึง 9% พร้อมจี้รัฐบาลเร่งเดินหน้ามาตรการที่ออกแล้วให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว อ้างประเด็นยกเว้นเก็บค่าวีซ่า 3 เดือนป่านนี้ยังไม่ได้กำหนดวัน
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ดททท.) เปิดเผยภาย หลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชนท่องเที่ยวทุกภาคส่วน รวมถึงระบบขนส่งคมนาคม เช่น สายการบิน เพื่อหารือถึงทิศทางการท่องเที่ยวปี 2552-2553 ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันที่จะกำหนดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยประจำปี 2552 ไว้ที่ 14 ล้านคน ก่อเกิดรายได้ประมาณ 505,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงจากปี 2551 ประมาณ 1% จากเบื้องต้นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานไว้ที่ 14.24 ล้านคน ลดลงจากปี 2550 ประมาณ 1.5% ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ กำหนดที่ 87 ล้านคนครั้ง เกิดรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ 407,900 ล้านบาท
ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นการปรับลดลงจากตัวเลขที่ ททท.นำเสนอไว้เบื้องต้นว่า ปีนี้จะได้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 14.8 ล้านคน เกิดรายได้ 531,000 ล้านบาท เพราะจากการหารือและรับฟังข้อมูลจากภาคเอกชน เช่น สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ),สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว(สทท.) ตลาดจนสายการบินต่างๆ เป็นต้น พบว่าจากภาวะเศรษฐกิจโลก มีผลกระทบให้ นักท่องเที่ยวตลาดยุโรป อเมริกา และอีกหลายตลาดที่ได้รับผลกระทบ เกิดการชะลอตัวที่จะเดินทางท่องเที่ยว หรือถ้าเดินทางก็ปรับลดวันพักและประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวของประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ไทยถือว่าลดลงเล็กน้อย เช่น มาเลเซียปรับลดเป้าจากปีก่อนถึง 9% เป็นต้น
โดยคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน รายงานว่า ในปี 2552 คาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการสายที่จะเดินทางเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะอยู่ที่ 24.6 ล้านที่นั่ง แบ่งเป็นเดินทางเพื่อท่องเที่ยวประมาณ 11.3 ล้านที่นั่ง เป็นตัวเลขที่ลดลงจากปี 2551 ราว 1.98% ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการประมาณ 25 ล้านที่นั่ง
"จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ทำให้เราตั้งเป้าใน 3 ประเด็นใหญ่ ที่ประเดิมด้วยเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 14 ล้านคน ดังกล่าว โดยถ้าจะทำให้ได้ถึงเป้าหมายนี้จริง ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศด้วย จึงเป็นที่มาของประเด็นที่ 2 คือ ปัญหาการเมืองต้องนิ่งและรัฐบาลต้องให้การสนับสนุนให้นโยบายหรือมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ออกมาแล้วนั้นมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น มาตรการยกเว้นค่าวีซ่า ก็ให้กำหนดวันมาเลยว่าจะเริ่มตั้งแต่วันไหน อย่างช้าต้องไม่เกินเดือนมีนาคมศกนี้ เพื่อเอกชนจะได้ไปกำหนดการจัดโปรแกรมทัวร์ ให้ทันกับช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันแรงงาน และประเด็นที่ 3 คือ ต้องมีการแตกการประชุมจากวันนี้ต่อไปเป็นกลุ่มย่อย สร้างเป็นเน็คเวิร์ดของการทำการตลาดและจัดอีเวนต์ร่วมกับพันธมิตร"
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ผลสรุปที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะนำเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดททท.เพื่อทราบและพิจารณาเห็นชอบในต้นเดือนหน้า โดยแผนการทำงานของททท.นับจากนี้ไป จะมีการประเมินเพื่อปรับแผนทุก 2 ไตรมาส ให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะเดียวกันการจัดทำแผนททท.ประจำปีงบประมาณ 2553 ก็จะปรับให้เร็วขึ้นอีก 1 เดือน เพื่อรับฟังความเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นผู้สัมผัสตรงถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยสั่งการให้ททท.เปิดอีเมล ฟีดแบค เปิดรับความคิดเห็นจากเอกชน
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ดททท.) เปิดเผยภาย หลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชนท่องเที่ยวทุกภาคส่วน รวมถึงระบบขนส่งคมนาคม เช่น สายการบิน เพื่อหารือถึงทิศทางการท่องเที่ยวปี 2552-2553 ว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันที่จะกำหนดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยประจำปี 2552 ไว้ที่ 14 ล้านคน ก่อเกิดรายได้ประมาณ 505,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลงจากปี 2551 ประมาณ 1% จากเบื้องต้นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานไว้ที่ 14.24 ล้านคน ลดลงจากปี 2550 ประมาณ 1.5% ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ กำหนดที่ 87 ล้านคนครั้ง เกิดรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ 407,900 ล้านบาท
ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าว ยอมรับว่าเป็นการปรับลดลงจากตัวเลขที่ ททท.นำเสนอไว้เบื้องต้นว่า ปีนี้จะได้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 14.8 ล้านคน เกิดรายได้ 531,000 ล้านบาท เพราะจากการหารือและรับฟังข้อมูลจากภาคเอกชน เช่น สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ),สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว(สทท.) ตลาดจนสายการบินต่างๆ เป็นต้น พบว่าจากภาวะเศรษฐกิจโลก มีผลกระทบให้ นักท่องเที่ยวตลาดยุโรป อเมริกา และอีกหลายตลาดที่ได้รับผลกระทบ เกิดการชะลอตัวที่จะเดินทางท่องเที่ยว หรือถ้าเดินทางก็ปรับลดวันพักและประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวของประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ไทยถือว่าลดลงเล็กน้อย เช่น มาเลเซียปรับลดเป้าจากปีก่อนถึง 9% เป็นต้น
โดยคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน รายงานว่า ในปี 2552 คาดว่าจำนวนผู้ใช้บริการสายที่จะเดินทางเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะอยู่ที่ 24.6 ล้านที่นั่ง แบ่งเป็นเดินทางเพื่อท่องเที่ยวประมาณ 11.3 ล้านที่นั่ง เป็นตัวเลขที่ลดลงจากปี 2551 ราว 1.98% ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการประมาณ 25 ล้านที่นั่ง
"จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ทำให้เราตั้งเป้าใน 3 ประเด็นใหญ่ ที่ประเดิมด้วยเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 14 ล้านคน ดังกล่าว โดยถ้าจะทำให้ได้ถึงเป้าหมายนี้จริง ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศด้วย จึงเป็นที่มาของประเด็นที่ 2 คือ ปัญหาการเมืองต้องนิ่งและรัฐบาลต้องให้การสนับสนุนให้นโยบายหรือมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ออกมาแล้วนั้นมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เช่น มาตรการยกเว้นค่าวีซ่า ก็ให้กำหนดวันมาเลยว่าจะเริ่มตั้งแต่วันไหน อย่างช้าต้องไม่เกินเดือนมีนาคมศกนี้ เพื่อเอกชนจะได้ไปกำหนดการจัดโปรแกรมทัวร์ ให้ทันกับช่วงเทศกาลสงกรานต์และวันแรงงาน และประเด็นที่ 3 คือ ต้องมีการแตกการประชุมจากวันนี้ต่อไปเป็นกลุ่มย่อย สร้างเป็นเน็คเวิร์ดของการทำการตลาดและจัดอีเวนต์ร่วมกับพันธมิตร"
นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ผลสรุปที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะนำเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดททท.เพื่อทราบและพิจารณาเห็นชอบในต้นเดือนหน้า โดยแผนการทำงานของททท.นับจากนี้ไป จะมีการประเมินเพื่อปรับแผนทุก 2 ไตรมาส ให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะเดียวกันการจัดทำแผนททท.ประจำปีงบประมาณ 2553 ก็จะปรับให้เร็วขึ้นอีก 1 เดือน เพื่อรับฟังความเป็นของเอกชน ซึ่งเป็นผู้สัมผัสตรงถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว โดยสั่งการให้ททท.เปิดอีเมล ฟีดแบค เปิดรับความคิดเห็นจากเอกชน
